ดินทอง
นพวัชร เคี้ยง จิรวัฒน์วณิชย์

@ใจสามัคคี


"หากบุคคลใด เห็นว่า จะได้สุขอันไพบูลย์นั้น ต้องยอมสละสุขอันน้อยนิดเสียก่อน ผู้มีปัญญาเท่านั้นพร้อมสละสุขอันเล็กน้อย เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ แล้วจะได้ประสบสุขอันไพบูลย์ยิ่ง"

                 ทุกคนต่างมีแนวทางดำเนินชีวิตตามความถนัด สิ่งที่ได้เรียนรู้กันมา มุ่งไปสู่เป้าหมายสูงสุดของชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง แต่ก็ต้องระมัดระวังความคิดตนด้วย เพราะไม่แล้ว การไม่ยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น อาจเป็นอาวุธร้าย กลับมาทิ่มแทง ปล่อยให้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทุกอย่างต้องประสบเอาเอง ทำทุกอย่างไม่มีใครช่วยได้เลย เพราะตนเองไม่ได้เปิดทาง ไม่เปิดช่องให้คบหา ไม่ได้คบกันด้วยจิตใจ ความเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่ฟังและไม่เชื่อใครทั้งนั้น ในที่สุดชีวิตก็จะอยู่คนเดียวเก่งคนเดียว โดยไม่มีใครกล้าแนะนำอีกต่อไป หากเป็นคนเก่งคนดีจริง ทำอะไรอยู่ดนเดียวไม่พลาดก็โชคดีไป แต่ถ้าหากไม่เก่งจริง หรือเมื่อมีโอกาสผิดพลาดในชีวิต ซึ่งอนาคตเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก ชีวิตก็ตกที่นั่งลำบากได้ง่ายๆ

                 การอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องดี ที่ทุกคนจำเป็นต้องให้ความสำคัญยิ่ง ร่วมงาน ร่วมกันยอมรับสภาพปัจจุบันของกลุ่มชน สังคมอยู่สุขสบาย บางครั้งต้องขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือสังคมต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทั้งหลายที่ไม่เหมาะสมกับการปกครอง ก็จำเป็นต้องขอความร่วมมือร่วมใจกัน สังคมอยู่เย็นเป็นสุขได้ ต้องร่วมด้วยจิตใจ 

                 ไม่ใช่ว่า เราอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องไปยุ่งกับใครใดๆ อยู่คนเดียวสบายดีแล้ว เอาตัวเองรอดแล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร ไม่ต้องไปช่วยใครเขาหรอก อยู่คนเดียวดีกว่า ใครเขาจะเป็นอย่างไรก็ชั่งเขา  เป็นไปได้อย่างไร? เขาเดือดร้อน เพื่อนบ้านเดือดร้อน สังคมเดือดร้อน แล้วเราจะอยู่ดนเดียวอย่างมีความสุขได้อย่างไร เจตนาเป็นสิ่งสำคัญ ทุกความคิด ทุกการกระทำ ขอให้เป็นด้านจิตใจ ทุกอย่างเป็นกระจกเงา ทุกคนเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา นำออกมาช่วยเหลือสังคม วิสัยทัศน์ Vision สมัยนี้ทำอะไรต้องให้มันทันสมัยก็จริง แต่ก็ต้องรู้จักมันด้วย ใช้ให้เป็นจริงๆ เลือกตามที่ตนถนัด สร้างสัมพันธ์ที่มีมากหน้าหลายตา แต่ละกลุ่ม แต่ละบุคคล ต่างเป็นคนเก่ง ขอให้ใจกว้างพอ เกียรติและความเลื่อมใส มีอยู่แล้ว อยู่ที่ผลลัพธ์ ที่ทุกคนกระทำลงไป เน้นมากๆ ให้เคารพกฎบ้านกฎเมือง ยึดถือหลักพระธรรม หลักความเป็นจริงที่ถูกต้อง ที่เหมาะสมกับยุคสมัย ความสมบูรณ์พูนพร้อม อยู่ที่ทุกคนต่าง มีความรับผิดชอบร่วมกัน เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

                สละความสุขอันเล็กน้อย เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ เพื่อสังคมชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อความบริบูรณ์สมเจตนารมณ์ ของพ่อหลวงของพวกเรา จะได้สมประสงค์ ดังปณิธานที่ว่า "เราจะปกครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของชาวไทย" พ่อหลวงของเรา ไม่ได้คิดจะเอาอะไรกับพวกเราเลย พร้อมให้ชาวไทยทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข สังคมเดือดร้อน แล้วจะให้พ่อหลวงมีความสุขได้อย่างไรกัน

                ฉะนั้นช่วยกันรักษาแผ่นดิน ให้มีความพูนพร้อมเต็มไปด้วยความสุขด้านจิตใจกันมากๆ สร้างความกลมกลืนอย่างนุ่มนวล Soft ด้วยความจริงใจ Sincerity ด้วยความอดทนอย่างซื่อตรง Obedient เลือกสรรสังคมเข้ากลุ่มพัฒนาอย่างเหมาะสม Contact ด้วยความเมตตาชน มีจิตใจคิดดี เห็นอกเห็นใจ เกรงใจผู้อื่น Considerate ด้วยการยอมรับความเป็นกฎกติกาบ้านเมือง Commitment รู้จักยอมรับ สร้างความเป็นกันเอง ความคุ้นเคยในการคบหาสู่กัน Intimacy ด้วยความชื่นชม เห็นคุณค่าต่อผู้อื่นเสมอ Appreciate มีความสุขร่วมกันในสังคม หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ยิ้มสยามเกิดขึ้นอีกครั้งทั่วเมืองไทย ชีวิตที่สร้างสรรค์ มีชีวิตชีวา Lively รู้จักวางตนให้สง่างามอย่างมีสไตล์

                ชนะความตระหนี่ ด้วยการให้            ชนะคนพาล ด้วยความจริง

                ไม่ทำตนให้เป็นคนหัวสูง เหนือคนไปทุกอย่าง สร้างความเป็นกันเอง ด้วยการวางตัวเสมอกัน สยบคนด้วยความดี ไม่เป็นคนจับผิด ไม่วางตัวเป็นนักเลง มีสติทุกเมื่อ ชื่นบานทุกเรื่องราวที่คิด กำกับด้วยความรู้สึก ตอกย้ำจิตด้วยความสามัคคีแห่งใจตน สร้างมิตรภาพทั้งภายนอกและภายใน ด้วยความเคารพชีวิตของตนเอง

                "บุคคลใดปรารถนาสุขเพื่อตน   ด้วยการสร้างทุกข์ให้ผู้อื่น

                บุคคลนั้นจะพัวพันกับเวรไม่สิ้นสุด     จะไม่พ้นจากเวรได้เลย"

                 ชีวิตตนต้องการสุขสบาย แต่กลับสร้างทุกข์ให้กับผู้อื่น แล้วจะได้สุขได้อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล กระทำอะไรไป ย่อมเป็นปัจจัยเชื่อมโยงกัน สิ่งที่ควรทำ กลับทอดทิ้งกัน สิ่งที่ไม่ควรทำ ก็ไปทำเข้าแล้ว กระแสกิเลสเข้าจรเข้ามาในชีวิต กระทำมากเข้าไป เป็นเรื่องหมักดองในจิตลึก ด้วยความไม่รู้ซึ้ง ด้วยความไม่ละเอียดจากความสน อก สน ใจภายใน ความเย่อหยิ่ง ความประมาทมัวเมาชีวิตอย่างสุดโต่ง

                "มองประเทศ ต้องมองความพฤติกรรมคน  ความสามัคคีในหมู่คณะ ย่อมทำให้เกิดสุข หมู่คณะใดมีความสามัคคี มีความเห็นที่ตรงเสมอกัน หมู่คณะนั้นย่อมเจริญทุกเมื่อ"

                พร้อมแล้ว ที่ทุกคนต้องมาเพิ่มความสามัคคีในตัวเราเอง เพิ่มพลังความสามัคคีในตัวเรงเองก่อน ตัวเราเองไม่สามัคคีในตัวเราเองหือก็ว่าได้ บางครั้งเราลองสังเกตสิว่า

                บางครั้งเราต้องการทำอย่างหนึ่ง ข้างในก็ต้องการอย่างหนึ่ง ความคิดก็ไปอีกอย่างหนึ่ง เหตุการณ์มันก็ไปอีกอย่างหนึ่ง จนเราเองรู้สึกว่า ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้สึกว่า ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำอย่างไงต่อ ไม่ว่าอยู่ที่ทำงาน ต้องการอย่างหนึ่ง แต่เหตุการณ์เป็นอีกอย่างหนึ่ง นี่แหละ ความขัดแย้งในตัวเราเองยังมีอยู่

               แล้วจะทำอย่างไงดี แม้ตัวเราเอง ภายในยังมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยไป เราจะอยู่บนโลก อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขได้อย่างไร ให้สังเกตตรงนี้ไว้ พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และนับวันกระแสโลกที่ขาดจิตวิญญาณที่แท้ๆ ก็ยากจะเจอกันด้วย วันเวลาที่อยู่ร่วมกัน คบกันด้วยจิตใจก็ไม่แสดงออกมา นี่แหละ ไม่มีใครรู้จิตใจคน เพราะแม้ตัวเราเองยังไม่เข้าใจตนเองเลย ไม่แสดงออกมากัน ชีวิตที่แหลกเหลว สังคมที่จ้องทำลายศีลธรรม ช่วยสังคมก็มีคนอิจฉากัน นินทากัน เกิดการลักเล็กขโมยน้อย ปล้นชิงทรัพย์ ภัยพิบัติ รอคอยเขมือบชีวิตคน ชีวิตที่ต่ำกว่าวัตถุนอกกาย ตำแหน่ง ลาภยศ ชื่อเสียง อ้างแต่ความอยู่รอด ซึ่งนับวันฟุ่มเฟือยมากด้วยความต้องการไม่สิ้นสุด หมกมุ่นครุ่นคิดแต่ความจะได้มาเป็นของตน แทนที่จะเสียสละความสุขเล็กน้อยของตน เพื่อประโยชน์สุขของสังคม

               เราเปลี่ยนเหตุการณ์ข้างนอกไม่ได้กัน แต่เราปรับกระแสข้างในเราได้ เราเปลี่ยนเหตุการณ์ข้างนอกไม่ได้ เปลี่ยนคำพูดคนก็ไม่ได้  แต่ปรับโปรแกรมข้างในเราได้ โปรแกรมแห่งความดีงาม ด้วยความสุขภายใน ด้วยความปลอดภัยของชีวิต พร้อมปรับด้วยความรู้สึก มีสัมปชัญญะบ่อเกิดสติปัญญา ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด

               ที่พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ทุกคน หลุดออกจากเหตุการณ์ต่างๆได้ ด้วยการมีปัญญาเห็น ตามความเป็นจริง เพราะเหตุการณ์ข้างนอก มันก็มีอยู่ ด้วยแรงแห่งกรรมที่ทุกคนจะต้องมาเจอกันในโลกใบนี้ หนีไม่ได้กัน อยู่ร่วมในสังคม คนที่เราเจอ  ไม่ว่าคนนี้ จะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ทั้งหลายทั้งปวงนี่ 

               ด้วยแรงแห่งกรรมที่เหวี่ยงมา อาจไม่ใช่คนนี้ก็ได้ เป็นคนดีกับเรา แต่ด้วยผลกรรมดี เราก็ได้เจอ เห็นคนๆนี้ มาช่วยเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เป็นลูก เพื่อนๆที่ทำงาน หรือใครในสังคมก็ตาม

               ดังนั้น สิ่งต่างๆ ที่เราเจอเรื่องหนักๆ บ้าง ที่ทำงาน ที่บ้าน ให้เราทำดีไปเรื่อยๆ ทำแล้วรับผลได้เลย ทุกอย่างทำปุ๊ปได้ผลเลย เราจะรู้ทันทีว่า ความดีนั้นมีจริง ทำแล้วเห็นผล เห็นผลแล้วรับเลยก็ได้เลย ได้สร้างความดีช่วยชาติแล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การให้ความสะดวกแก่ประชาชน หรืออะไรก็ตามที่เล็กน้อย หรือแม้ในบริษัทที่เราทำงานก็ตาม เราทำความดีแม้เล็กน้อย ฯลฯ ทำแล้ว ไม่กังวลเลย ความดีเราสะสมไว้แล้ว ทีละนิดๆ มีแน่นอน

               ดังนั้น ฝึกจิตแล้ว ต้องให้พลังกับจิต ส่งเสริมพลังความดียิ่งๆ ขึ้น ให้มีพลังความดียิ่งขึ้น

               จุดเริ่มต้น ฝึกจิตแล้ว ก็หมั่นฝึกต่อ ฝึกใจให้สามัคคี เพิ่มพลังตัวเองก่อน ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น เก่งอยู่แล้ว ให้เก่งยิ่งขึ้น ฝึกอยู่แล้ว ให้ฝึกต่อไป ประคองจิตใจให้ปลอดภัย และต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองด้วย นั่นคือ มีความสุขแล้ว ออกไปช่วยผู้คนในสังคม มีความสุขแล้ว ออกไปทำงาน มีความสุขอิ่มสุข อิ่มบุญ จึงไปบอกต่อ.

Be Happy...DinTong!

คำสำคัญ (Tags): #ดวงใจใสสะอาด
หมายเลขบันทึก: 181692เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2008 09:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สวัสดีค่ะ  มาอ่านบันทึกดีๆเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
  • ทุกครั้งเริ่มต้นที่ต้นเองก่อนค่ะ เชื่อว่าคิดดี ทำดีแม้สิ่งเล็กๆ แค่นี้ก็สุขใจ ดวงใจใสสะอาด  ขอบคุณค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท