สุขภาพเป็นเรื่องของคนทุกคน ที่ต้องช่วยกันดูแล ปัญหาของชุมชน ย่อมไม่มีใครรู้ดีเท่าชุมชน
ช่วงสัปดาห์นี้ได้มีโอกาสไปเรียนรู้ องค์กรการบริหารส่วนตำบลปากพูน และมีโอกาสได้ศึกษาการภาระกิจการถ่ายโอนอำนาจ จึงได้เรียนรู้แนวคิดและมุมมองการถ่ายโอนอำนาจสถานีอนามัยสู่ อบต ปากพูน ของเจ้าหน้าที่อนามัย มาเล่าสู่กันฟังคะ
มุมมองการถ่ายโอนอำนาจสถานีอนามัย สู่ อบต.ปากพูน ของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย
หัวหน้าสถานีอนามัยบางปู และ สถานีอนามัย ปากพูน มองว่าการถ่ายโอนอำนาจสู่ อบต. เป็นเรื่องดี เนื่องจาก สุขภาพเป็นเรื่องของคนทุกคนที่ต้องช่วยกันดูแล ปัญหาของชุมชน ย่อมไม่มีใครรู้ดีเท่าชุมชนนอกจากนี้ ยังได้เพื่อนร่วมงานในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเดิมนั้นก็ทำงานร่วมกับ อบต.อยู่แล้ว แต่เป็นการทำงานแบบประสาน ความเป็นเจ้าของยังมีน้อย เมื่อมีการถ่ายโอนอำนาจความเป็นเจ้าของที่จะร่วมกัน คิดแก้ไขปัญหา มีมากขึ้น มีภาคีเครือข่ายในการ ทำงานที่เข้มแข็งขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจในการถ่ายโอนอำนาจ เนื่องจากหัวหน้าสถานีอนามัย มีความอาวุโส ทางด้านวัยวุฒิและ คุณวุฒิจึงอยากนำร่องในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อ ที่จะได้ศึกษารูปแบบการถ่ายโอนอำนาจ ศึกษาปัญหา อุปสรรค และแก้ไข ปัญหาให้เรียบร้อย ทำเป็นรูปแบบการทำงานไว้ให้น้องๆ ส่วนสถานีอนามัย ปากพูนเห็นว่าเมื่อ พรบ. ออกมาแล้ว เราจะไปทางไหน ก็ต้องถ่ายโอนอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว
ส่วนสำคัญ ในการช่วยตัดสินใจ ของเจ้าหน้าที่อนามัย คือ แนวคิด ของนายกบริหารส่วนตำบล แนวทางการพัฒนาของอบต. เจ้าหน้าที่ สถานีอนามัย ทั้ง 2 แห่งบอกว่า หากไม่ใช่นายกอบต. ท่านนี้ ก็ไม่แน่ใจว่า จะได้เช่นนี้หรือไม่
มุมมองของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยต่อนายก
1. ท่านเป็นคนให้โอกาสคนทำงาน คิดได้เท่าไหร่ ทำได้เลย คนทำงานมาอยู่กับท่านจะสบาย แต่หากใครไม่ทำงานมาอยู่กับท่านจะลำบากสักหน่อย
2. เต็มที่ในการทำงาน แม้แต่ระยะที่ยังไม่มีการถ่ายโอนท่านก็ให้การสนับสนุน และ เต็มใจที่จะช่วยเหลือ อย่างเช่นเมื่อครั้ง สถานีอนามัยปากพูน จะส่งประกวดสถานีอนานัย ท่าน ลงมาช่วยดูเรื่องภูมิทัศน์ และลงมือทำเอง เพราะท่านถือว่า เมื่อจะแข่งกับเพื่อนเราต้องเต็มที่ในการทำงาน
3. เป็นคนเอาจริง และ เฉียบขาด
การทำงานทั้ง 2 สถานีอนามัยมองว่าทำได้เร็วขึ้นเนื่องจาก ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์มากนัก วิธีการควบคุมกำกับจะเป็นวิธีการกำกับหลัง คือ เสนอเรื่องขึ้นไป เมื่อเห็นชอบ และเป็นสิ่งที่ดี ทำได้เลย แต่ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายหลัง แต่ปริมาณงานจะมากขึ้น การรายงานที่ต้องรายงาน ต่อ รพ. สาธารณสุขอำเภอ และ สปสช ยังคงเหมือเดิม และ เป็นสายการประสานงาน การดูแลเรื่องคุณภาพยังคงเหมือนเดิม และต้องรายงานเพิ่มมายัง อบต.
ส่วนปัญหาอุปสรรคในการทำงานหลังถ่ายโอนคือ
1. กฎระเบียบในการทำงาน เช่นการเบิกจ่ายเงิน ยังไม่มีระเบียบที่ชัดเจน โชคดีที่ท่านนายกธนาวุฒิ ถาวรพราหม์ ท่านเป็นคนที่กล้าตัดสินใจ กล้าที่จะทำ หากไม่มีข้อห้าม ขอเพียงให้เรามีความโปร่งใส มีหลักฐานในการตรวจสอบ หรือ ที่เค้าเรียกกันว่า การกำกับหลัง
2. ภาระงานมีมากขึ้น
ข้อคิดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต่อการถ่ายโอนอำนาจ
อยากเอา อบต นำร่องทั้ง 22 แห่งมาคุยกันเรื่องกฎระเบียบให้ชัดเจน หารูปแบบการกำหนดกฏระเบียบให้ชัดเจน
ส่วนตัวผู้เขียนเองมีความคิดว่าเป็นเรื่องดี ในการถ่ายโอนภาระกิจ สาธารณสุขสู่ อบต. เนื่องจากเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องของคนทุกคน และขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละท้องถิ่น และแต่ละท้องถิ่นเอง ก็มีภูมิความรู้เป็นของตัวเอง การจัดการ ก็ง่าย ไม่ซับซ้อน หรือ เพื่อน G2Know เห็นเป็นอย่างไรกันบ้างคะ