การศึกษาตามอัธยาศัยนับว่ามีบทบาทมีความสำคัญต่อชีวิตจริงของผู้คนเป็นอย่างมาก มากกว่าการศึกษาในระบบและนอกระบบด้วยซ้ำ เรียกว่าตลอดช่วงชีวิตก็เรียนรู้โดยการศึกษาชนิดนี้นี่แหละครับเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระบบและนอกระบบอยู่แล้วจะไม่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการศึกษาตามอัธยาศัยไม่ได้เลย คนที่สมบูรณ์ทางการศึกษาจะต้องประสมประสานทั้งสามรูปแบบนี้เข้ากันอย่างลงตัว
นิยามคำว่า การศึกษาตามอัธยาศัย ตาม พรบ. กศน. เขาหมายถึง กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิตประจำวันของบุคคล ซึ่งบุคคลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพการเรียนรู้แต่ละบุคคล
พรบ.กศน.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ถึงกับชื่อ พรบ.ก็มีคำว่าการศึกษาตามอัธยาศัยอยู่ด้วย พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.๒๔๔๑
สาระสำคัญของกฎหมายพูดไว้ในรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้ที่สนใจ ลองหา พรบ.อ่านดูนะครับ
แต่พอเป็นชื่อย่อ เขาเอาแต่คำว่า กศน. เพราะคำว่า กศน.ติดปากเป็นที่รู้กันทั่วไปแล้ว คำว่าอัธยาศัยตกไป สมาชิก สนช.บางท่านให้ความสำคัญกับการศึกษาตามอัธยาศัย เสนอให้ใช้คำย่อว่า กศนอ.คือเติม อ.= อัธยาศัย เข้าไปด้วย แต่ก็แพ้มติไป
เมื่อมีความสำคัญมากเช่นนี้ ผมก็อยากเชิญชวนท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันระดมความเห็นเข้ามาหน่อยเถอะว่าจะวางระบบพัฒนาการศึกษาตามอัธยาศัยกันอย่างไร?ถึงจะโดนใจสักที ไม่ติดกรอบรูปแบบเท่าที่มีอยู่ปัจจุบัน
เชิญระดมความเห็นกันเข้ามานะครับ
ครูนงเมืองคอน
การศึกษาตามอัธยาศัย น่าจะขึ้นอยู่กับความสนใจส่วนตัวของแต่ละท่านด้วย หรือสำหรับบางคนอาจมีอุปนิสัยชอบเรียนรู้ในเกือบทุกเรื่อง เช่น อาจารย์ แสง มนวิทูร
ฟังว่า ช่วงหนึ่งของชีวิต อาจารย์แสงเป็นปลัดอำเภอ ซึ่งแต่ละเดือนต้องเดินทางเข้าจังหวัดเพื่อมารับเงินเดือนไปแจกจ่ายกัน การเดินทางสมัยก่อน ไปมายาก จึงต้องมีวิชาการดำรงชีพในป่า ทำให้อาจารย์แสงเริ่มสนใจพืชต่างๆ แล้วก็ค่อยๆ ค้นคว้า เช่น สิ่งนี้ ภาษากลางเรียกอย่างนี้.... เหนือ อีสานเป็นต้น เรียกอย่างนี้... หรืออังกฤษ บาลี กรีก จีนเป็นต้น เรียกอย่างนี้...
กล่าวกันว่า อาจารย์แสงรู้จักต้นไม้ทุกชนิด เคยมีบางท่่านต้องการให้ท่านได้พูดคุยเทียบความรู้กับโปรเพสเซอร์ระดับโลกด้านนี้ แต่ไม่มีโอกาส...(ทำท่าโม้นอกเรื่อง 5 5 5...)
ตามความเห็นส่วนตัว การศึกษาตามอัธยาศัย น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า การเรียนรู้ตลอดชีวิต.... แต่คิดว่า คงต้องสร้างค่านิยมเรื่องนี้ในสังคมไทยหรือคนใกล้ชิดก่อน เพราะสังคมไทยมีคำว่า บ้าหอบฟาง ซึ่งค่อนข้างจะมีความเห็นเชิงลบ ทำนองว่า รู้มากแต่ไร้ประโยชน์ไร้สาระ...
ขณะที่ปัจจุบันนี้ สังคมไทยยังเห่อวุฒิการศึกษา แต่มิได้ให้ความสำคัญต่อคนที่มีความรู้ที่แท้จริง กลับไปให้ความสำคัญต่อคนที่มีอำนาจหรือมีเงินมากกว่า...
ทำท่าจะบ่นต่อไปอีกไม่สิ้นสุด (5 5 5.......)
เจริญพร
หากเรายังติดที่เปลือก หรือรูปแบบ การศึกษาชาติจะไม่ไปไหน ก็คงได้แต่รูปแบบและกระดาษ
อย่างไรก็ดี กระดาษก็ยังจำเป็นเพราะสังคมยุคนี้ต้องการแบบนี้ เพื่อให้นักเรียน กศน.นำไปปรับวุฒิ โปรดอย่าละเลยเรื่อง คุณภาพ
พรบ.ฉบับนี้จะชื่ออย่างไร ขับเคลื่อนต่ออย่างไร ที่แน่ ๆ คน กศน.ก็โปรดอย่าเสียขวัญ ดูเนื้อหา พรบ.มีการกล่าวถึง พันธมิตร หรือเครือข่าย อยู่ที่เจ้าถิ่นทั้งที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาพ จะรู้จักเข้าใจใช้เป็นหรือไม่>>>>>>
สวัสดีครับครูนง...
การศึกษาตามอัธยาศัย...มีใครไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์หรือยังครับ...ทำไปทำมาสักพัก...ก็บอกว่าของฉาน...ฉานทำได้ทำมาก่อน...เหมือนที่แล้ว ๆมาจำได้ใช่ไหมครับ...เหนื่อยท้อเวลาฟังเขาแหลงหรอย ๆ เอาคะแนน...โหมที่ทำทำแทบตาย...อิอิ
โชคดีครับผม
กศน. เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนไป หลักสูตรเปลี่ยนไป แต่ผู้เรียนไม่เปลี่ยนไปเพราะไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตามวิถีชีวิตของเขา
คุณ อรุโณทัย ที่รักนับถือ
การเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนและของชุมชน ผู้เรียนต้องลงมือเดินหน้านำพาตนเองเป็นประเดิมนะครับ ครู กศน.อย่างเราๆต้องขยับ.....อาจารย์ว่าต้องอย่างนี้ไม่ละครับ ส่งเสริมและเอื้อผู้เรียนให้อยากรู้อยากเรียนได้อย่างไรคือบทบาทเราใช่ไม๊ละครับ....เรียนรู้ในวิถีชีวิต เรียนรู้ตามอัยาศัย
ขอบคุณนะครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยน