หายใจด้วยมือ


หายใจด้วยมือ

            เมื่อปี พ.ศ. 2538 ผมยังเป็น extern หรือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 อยู่ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังจำได้ไม่รู้ลืมก็คือ ให้ป๊ะหายใจเอง ซึ่งเป็นเรื่องของการดูแลคนไข้รายหนึ่ง จวบจนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า ผมทำดีหรือไม่ดี น่ายกย่องหรือน่าตบกะบาล

            ป๊ะเป็นชาวมุสลิมอายุราวๆ 70 กว่า ป๊ะเป็นโรคมะเร็งปอด ที่วินิจฉัยเบื้องต้นได้ในขณะนั้นก็เพราะว่าป๊ะมาโรงพยาบาลด้วยอาการหน้าและแขนทั้ง 2 ข้างบวม หรือที่เรียกว่า superior vena cava obstruction (SVC obstruction) หลอดเลือด SVC นี้ก็คือ หลอดเลือดดำใหญ่ ที่เป็นทางนำเลือดดำจากส่วนบนของร่างกาย หัว สมอง แขน ไหลเข้ามาสู่หัวใจช่องบนขวานั่นเอง คราวนี้ปัญหาของป๊ะก็คือ ก้อนเนื้องอกตัวนี้มันโตขึ้นมากดเบียดหลอดเลือดดำตัวนี้ก่อนที่มันจะไหลเข้าหัวใจ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมันอุดตัน เลือดดำที่จะไหลเข้าหัวใจก็เข้าไม่ได้ เลือดดำจากส่วนบนของร่างกายจึงคั่ง หัว หน้า มือ แขน หลอดลม จึงบวมเต่ง นั่นจึงนำป๊ะมาหาเรา เพราะป๊ะเริ่มหายใจลำบาก พี่ๆที่อยู่เวรจึงใส่ท่อช่วยหายใจให้ป๊ะ

            การรักษาเบื้องต้นนอกจากจะใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อเปิดทางเดินอากาศให้ป๊ะแล้ว เราต้องรีบทำให้เนื้องอกที่มากดเบียดหลอดเลือดอยู่นั้นยุบลงให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะเปิดทางเดินไหลเวียนของเลือด นั่นก็คือการฉายแสงบริเวณทรวงอก

            หน้าที่หนึ่งของ extern อย่างผมก็คือ ตามคนไข้ลงไปฉายแสง เพื่อที่จะมั่นใจว่า ระหว่างทางที่ไปส่งคนไข้นั้น เขาจะปลอดภัยจากการเดินทาง ท่อช่วยหายใจไม่หลุดระหว่างทาง คนไข้ไม่ตกเตียง หัวใจยังเต้นอยู่ และอื่นๆอีกเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ (และผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่า หากเขาเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆแล้ว ผมจะสามารถจัดการได้ หรือว่าหน้าที่เราคือวิ่งไปหาคนให้มาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดหนอ) อย่างกับป๊ะท่านนี้ ผมเดินบีบ ambu มาให้ท่านตลอดทาง (ambu คือลูกยางใหญ่ๆที่เราบีบเพื่ออัดอากาศที่มี oxygen เข้าปอดคนไข้ที่หายใจเองไม่ได้ ผ่านท่อช่วยหายใจครับ)

            เมื่อเข้ามาส่งป๊ะถึงบนเตียงฉายแสง พี่เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า ไหนเครื่องช่วยหายใจล่ะหมอ โง่เลยครับโง่เลย จะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า ว่ามาที่นี่ต้องเอาเครื่องช่วยหายใจมาด้วย ก็ไม่เคยมาเพื่อกิจการงานนี้เลยนี่นา เมื่อครั้งที่เรียนตอนอยู่ปี 4 อาจารย์ก็พามาดูเครื่องฉายแสงอย่างเดียว ท่านก็ไม่เคยสอนว่าที่นี่ไม่มีเครื่องช่วยหายใจ (ฮ่วย !) แล้วจะทำอย่างไรดี ผมก็เสนอว่า ให้ลูกเขยป๊ะบีบ ambu ให้ได้ไหม อย่าเลยครับหมอ สงสารเขา เขาไม่ควรมาโดนรังสี (ในใจพี่เขาคงด่าผมนะครับ จะบ้าเหรอ ทำไมไม่บีบเองเล่าไอ้ extern) จริงสินะ ทำไมตอนนั้นผมเห็นแก่ตัวจังเลย หรือว่าไม่รู้เรื่อง จริงๆแล้วต้องเรียกว่าโง่ครับถึงจะนิยามความเป็นตัวผมได้ในขณะนั้น

            การฉายแสง เป็นการปล่อยรังสีโคบอลต์ ให้ผ่านร่างกายของผู้ป่วยในส่วนที่มีก้อนมะเร็งอยู่ รังสีตัวนี้ก็จะทำให้อนุภาคของ oxygen ในบริเวณที่มันผ่านไปแตกตัวออก และการแตกตัวนี้เองที่ทำให้เกิด oxygen ชนิดที่เป็นพิษต่อเซลล์ แล้วมันก็มาทำลายเซลล์มะเร็งอีกทีหนึ่ง

            แล้วปัญหาของผมตอนนี้ล่ะ จะให้ทำอย่างไรดี ฉับพลันวุฒิปัญญาก็เกิด เมื่อเข้าใจได้ว่า ป๊ะหายใจเองได้ ท่านเพียงแต่มีหลอดลมบวมฉึ่งจนอุดกั้นทางเดินหายใจ แต่นี้เราใส่ท่อช่วยหายใจให้แล้วนี่ ดังนั้น ป๊ะยังหายใจเองได้ เอาอย่างนี้ ป๊ะเอามือบีบลูกยางนี้เองได้ไหมครับ อยากหายใจเมื่อไหร่ก็บีบ ป๊ะทำหน้างงงงเล็กน้อย แต่เมื่อท่านเข้าใจว่าคงไม่มีใครยืนบีบ ambu ให้ท่านแล้วแน่ๆ ท่านก็พยักหน้าหงึกๆ ว่าทำได้ ผมจึงวาง ambu ไว้บนอกท่าน บริเวณที่ไม่อยู่ในส่วนที่ต้องฉายแสง แล้วให้ท่านลองบีบดู เมื่อมั่นใจแล้วว่าท่านทำได้ ผมจึงออกไปนอกห้อง ก่อนออกไปก็กระซิบบอกท่านนิดหนึ่งว่า ป๊ะทำได้ครับ แล้วผมก็เผ่นออกไปดูด้านนอก ซึ่งมีกล้องวงจรปิดสังเกตคนไข้ตลอดเวลา

            การฉายแสงนั้น ฉายเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น น่าจะเกือบนาทีหรือนาทีกว่าๆผมก็เลือนแล้ว แต่ที่ไม่ลืมก็คือ ป๊ะทำได้ ป๊ะหายใจด้วยมือป๊ะเอง เอ๊ะ ฟังดูแหม่งๆ แต่ก็เป็นดังนั้นครับ ท่านกำหนดลมหายใจของท่านด้วยมือบีบจริงๆ

            คุณละครับ เคยหายใจด้วยมือแล้วหรือยัง แต่ผมคิดว่า อย่าเคยเลยนะครับ

หมายเลขบันทึก: 181686เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2008 08:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2012 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
  • แวบแรก..นึกถึงภาพป๊ะ..หายใจด้วยมือ..ในวิธีที่คุณหมอจัดให้..แล้วขำ..555..
  • แวบต่อมา..นึกสงสาร..และเห็นถึง การช่วยตนเอง..สู้ต่อชีวิต..
  • และก็..ตอนนั้น..คิดได้อย่างไรคะ..หมอ..^ ^

ร้ายจริงนะ extern คนนี้อ่ะ 

อิอิ

เป็นการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่โอเคเลยค่ะ  เพราะป๊ะรู้สึกตัวดี  ก็เลยสามารถทำเองได้เนาะ

อิอิ

คุณหมอทำตามพุทธภาษิตแล้วขอรับ

อัตตาหิ อตโนนาโถ

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างเสริมพลังอำนาจให้ผู้ป่วย (empowerment) คือสอนจนผู้ป่วยสามารถทำได้เอง และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (อิอิ บีบเป็น และตัดสินใจว่าจะบีบเอง)

เอ นี่เราเอาพุทธภาษิต และทฤษฎีมาใช้ถูกทางหรือเปล่าหว่า

สวัสดีครับ dd L, พี่หนิง และคุณสาโรจน์ครับ

ตอนนั้นรู้สึกหลายอย่างครับ

โง่ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เลว (ที่จะให้ลูกเขยเขามาบีบ ambu)

ดีใจ (สนุก) ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ฉับพลันทันด่วน

ตอนนี้ อุเบกขา ครับ ปล่อยใจไม่ให้มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจนเกินไป และก็น่าทึ่ง ทึ่งที่คนเราดิ้นรนเพื่อชีวิตตนเองได้เสมอครับ

ขอบคุณอ.หมอแป๊ะมากๆที่นำเรื่องแบบนี้มาเล่านะคะ เพราะยิ่งนานวันก็จะยิ่งมี "อุเบกขา" มากขึ้นๆ สิ่งที่คิด ที่ทำตอนเป็น extern นี่แหละค่ะมีค่ามากๆกับหมอใหม่ทั้งหลาย อย่าให้เขาต้องเรียนรู้ด้วยตนเองไปเสียทั้งหมด คนที่มีติตวิญญาณของหมอติดตัวมาก็ดีไป แต่คนที่เรียนหมอเพราะสถานการณ์บังคับก็ยังมีเยอะ (ตามธรรมเนียมไทยๆ) เรื่องราวแบบนี้ปลุกจิตวิญญาณคนได้ค่ะ นอกจากเอามาเล่าแล้วยังหาคนเล่าได้อย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและ "มัน"อย่างอาจารย์นี่ยิ่งยาก ขอบคุณมากๆค่ะ

อืมม์ ผมว่าหายใจด้วยจมูกดีกว่านะ หรือหายใจด้วยปากก็ยังดี เอิ้กๆๆ

ท่านอัยการครับ

ป๊ะต้องเอามือบีบ ambu เพื่อดันเอาลมเข้าปอดเองครับ

แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าหายใจด้วยจมูกได้อย่างไรเล่าท่าน แต่เอ..หายใจทางปากน่าจะเข้าทีนะครับ

อีกข้อเรียนรู้หนึ่งคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริง หมอก็ขอช่วยคนอื่นไม่ได้ คนไข้ก็หวังพึ่งคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน

โถท่านจุรุวัจน์ เขียนมาเหมือนพร่ำบ่น

ช่วยได้ครับ แต่ตอนนั้นผมมันโง้บรมไงครับ เดี๋ยวนี้ ที่ห้องฉายแสงเขามีทุกอย่างครบหมดแล้วนะครับ

อ่านไป...ก็ขำนะคะ..พี่หมอ

เปงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แบบ เถๆๆๆ

มากมายเยย....อิอิ

แต่ก็เปงความเปิ่นที่น่ารักน้อ...อิอิ

ไม่เปงไรๆๆ

ถือว่าเปงประสบการณืที่มีค่ามากมาย...จริงป่ะคะ...อิอิ

เอาไปเล่าบ้างได้ป๊ะเนี่ย เออเนอะก็เข้าใจคิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท