เคยรู้สึกไหม...ว่าทำไมเราถึงได้ทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำ(แต่ดันทำไปแล้ว)หรือนึกเสียดาย..."รู้อย่างนี้นะฉันจะไม่...." แล้วพอยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เราโทษตัวเอง ต่อว่าตัวเอง และทำให้กำลังใจสูญเสียไปอย่างไม่รู้ตัว...
หยุดคิดสักนิดสิคะ...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราล้วนแต่เป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้ไม่ใช่หรือ? วันที่เราวิ่งซุกซนในวัยเยาว์แล้วพลาดสะดุดก้อนหินล้มลง แม้เราจะลุกขึ้นมาพร้อมน้ำตาและความเจ็บปวด แต่มันก็ทำให้เรารู้จักระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็คงจะไม่ล้มเพราะไอ้หินก้อนเดิมอีกหรือวันที่เราทำงานผิดพลาดโดนเจ้านายต่อว่าอย่างแรง...ความผิดพลาดนั้นก็เป็นบทเรียนให้เราไม่เลินเล่อในการทำงาน
คนที่ลงมือทำทุกอย่างคงไม่ได้ทำแล้วสำเร็จลุล่วงทุกเรื่องในคราวเดียวหรอก ย่อมต้องมีข้อผิดพลาดและคาดไม่ถึงอยู่มากมาย...ทำไมบางคนผิดหวัง ทำพลาดแล้วกลายเป็นคนสำมะเลเทเมา ทดท้อจนไม่เป็นผู้เป็นคน แต่กับอีกคนผิดหวังอย่างรุนแรง สูญเสียอะไรตั้งมากมายแต่กลับลุกขึ้นสู้และก้าวไปอย่างมั่นคง...นั่นก็อยู่ที่แนวคิดของแต่ละบุคคลจริงไหมคะ
เมื่อเราตระหนักรู้ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดแล้ว...เราก็จะรู้ว่าเราไม่สามารถย้อนไปแก้ไขสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วได้...แทนที่จะมัวโทษตัวเอง โทษคนอื่น โทษเทวดาฟ้าดิน เราก็นำสิ่งนั้นมาเป็นบทเรียนหรือกำลังใจให้กับตัวเองดีกว่า...คิดเสียว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันดีจริงๆที่ทำให้เราเรียนรู้อะไรๆมากขึ้น ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสเข้าใจลึกซึ้งได้ดีกว่าคนที่ได้ประสบเหตุกับตนเอง เช่น เมื่ออกหัก ก็อย่าไปนึกเสียดาย ฉันไม่น่ารักคนอย่างนี้ ไม่น่ามาเจอกัน ให้จำไว้ว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกใบนี้ล้วนต้องเกิดมาเพื่อพลัดพรากจากกัน เพียงแต่เราจากกันรวดเร็วไปหน่อยเพราะเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน และการอกหักครั้งนี้ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่าต่อไปเมื่อรักใครต้องมีสติอยู่เสมอว่าสักวันก็ต้องจากกัน ไม่จากเป็นก็จากตาย เมื่อเราก้าวผ่านอารมณ์อกหักนั้นมาได้ เมื่อเรามองย้อนกลับไปจะพบว่าเราได้เรียนรู้อะไรตั้งมากจากความผิดหวังครั้งนี้
อนาคตไม่ได้ตัดสินกันเพียงแค่วันนี้ หรือเรื่องนี้ที่เราทำพลาด แต่มันยังอีกยาวนานมิใช่หรือที่เรามีโอกาสจะแก้ไขปรับปรุงในสิ่งที่ไม่ควรทำ...ให้เป็นสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ...
หากไม่เคยผิดหวัง จะรู้ได้อย่างไรว่า "ความสุข" มันหอมหวานเพียงใด