การล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก
“แม้เป็นเรื่องผิดกฎหมายและศีลธรรมอย่างร้ายแรง แต่ก็ยังไม่ใครสนใจจะป้องกัน และแก้ไขจริงจัง ปัจจุบันปัญหานี้เพิ่มขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและรูปแบบที่ซับซ้อนเกินกว่าที่จะถูกละเลยอีกต่อไป”
คู่มืออาสาสมัครพิทักษ์สิทธิเด็กทางเพศ *
รูปแบบของการล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก
แบ่งได้ 2 กรณีคือ
1. กรณีที่ไม่รุนแรง
เป็นการล่วงเกินทางเพศที่ไม่มีการสัมผัสร่างกาย เช่น การเปลือยกายหรือให้เด็กดูอวัยวะเพศแอบดูเด็กอาบน้ำ พูดลวนลาม พูดสองแง่สองง่าม โทรศัพท์ลามกหรือการให้เด็กดูภาพลามก วิดีโอลามก เพื่อเร่งเร้าหรือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศต่อเด็ก
2. กรณีที่รุนแรง
เป็นการล่วงเกินทางเพศที่มีการสัมผัสร่างกายเด็กด้วย แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
2.1 ยังไม่ถึงขั้นที่ถึงล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของเด็ก ตัวอย่างเช่น การลูบคลำอวัยวะเพศหรือตามร่างกายเด็กด้วยมือหรือปากเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศต่อเด็ก การให้เด็กจับคลำอวัยวะเพศ หรือสำเร็จความใคร่ให้ผู้กระทำ ซึ่งบางกรณีมีการทำร้ายร่างกายเด็กร่วมด้วย
2.2 มีการล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศหรือทางทวารหนักของเด็ก ตัวอย่างเช่น การข่มขืนกระทำชำเรา การทำอนาจารทางทวารหนัก ซึ่งบางกรณีอาจมีการทำร้ายร่างกายเด็กร่วมด้วย
ทำไมเราต้องรู้เรื่องนี้ด้วย?
ตัวเด็ก จะได้รับความทุกข์ทรมานและเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้หากผู้กระทำเป็นคนในครอบครัวเด็กส่วนมากจะได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงมากทุกด้าน เด็กจะถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
ครอบครัว และญาติมิตรของผู้ถูกล่วงเกินทางเพศอาจจะโกรธแค้นหรือรู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถปกป้องเด็กได้ และผู้กระทำเป็นคนในครอบครัว จะทำให้ครอบครัวล่มสลายได้
สังคม ขาดความสงบสุขก่อให้เกิดอาชญากรทางเพศ การค้าประเวณี รวมทั้งปัญหาเด็กเร่ร่อนด้วย คุณสามารถมีส่วนในการป้องกันปัญหานี้ได้มาก โปรดระลึกไว้ว่า “ยิ่งคุณมีความรู้เกี่ยวกับการล่วงเกินทางเพศต่อเด็กมากเท่าไร คุณจะสามารถช่วยปกป้องเด็กได้มากขึ้นเท่านั้น”
ใครนะ ช่างทำกับเด็กได้?
จากการศึกษาพบว่า ผู้ล่วงเกินทางเพศต่อเด็กอาจเป็นใครก็ได้ ไม่จำกัดเพศและวัย แต่จากประสบการณ์พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
คนคุ้นเคยคือ บุคคลที่เด็กรู้จักและไว้ใจมาก่อน เช่น สมาชิกในครอบครัวได้แก่ พ่อ แม่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง พี่ น้อง ตลอดจนญาติ เพื่อนบ้าน พี่เลี้ยงเด็กครู พระ
คนแปลกหน้า คือ บุคคลที่เด็กไม่เคยรู้จักมาก่อน เช่น คนขับรถรับจ้าง กรรมกรก่อสร้าง เป็นต้น มักจะกระทำกับเด็กแต่ละคนเพียงครั้งเดียว และไปทำกับเด็กคน อื่นต่อๆ ไปอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะถูกจับได้ เคยมีจำเลยคดีล่วงเกินทางเพศเด็กในสหรัฐอเมริกาที่รับสารภาพว่าเคยกระทำเด็กมาแล้วหลายร้อยคน
ทำไม เขาจึงล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก?
สาเหตุ ซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละราย อาจแยกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มที่มีปัญหาด้านบุคลิกภาพ เป็นผลจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมในวัยเด็ก ทำให้มีผลต่อการควบคุมตัวเอง มีการยับยั้งชั่งใจน้อยในทุกเรื่อง ตลอดจนเรื่องเพศ ยอมรับนับถือตนเองน้อย อาจมีปัญหาทางอารมณ์ ซึ่งเกิดจากการสมรสที่ไม่ลงตัวหรือขาดทักษะในการจัดการปัญหาด้วยหรือเป็นผู้หมกมุ่นเรื่องทางเพศ“ผู้ล่วงเกินทางเพศกับเด็ก มีแนวโน้มที่จะทำอีกจนเป็นนิสัย”
3. กลุ่มที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งเกิดจากการถูกล่วงเกินทางเพศ หรือถูกทำร้ายมาก่อนในวัยเด็ก บางคนอาจมีอาการเบี่ยงเบนทางจิต จนกลายเป็นผู้ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กที่เรียกว่า Paedophile หลายคนมีอาการหมกมุ่นเรื่องทางเพศด้วย“เมื่อใดที่เด็กถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพัง จะเกิดความเสี่ยงทันที”
การล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก อาจเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไรก็ได้
o ที่คุ้นเคย เช่น บ้าน โรงเรียน วัด
o ที่ไม่คุ้นเคย เช่น สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ห้องน้ำสาธารณะ โรงละคร โรงภาพยนตร์
ผลของการล่วงเกินทางเพศต่อเด็ก
จะรุนแรงเพียงใดขึ้นอยู่กับบุคลิกของเด็ก และประเภทของการถูกกระทำ
1. กรณีที่ไม่รุนแรง เช่น การให้เด็กดูอวัยวะเพศ ใช้คำพูดลามกเล้าโลม ซึ่งอาจมีผลให้เด็กมีปัญหาด้านอารมณ์ และจิตใจชั่วครั้งชั่วคราว ได้แก่
-
อาย กลัว
สับสน ตกใจง่าย
-
รู้สึกผิด
กระวนกระวาย
-
กลัวถูกรังเกียจ
-
ระแวงผู้ใหญ่และคนแปลกหน้า
-
สนใจเรื่องทางเพศผิดปรกติหรือชอบจับคลำอวัยวะเพศของผู้อื่น
“บางครั้งเหตุการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรต่อเด็ก แต่พ่อแม่หรือผู้ดูแลเด็ก ยังต้องคอยสังเกตอยู่เสมอ”
2. กรณีที่รุนแรง หากผู้ล่วงเกินทางเพศต่อเด็กเป็นพ่อ แม่ ญาติใกล้ชิดหรือเมื่อเด็กถูกกระทำโดยวิธีรุนแรง อาจมีผลต่อเด็กด้านต่างๆ ดังนี้
2.1 ด้านร่ายกาย
ร่างกายของเด็กอาจมีบาดแผล ฟกช้ำเนื่องจากการถูกทำร้าย หรือมีปัญหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์
2.2 ด้านอารมณ์จิตใจ
สะเทือนใจจนเป็นเหตุให้ฝันร้าย ซึมเศร้า กังวล เป็นทุกข์ กรีดร้อง หรือพยายามทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตาย หวาดกลัวผู้ล่วงเกินทางเพศหรือผู้ที่มีลักษณะคล้ายผู้ล่วงเกินหรือบางกรณีก็อาจคลอเคลียกับบุคคลดังกล่าวนี้มากผิดปรกติ สับสนกับบทบาททางเพศของตนเอง โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย
2.3 ด้านพฤติกรรม
ซึมเศร้า ผลการเรียนเลวลง หนีโรงเรียน ก้าวร้าว หนีออกจากบ้าน ไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายหรือหวนกลับไปสู่พฤติกรรมต่ำกว่าวัยของตนอย่างกะทันหัน เสพยาเสพติด สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยผิดปรกติ ยั่วยวนหรือสำส่อนทางเพศ
2.4 ด้านบุคลิกภาพ
เด็กผู้หญิงจะมีท่าทางยั่วยวนทางเพศ และเด็กผู้ชายจะมีท่าทางก้าวร้าวทางเพศ
* จากการศึกษาพบว่า ผู้เคยถูกล่วงเกินทางเพศในวัยเด็กมีแนวโน้มจะเป็นอาชญากรและอาชญากรทางเพศ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย ส่วนเด็กผู้หญิงมีแนวโน้มไปค้าประเวณี ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายมีแนวโน้มของพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ
“อาการของผลกระทบทางอารมณ์อาจเกิดขึ้น หลังเหตุการณ์นั้นหลายปี เช่น เมื่อเด็กย่างเข้าวัยรุ่นหรือเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้”
วิธีการช่วยเหลือเด็ก
1. กรณีที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเด็กถูกล่วงเกินทางเพศ หรือไม่
1.1 อย่าปฏิเสธเด็ก
จงเชื่อเด็กไว้ก่อน แม้ว่าเรื่องที่เด็กเล่าจะเชื่อยากเพียงใดเพราะถ้าเด็กสร้างเรื่องขึ้นแสดงว่าเด็กกำลังมีปัญหาด้านอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน
1.2 รับฟังอย่างสงบ
เมื่อเด็กเล่าให้ฟังว่าถูกล่วงเกินทางเพศให้รับฟังอย่างสงบแล้วพยายามให้เด็กค่อยๆ เล่าลำดับเหตุการณ์ วัน เวลา สถานที่ ผู้กระทำ ด้วยการซักถามประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ก่อนที่เด็กจะถูกล่วงเกินทางเพศเมื่อฟังเด็กเล่า ถ้าแสดงกิริยาอาการใดๆ อย่างชัดแจ้ง จะมีผลทำให้เด็กไม่กล้าเล่ารายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมด
1.3 ปลอบโยนให้กำลังใจ
พยายามปลอบโยนให้กำลังใจเด็กและให้ความมั่นใจแก่เด็กว่าเราจะปกป้องคุ้มครองเขาให้ปลอดภัย บอกให้เด็กทราบว่าการที่เด็กมาบอกเล่าให้เราทราบเป็นเรื่องที่ดีและถูกต้อง
1.4 วิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากเด็ก หากเป็นเรื่องที่ไม่จริง รายละเอียดและข้อเท็จจริงจะไม่ชัดเจนหรือไม่ปะติดปะต่อ การเล่าหลายครั้งจะไม่ตรงกันบางครั้งอาจจะไม่ชัดเจน หรือไม่ปะติดปะต่อก็ได้ ถ้าหากเด็กมีปัญหาด้านสุขภาพจิตและอารมณ์เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป
2. กรณีทราบแน่ชัดว่า เด็กถูกล่วงเกินทางเพศ
2.1 ควบคุมอารมณ์ให้ได้
ให้รับฟังข้อมูลอย่างมีสติ ไม่แสดงอาการโวยวายหรือโกรธเคืองหรือหวาดกลัว วิตกกังวลให้เด็กเห็น เพราะอาจทำให้เด็กตกใจกลัวจนไม่กล้าบอกความจริง และไม่ให้ความร่วมมือ
2.2 ปลอบโยนให้กำลังใจ
ปลอบโยนและยืนยันว่าเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากผู้กระทำ และผู้ล่วงเกินทางเพศ จะต้องได้รับโทษจากการกระทำผิดการที่เด็กบอกเล่าให้ผู้ใหญ่ทราบนั้นเป็นการดีแล้ว
2.3 พาเด็กไปไว้ในที่ปลอดภัย
ควรพาเด็กไปไว้ในที่ปลอดภัย และมีหลักประกันเกี่ยวกับอนาคตของเด็ก
2.4 เก็บรวบรวมหลักฐาน
เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่น เสื้อผ้าที่เด็กสวมใส่ขณะที่ถูกล่วงเกินทางเพศ ขนเพชร ก้นบุหรี่ ถุงยางอนามัย หรืออื่นๆ ที่ผู้กระทำความผิดทิ้งร่องรอยเอาไว้ ตรวจร่องรอยความเสียหายที่ร่ายกายของเด็กถ่ายภาพไว้ด้วย (ถ้าทำได้) ส่งตัวเด็กเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลของรัฐที่ใกล้ที่สุดทันที อย่าชำระล้างร่างกายของเด็กก่อนการตรวจรักษา จดชื่อแพทย์ รวมทั้งวันเวลาสถานที่ขณะที่ตรวจรักษาไว้ด้วย
กรณีที่ทราบข้อมูลจากเด็กหลักเกิดเหตุการณ์ไม่เกิน 7 วัน อาจมีหลักฐานร่องรอยตกค้างอยู่และแพทย์ยังอาจค้นพบได้ หากเกิน 7 วันอาจไม่พอหลักฐานร่องรอยของการล่วงเกินทางเพศ แต่ก็ต้องพาเด็กไปตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตรวจสอบการตั้งครรภ์ด้วย