ครั้งแรกกับงานเขียนแนวธรรมชาติ


ธรรมชาติเป็นแหล่งก่อเกิดสรรพสิ่ง

เป็นอีกหนึ่งงานเขียนที่เขียนเข้าร่วมผลงานที่กรุงเทพฯ...ครั้งแรกกับงานเขียนเกี่ยวกับธรรมชาติ

ธรรมชาติพรรณไม้: พรรณไม้ในธรรมชาติ

 

                ธรรมชาติเป็นแหล่งก่อเกิดสรรพสิ่ง เป็นแหล่งพึ่งพิง เป็นแหล่งแอบอิง เป็นทุกๆสิ่งของสรรพชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมกไม้นานาพรรณ ที่ผลิช่อก่อดอกออกผลให้ผู้คนอย่างเราได้ชื่นชม ถึงความหลายหลากในแมกไม้นานาพรรณที่มีอยู่ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรณไม้ใดๆ ก็ล้วนสร้างชีวิตของคนไทยให้อยู่ดีกินดีได้ทุกยุคทุกสมัย อาทิ กล้วยไม้ โป๊ยเซียน เป็นต้น

                ปัญหาพรรณไม้ธรรมชาติในปัจจุบันแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวางทุกภูมิภาคของประเทศไทย จนถ้าหากไม่ให้ความสนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนแล้วอาจทำลายการดำรงอยู่ ถึงความสวยงามในธรรมชาติของโลกเราได้ เพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์ต้องคงอยู่ควบคู่กับพรรณไม้นานาพันธุ์ แต่นับจากอดีตจวบจนปัจจุบัน หากจะมองย้อนไปถึงสภาพธรรมชาติของประเทศไทยในอดีต คงไม่มีใครปฏิเสธถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ เพราะการปลูกฝังรากฐานทางด้านจิตสำนึกให้ชนทุกผู้ทุกนามได้ตระหนักถึงคุณอนันต์ ที่แมกไม้นานาพรรณจะรังสรรค์ให้ก่อเกิดขึ้นซึ่งประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ แต่นับวันยิ่งมองก้าวข้ามไปในอนาคตมากเพียงใด ก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธเช่นกันว่า ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ เมื่อหันมองจะลดน้อยถอยลงวันแล้ววันเล่า สิ่งสรรค์สร้างอันก่อเกิดจากแมกไม้นานาพรรณที่เคยพบเห็น จะกลายเป็นความพลั้งเผลอในรากฐานความต้องการแสวงหาซึ่งผลประโยชน์จากธรรมชาติทุกวี่ทุกวัน หรือไม่ใช่เพียงวันแล้ววันเล่า แต่เป็นทุกวินาทีแล้วทุกวินาทีเล่า หากจะมองถึงสภาพปัญหาทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในส่วนของพรรณไม้ต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ เราก็คงต้องมองถึงจิตสำนึกของผู้คนที่มีต่อธรรมชาติถึงเรื่องของพรรณไม้ต่างๆ หากเข้าใจธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้ง เราก็ไม่ควรที่จะมองเพียงกระบวนการฟื้นฟูพรรณไม้ในธรรมชาติแต่ควรหันมาให้การสนับสนุนอนุรักษ์สิ่งที่มีอยู่แล้วให้คงอยู่เนิ่นนานให้มากที่สุด ค้นคว้าหาความจริงให้เข้าใจถึงวิวัฒนาการซึ่งมีเหตุผลสานสัมพันธ์ระหว่างพันธุ์ไม้ต่างชนิดต่างสกุลไปจนกระทั่งถึงต่างวงศ์กำเนิดให้สามารถเป็นศูนย์รวมซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันได้ทั้งหมดในธรรมชาติ

จะเห็นความจริงอย่างหนึ่งได้ว่าช่วงหลังๆพันธุ์ไม้ที่ค้นพบใหม่จากธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลง แต่กลับมีหนังสือตำราเพิ่มปริมาณมากขึ้นถึงพรรณไม้นานาพันธุ์ คำถามอยู่ที่ว่า “อะไรคือคำตอบและคำตอบคือะไร” ใครจะเป็นตัวช่วยเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้แมกไม้นานาพรรณในธรรมชาติจะยังคงมีอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน เยาวชน นิสิตนักศึกษา ชาวบ้าน หน่วยงาน หรือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คำตอบคงมีอยู่ในใจใครๆ

ภาวะพรรณไม้สูญพันธุ์เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง  ไม่ใช่ประเด็นข้อถกเถียงทางวิทยาศาสตร์หรือประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องมโนสำนึกของเราทุกคนที่จะทำให้มันเพิ่มมากขึ้นหรือลดลง อย่าลืมว่า หากบ้านที่ไร้ปัญหาคือสถานที่ ที่ทุกคนอยู่แล้วมีความสุข มีความอบอุ่นฉันใด โลกที่คงไว้ซึ่งธรรมชาติของพรรณไม้นานาพันธุ์ก็คือสถานที่ ที่มนุษย์ทุกคนต้องการแสวงหาฉันนั้นกับประเด็นคำถามที่ถกเถียงกันว่า วิทยาศาสตร์ได้มีผลกระทบอะไรต่อธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ และอนาคตวิทยาศาสตร์ควรจะมีบทบาทอย่างไรต่อไป ประเด็นคำถามเหล่านี้อาจเป็นการกล่าวโทษทั้งหมดให้แก่วิทยาศาสตร์ที่เข้ามามีบทบาทในสังคมโลกปัจจุบัน  วิทยาศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ในหลายๆด้าน ก็จริงแต่อย่าลืมว่าวิทยาศาสตร์ก็มีส่วนที่จะพัฒนาธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ได้เช่นกัน คำว่า “วิทยาศาสตร์”จะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีมนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นหากมนุษย์ไม่คิดโจทย์มันขึ้นมา คำตอบของทุกสิ่งจะไม่เกิดขึ้นหากมนุษย์ไม่คิดค้นหามัน เพราะฉะนั้นวิทยาศาสตร์จะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติต่อชีวิตมนุษย์อะไรบ้างนั้น มันขึ้นอยู่ที่มโนสำนึกของมนุษย์อย่างเรามากกว่าว่าจะใช้สิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์มาตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากน้อยเพียงใด

สำหรับประเด็นที่ว่า วิทยาศาสตร์ควรจะมีบทบาทอย่างไรต่อไปนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่วิทยาศาสตร์จะมีบทบาทอย่างไรแต่ประเด็นน่าจะอยู่ที่มนุษย์จะมีบทบาทอย่างไรกับวิทยาศาสตร์ในอนาคตมากกว่า เพราะลำพังแค่คำว่า “วิทยาศาสตร์”คงทำลายธรรมชาติหรือมนุษย์ไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่ว่า มนุษย์จะเป็นผู้เข้าไปหยิบยื่นความเป็นวิทยาศาสตร์ที่ขาดมโนสำนึกเพื่อทำลายธรรมชาติมากกว่า

การอยู่รอดของพืชพันธุ์ธรรมชาติของแมกไม้นานาพรรณเป็นสิ่งคู่กันกับธรรมชาติ รวมทั้งความหลากหลายทางด้านสายพันธุ์ที่ต้องเกี่ยวข้องกัน มันเป็นของขวัญทางธรรมชาติที่ได้ประทานไว้ให้แก่มนุษย์ เราจะต้องไม่ใช้ความหลากหลายทางธรรมชาติของพรรณไม้ที่มีอยู่ด้วยความลำพองใจเพียงเพื่อความสุขหรือการแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติไม่ว่าจะด้วยกลวิธีใดๆ แม้ว่ามันอาจไม่ผูกพันกับเราในทางด้านกฎหมาย แต่มันเป็นหน้าที่ทางศีลธรรมที่เราจะต้องรักษาความหลากหลายทางธรรมชาติโดยเฉพาะแมกไม้นานาพรรณที่นับวันจะยิ่งสูญพันธุ์ขึ้นเรื่อยๆ หลงเหลือไว้เพียงคำว่า “ธรรมชาติ” ที่ปราศจากซึ่งพรรณไม้

ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าการอนุรักษ์จะส่งผลยั่งยืนมากกว่าการฟื้นฟู เพราะฉะนั้นความจำเป็นในการอนุรักษ์พรรณไม้ในธรรมชาติจึงควรจะต้องจัดความสำคัญไว้ในลำดับต้นๆให้เราทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พรรณไม้ในธรรมชาติไว้ เพื่อที่เราจะมีพรรณไม้นานาพันธุ์ชั่วลูกชั่วหลาน แม้จะต้องผ่านกาลเวลาที่ยาวนานกับการร่วมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ปกปักรักษาแมกไม้นานาพรรณในธรรมชาติ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยปะละเลยจนพันธุ์ไม้สูญพันธุ์ขึ้นทุกวันๆ แล้วค่อยหันมาฟื้นฟูธรรมชาติ

“มาเถอะครับ” มาร่วมกันปกปักรักษาธรรมชาติ หยุดคำว่าผลประโยชน์ หยุดคำว่าวิทยาศาสตร์ดูบ้าง แล้วลองระลึกถึงมโนสำนึกที่มีอยู่ซึ่งเป็นรากฐานของความเป็นมนุษย์นั่นก็คือ “ความรัก” ใช้ความรักช่วยกันปกปักรักษาธรรมชาติ ปกปักรักษาพรรณไม้เอาไว้ ดังคำกล่าวที่ว่า “อยากให้ธรรมชาติคงอยู่ พวกเราต้องช่วยกัน รับรู้ด้วยกัน มุ่งมั่นอนุรักษ์พรรณไม้เอาไว้ อยากให้ธรรมชาติคงอยู่อย่างนี้ เป็นธรรมชาติที่เราฝันใฝ่ จะก่อเกิดอย่างไรเกิดขึ้นได้ด้วยมือของเรา”

หมายเลขบันทึก: 183484เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2008 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอบคุณ ผอ.ประจักษ์ มากครับที่แวะเข้ามาทักทาย และขอบคุณมากๆครับสำหรับดอกไม้

สวัสดีค่ะคุณเสียงเล็ก ๆ

มาเป็นกำลังให้กับความตั้งใจดี และบันทึก "ครั้งแรกกับงานเขียนแนวธรรมชาติ"ค่ะ ^_^

ขอโทษค่ะ เขียนตกคำว่า "ใจ"ไป ต้องเป็นคำว่า "กำลังใจ" ค่ะ แหะ ๆ

ชอบมากเลยค่ะสีเขียว ๆ ของต้นไม้

มองทีไรสดชื่น ..

สวัสดีค่ะ

สวัสดีครับ

ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทรุดโทรมลงไปทุกที

รีบช่วยกัน เริ่มช่วยกัน ตั้งแต่วันนี้ครับ

วันนั้นกวีการเมือง วันนี้กวีธรรมชาติ อย่าลืม กวีสำหรับผู้ต้องขังของหนูนะ

ขอบคุณน้อง จิมากครับ กาแฟน่ารับประทานจริงๆ...อิ อิ อิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท