ตั้งแต่ก่อนเดือนเมษาที่ผ่านมีงานที่ผมหนักใจในการตัดสินใจและค้างคามาโดยตลอด "การพิจารณาความดีความชอบให้ลูกน้อง"เพื่อให้ได้ขั้นพิเศษ จริง ๆผู้ใต้บังคับบัญชาผมมีเพียงสิบกว่าคน โควต้าที่ได้ก็แค่ 2 คนเท่านั้น แต่การตัดสินใจจะให้ใครโดยการเปรียบเทียบเนี่ยทำให้ผมหนักใจเอามาก ๆ เพราะผมไม่อยากให้การที่ใครคนใดคนหนึ่งได้ขั้นพิเศษถูกจับตามองเป็นพิเศษ
ที่ผ่านมาผมใช้วิธีการหมุนเวียนแบบมีเงื่อนไข คือผมจะเรียงลำดับผู้ที่ได้รับขั้นพิเศษมาก่อนและหลังตามลำดับปีที่ได้ไว้เลย เสร็จแล้วก็จะมาดูว่างานที่มอบหมายให้แต่ละคนทำผลงานเป็นอย่างไรหากผลงานที่ทำทุกคนไม่มีปัญหา พฤติกรรมการทำงานไม่มีปัญหาผมก็จะให้ตาม"คิว"ที่จัดไว้
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนเรามองต่างมุม บางท่านก็บอกผิดหลักเกณท์ คนที่จะได้"ต้องดีต้องเด่น" แล้วผมจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบในเมื่อลูกน้อง แต่ละคนมีงานต่างกัน มีโอกาสต่างกัน การพูด การจา บุคลิกนิสัยใจคอต่างกัน ดังนั้นการปฏิสัมพันธ์ การสนองต่องานที่ทำหรือมอบหมายก็ต่างกัน "คนเราไม่เหมือนกัน" แต่โดยสรุปทุกคนมีผลงานที่ไม่ผิดพลาดและไม่เสียหาย
ท่านที่มีประสบการณ์กรุณาช่วยให้คำแนะนำผมหน่อยเถอะครับก่อนที่จะถึงเดือนตุลานี้ผมต้องมีแนวทางที่ชัดเจนครับผม
เพื่อไม่ให้พี่หมอต้องลำบากใจ หนิงขอรับไว้เองนะคะ
อิอิ ( ขำไม๊...ไม่ขำเนอะ )
จากคนที่ 17 ปีได้ครั้งเดียวค่ะ
ผมเอาใจช่วยครับพี่รอน ลำบากใจอยู่เหมือนกัน ประเด็นนี้ ผมไม่มีข้อเสนอแนะนะครับ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือตั้งอยู่บนความเห็นชอบร่วมกัน และมีความสุขร่วมกันนะครับ
คิดถึงบ้านเรามากครับ
ต้องดูนโยบายหน่วยงานว่าเน้นทางใด ให้คนที่ทำงานสม่ำเสมอ ผลงานค่อนข้างเด่น ถ้าให้แบบสลับกันไปคนที่ทำงานดีๆๆจะรู้สึกท้อถอย มีหลายองค์ประกอบเนอะ อยากให้มีประกาศเกณฑ์และคะแนนให้โปร่งใส เรียงตามลำดับที่ ให้เขาตรวจสอบได้ครับ เป้นหัวหน้าก็ลำบาก อิอิๆๆ สู้ๆๆ
มาให้กำลังใจด้วยคนค่ะ
เรื่องประเมินผล .. เมื่อต้องตัดสินใจทีไร หนักใจทุกทีเลย
เพราะคนแต่ละคนก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ...
น่าเห็นใจคนที่เป็นเจ้านายก็ตรงนี้แหละนะคะ
สู้ ๆ ค่ะ
สวัสดีครับ ขออนุญาต ลปรร เรื่องความดีความชอบครับ
จากประสบการณ์ผมใช้หลักการพิจารณาแบบมีส่วนร่วมครับ ผมมีลูกน้อง 8 คน
กรรมการจะมาจากผู้ที่ไม่เข้าข่ายว่าจะได้(ได้มาแล้ว)
ผมใช้วิธีซักถามอย่างไม่เป็นทางการเป็นรายบุคคล ว่าปีนี้ใครควรจะได้ (แต่เราก็กำหนดของเราไว้แล้วในใจ)
ถ้าเรามีความจริงใจในการพิจารณา คำตอบที่เราได้จากการซักถามก็จะมาจากความจริงใจครับ และค่อนข้างตรงกัน จะมีไม่ตรงกันบ้าง ผมต้องกลับมาตรวจสอบอคติในใจ แล้วก็จะได้คำตอบ
จากผลการพิจารณาที่ผ่านมา Happy ending ครับ
(ที่สำคัญ ผมไม่มีคนสนิท ในหน่วยงานไม่มีเจ้าพ่อเจ้าแม่)
ขอบคุณครับ
การให้ขั้นพิเศษแก่ผู้ปฏิบัติงาน นั่นหมายถึงค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น
เป็นการจูงใจทางบวกเพื่อให้ผลผลิตของงานมีคุณภาพและจำนวนสูงสุด
คำว่าขั้นพิเศษ ย่อมมอบให้กับผู้ปฏิบัติที่พิเศษ
การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่แต่ละท่านมีไม่เหมือนกัน
และควรมีหลักเกณฑ์และสร้างมาตรฐานร่วมกัน
สามารถตอบคำถามผู้ถูกประเมินได้ทุกข้อที่เขาถาม.....ทำไม?...เพราะอะไร?.....มีเหตุผลอะไร? โดยปราศจากอคติ
หลังจากที่ท่านได้ให้ใครไปแล้วก็อย่าได้หวั่นไหว เพราะท่านมีอำนาจและใช้อำนาจไปในทางที่ไม่เบียดเบียนผู้ใด แล้วจงภูมิใจในความดี มีคุณธรรมของตัวเอง
สวัสดีครับคุณหนิง
ได้เลยครับผม
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับเอก
บ้านเราฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ป่าเขียวหมดแล้ว
ปีนี้กระท้อน..ดก..พอควร หลังกรกฎา อย่าลืมแวะมาชิมนะ(จะเก็บลูกละ 1กก.ไว้ให้)
ข้อนี้สบาย ๆไม่เครียด !
สวัสดีครับ อ.ขจิต
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆครับ
ขออนุญาตนำไป math กับของท่านอื่น ๆ นะครับ
สวัสดีครับ
ข้อนี้แหละครับ หากต่างกันไปเลยก็ง่ายเลยครับ
แต่ถ้าใกล้เคียงเนี่ยลำบากใจครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับอาจารย์ small man
ขอบคุณครับ
ใกล้เคียงกับที่ผมใช้อยู่ครับ คือตัดคนที่ได้คราวก่อนออกไปก่อนแล้วพิจารณาคนที่เหลือใน"คิว"หาก ok ก็ให้เลยครับ
สวัสดีครับ คุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง
ข้อนี้แหละครับที่ทำให้ผมลำบากใจ
คนหนึ่งเก่ง ทำงานได้ตามที่มอบทุกอย่าง...ผลงานดี
อีกคนขยันแต่ไม่ค่อยเก่ง มอบงานทำได้ ทำเสร็จ....ผลงานดี
.................................
ผมจะให้ใครเป็นคนพิเศษดีครับ...เฮ้อ จะให้คนเก่งหรือคนขยัน
ฮะ ฮะ ปัญหาโลกแตก ??
สวัสดีคะ
- แวะมา ลปรร.ด้วยค่ะ
อยู่ที่ว่าหน่วยงานจะเลือกแบบไหน หากจะดีเหมือนหลายท่านว่า คนทำงานดีแต่สลับกันให้ คนไม่ทำก็คิดว่าตนต้องได้ชัวร์เพราะถึงคิวตัวเองแล้ว ก็ไม่ทำอะไรก็มีค่ะ
- หากใช้ personal score card ก็ดีนะค่ะ แฟร์ ๆ ดี
การที่จะได้สองขั้นต้องประกอบด้วยคุณสมบัติสำคัญๆดังต่อไปนี้
๑.สายโลหิต
๒.ศิษย์ข้างเคียง
๓.เสบียงหลังบ้าน
๔.หวานสอพอ
๕.ป่อไข่แดง
๖.แสดงเงินทุน
๗.หนุนนโยบาย(ผิดถูกไม่เกี่ยว)
ทั้ง๗ข้อนี้มีใช้ตลอดมา
ขอแสดงความคิดด้วยครนะครับ หากผู้ใดนำไปใช้ก็แย่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ