น้ำมันแพง แรงงานหายาก สัตว์น้ำขาดแคลน ชีวิตชาวประมงคงสั้น
สวัสดีครับ...คุณธติยาครับ..
เมื่อประมาณ 12 ปีมาแล้ว ครับ ผมได้ไปเที่ยว จังหวัดตรัง ครับ หมู่บ้านแหลมขาม แหลมไทร อ.สิเกา แหล่งประมงพื้นบ้าน สำคัญของจังหวัด เพราะว่าที่นี้จะเป็นแหล่งเลี้ยงปลาเก๋า และปลากระพงสำคัญ ....
ผมได้คิดเล่น ๆว่า ชาวบ้านเขาอยู่ได้อย่างไร? เพราะ เขาไม่ได้ทำนา แต่ต้องกินข้าว เขาจะมีข้าวกินเพราะหาสัตว์น้ำ สัตว์ทะเลมาขาย เพียงพอหรือไม่?....
เขาต้องทำมาหากินในทะเลที่นับวันจะไกลจากฝั่งไปทุกที มากกว่า 3 ไมล์ทะเล(ประมงชายฝั่ง)เอาเงินที่ไหน?ไปซื้อน้ำมันมาใส่เครื่องเรือเพื่อออกทะเล แล้วจะได้สัตว์น้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้....
แรงงานยุคต่อไป ลูกหลานชาวเลจะกลับมาทำประมงอีกหรือไม่? เพราะเรียนหนังสือแล้วมักจะไปหางานทำภายนอกหมู่บ้าน...อยากทำประมง จะจ้างใคร?เป็นแรงงาน...
อาชีพชาวประมงจะไม่ปรากฏต่อไปในทำเนียบอาชีพในเมืองไทยแล้วใช่หรือไม่?..
มี เราก็ได้กินสัตว์น้ำ(ทะเล)ที่ไม่ใช่ปลากระป๋อง และกุ้งแช่แข็ง (กุ้งกุลาดำ,ฯลฯ)
ไม่มี เราก็มีปลากระป๋องกิน กุ้งกิน และพรานทะเล เพราะอุตสาหกรรมห้องเย็น ,เรือเดินสมุทร(อวนดำ),นากุ้ง,ปลาในกระชัง,มีเยอะครับที่ไม่ต้องใช้น้ำมันราคาแพงอย่างที่เรือประมงตามท่าเรือน้ำเค้มทำกันครับ
น้ำมันในประเทศญี่ปุ่น ราคาสูงกว่าไทยเรา เท่าตัวครับ แต่อุตสาหกรรมเขาเรื่อง ปลาน้ำลึก เรื่องสาหร่ายทะเล เรื่องจับหมึกจับไซ ก็ไม่น้อยหน้าประเทศแถบ ยุโรปเลย ทำไม?เขาทำได้ครับ ....
บทสรุป อาชีพชาวประมง จะเหลือเพียงน้ำจืด ถ้าการทำธุรกิจทำแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างที่เป็นอยู่ แล้วให้คนที่ไม่มีความรู้ ไม่มีข้อมูลไปทำประมง ผลก็คือ เจ๊งครับ
เมื่อก่อนแม่ผมเล่าให้ฟังว่า สัตว์น้ำในทะเลมีเยอะแยะมากมาย กุ้งตัวโตๆหาได้ง่ายมาก ปลากระเบนตัวใหญ่ๆ
แต่ถ้าเทียบกับสมัยนี้สัตว์น้ำในทะเลไม่เหลือแล้วครับ กุ้งตัวใหญ่ๆเดี๋ยวนี้กิโลละ 200-300 บาท ซื้อทีต้องคิดหนัก