เรื่องเล่าของ "มิตรภาพจากประเทศพม่า"


สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้มาโดยตลอดและก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งแม้จากต่างแดนที่ใครๆ ก็ว่าเป็นถิ่นอันตราย เช่น ประเทศพม่า นั้นก็คือ "ความรักและมิตรภาพที่ไร้พรมแดน" จากผู้คนตัวเล็กๆ ที่มีแต่ความหวังดีต่อกันอย่างจริงใจ

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา..ออกเดินสายยังกะไปทัวร์คอนเสิร์ต (เค้าแซวว่า..เช่นนั้น)

ช่วงเวลา 10 วัน ชีวิตก็จะวนเวียนแถวๆ ภาคเหนือตอนบน เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง เป็นต้น แม้ว่าจริงๆ แล้วไปทำงาน แต่เราก็รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย แค่ได้ไปเจออะไรที่ไม่เจอในชีวิตเมืองกรุง เราก็ว่านั้นก็สุดยอดแล้วนะ โดยเฉพาะคนที่ยังมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง คนที่ยังไม่ค่อยถูกทำให้บิดเบี้ยวโดยค่านิยมสมัยใหม่ คนและน้ำใจไมตรีที่มีให้เสมอแม้สำหรับคนแปลกหน้าเช่นเรา..

ช่วงเวลากว่า 10 วันที่หนีจาก กรุงเทพฯ เมืองที่ใครๆ ต่างอยากพากันเข้ามาอยู่ มาทำงาน หรือมาเรียน ก็แล้วแต่ แต่เรากลับอยากจะไปให้ห่างจากสภาพความวุ่นวายของชีวิตเมืองหลวง

10 วันที่ผ่านมา เหมือนไปพักใจ ชาร์ตแบตเตอรี่ชีวิตให้เต็ม ราวกับว่าไปทำ detox เอาภาพมายาเมืองกรุงออกจากร่างกาย

เฮ้อ... รู้สึกดีจัง โล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก

...............................................................................

อ่อ..มีเรื่องเล่าจากพม่าด้วย..

วันสุดท้ายก่อนจะกลับมากรุงเทพฯ คนที่ไปด้วยกันก็ตกลงว่าจะไปแม่สาย ไปหาซื้อของตรงตลาดชายแดน ก็นัดแนะเวลากันว่ามาเจอกันกี่โมงเมื่อต่างคนต่าง shopping เสร็จ..

เราเดินไปเรื่อยๆ จนสุดตลาด.. ใกล้ๆ ทางเข้าไปในเมือง มองเข้าไปด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น..

คนข้างในนั้นเข้าจะอยู่กันยังไงน้า.. จะอึกทึก พลุกพล่าน อย่างแถวนี้รึเปล่าน้า...

ยังไม่ทันตรึกตรองอะไรให้ดี มือเจ้ากรรมก็โบกเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างที่กำลังจะผ่านหน้าเราไป

คิดในใจว่า "เอาล่ะ..คราวนี้จะขอบุกเดี่ยวสำรวจเมืองท่าขี้เหล็กซะหน่อย"

ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นรถ สั่งการพี่คนขับทันทีว่าเราอยากจะไปดูอะไรบ้าง

คงเป็นความโชคดีของเราที่เจอคนดีๆ อย่าง "พี่อ้าย" พี่คนขับคนนี้ แกเล่าให้ฟังว่า แกเคยไปเรียนที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จนจบชั้น ม.3 จากนั้นก็ย้ายกลับมาทั้งครอบครัวมาอยู่ที่พม่าเหมือนเดิม พี่แกเลยพูดไทยคล่องปรื๋อ เป็นไกด์นำเที่ยวให้เราได้อย่างสบาย

พี่อ้ายพาไปไหว้พระที่วัดใกล้ๆ เป็นวัดที่จำลองเจดีย์ชเวดากองมาไว้ที่เมืองท่าขี้เหล็ก

ที่วัดนั้น เราก็ไปเจอน้องน่ารักๆ อีก 3 คน เป็นพี่น้องที่ทำงานช่วยเหลือวัดในช่วงปิดเทอม คนเล็กกำลังอยู่ในวัยซน พยายามเล่าให้เราฟังถึงประวัติความเป็นมาของวัด แล้วก็สอนเราไหว้พระตามแบบฉบับของคนพม่าด้วย

ตอนที่เรากำลังจะกลับ..ไอ้เจ้าตัวเล็กสุดก็ลากเราไปที่ระฆังอันใหญ่ในวัด คะยั้นคะยอให้เราตีให้ได้ 9 ที เจ้าตัวน้อยมันอวดว่า.. "ระฆังอันนี้ตีแล้วได้ยินไปทั้งเมืองเลยนะ" ชื่อเสียงจะได้โด่งดังไปทั่วพม่า (มันว่า..ไปนั้น) เราก็เอากะเขาซะหน่อยเดี๋ยวจะเสียน้ำใจเจ้าหนูมัน

สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้มาโดยตลอดและก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งแม้จากต่างแดนที่ใครๆ ก็ว่าเป็นถิ่นอันตราย เช่น ประเทศพม่า นั้นก็คือ "ความรักและมิตรภาพที่ไร้พรมแดน" จากผู้คนตัวเล็กๆ ที่มีแต่ความหวังดีต่อกันอย่างจริงใจ

เพียงแค่นี้.. สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นแล้ว จริง จริง

จากนั้น.. เราก็ขอไปร้านหนังสือ เพราะอยากได้แผนที่ประเทศพม่าอย่างละเอียดติดตัวไว้สักหนึ่งอัน

เสร็จจากร้านหนังสือ เราบอกพี่อ้ายว่า เราอยากเห็นว่าคนที่นี่เขาอยู่กันอย่างไร พี่อ้ายที่น่ารักก็พาเราซ้อนท้ายไปรอบๆ เมือง ดูชุมชน โรงพยาบาล โบสถ์คริสต์ มัสยิดอิสลาม วัดไทย โรงเรียน ตลาดสด และอื่นๆ อีกมากมาย

น่าเสียดายที่เวลามีน้อย.. เราเลยต้องกลับไปเจอทีมที่มาจากกรุงเทพฯ ที่จุดนัดพบ.. ไม่งั้นนะ..จะต้องเข้าไปสำรวจอะไรให้มากกว่านี้แน่นอน เสียดายจัง..

รู้สึกเศร้านิดๆ แต่ก็ต้องบอกว่า.. "ลาก่อน"

แล้วเราคงจะได้พบกันใหม่ในสักวันหนึ่ง..

ก่อนวันนั้นจะมาถึง.. ดูแลตัวเองให้ดีนะ

ปล. แต่แล้วก็ต้อง "หูชา" เพราะถูกผู้ใหญ่ที่มาด้วยกันเทศนามากมายด้วยความเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าเราแอบหนีเข้าไปในตัวเมืองคนเดียว.. แป่ว...

 

คำสำคัญ (Tags): #ประเทศพม่า#วัด
หมายเลขบันทึก: 181680เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2008 03:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • นับว่าท่านโชคดีมาก ที่พบพี่อ้ายเป็นคนแบบนั้น
  • ขอยืนยันว่า "โชคดี"
  • ขอให้คุณพระคุ้มครองท่านให้โชคดีมีบุญเช่นนี้ตลอดไปนะครับ

เคยเจอประสบการณ์แถบแม่สายเหมือนกันค่ะ แต่โชคไม่ดีนัก

เอาไว้จะไปพิสูจน์ดูใหม่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท