ผู้กำกับภาพยนตร์ คนทำหนัง (ผู้กำกับจอมเฮียบ)


ผู้กำกับหนัง คนทำหนัง ส.อาจนจินดา ฉลวยศรีรัตนา

 

ผู้กำกับภาพยนตร์ คนทำหนัง  (ตอนผู้กำกับจอมเฮียบ)
 
P4300531P4300528P4300491
 
      ในช่วงสัปดาห์นี้(28 เมษายน-3 พฤษภาคม 2551) ได้ไปเป็นวิทยากรอบรมเรื่องการผลิตรายการโทรทัศน์   ให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา    สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยใช้สถานที่  ที่สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา (กม.5 ถนนรามอินทรา)  ผู้เข้ารับการอบรมมาจากวิทยาลัยในสังกัดฯ  จากทั่วประเทศ   
       ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ได้รู้จักกับวิทยากรอีกท่านหนึ่ง  ซึ่งในอดีตท่านเป็นผู้กำกับที่มีฝี มือ   อยู่ในระดับหนึ่งหรือมือทองของเมืองไทยก็ว่าได้   แต่ท่านห่างหายจากวงการไปนาน   คนรุ่นใหม่ๆจึงไม่ค่อยรู้จักท่าน   แต่คนรุ่นเก่าๆจะรู้จักท่านดี  ท่านคืออาจารย์ฉลวย ศรีรัตนา หรือลูกศิษย์ลูกหาเรียกท่านว่า ครูหลวย  หรืออาหลวยนั่นเอง   กิตติศัพท์ของท่านเป็นที่เลื่องลือในวงการหนังว่า ผู้กำกับจอมเฮียบ  ท่านมีวัยใกล้เคียงกับผู้กำกับอีกท่านหนึ่ง  คือฉลอง  ภักดีวิจิตร  แต่อาฉลองนั้นยังไม่ห่างหายไปจากวงการ   ยังคงขุดทองทำทองต่อไป(หนังเรื่องทอง) 
       กล่าวกันว่าครูหลวยท่านทำงานจริงจัง  พิถีพิถันกับงานที่รับผิดชอบ   ดาราบางคนเคย
โกรธถึงขนาดว่า  เคยคิดจะชกหน้าครูมาแล้วอย่าง  กอฟ - อัครา อมาตยกุล   เผยว่าเคยท้อ  เมื่อมาเล่นละครโทรทัศน์เรื่องแรก  ที่ต้องร่วมงานกับผู้กำกับจอมเฮียบ  ฉลวย ศรีรัตนา   ซึ่ง
ทั้งสองคนไม่กินเส้นกันอย่างหนัก   วันแรกที่เข้าฉากเป็นบทบู๊   ซึ่งกอฟ ก็เรียนมวยไทยแบบดั้งเดิมมาบ้าง พอถ่ายจริง อาฉลวยบอกว่าชกไม่ได้เรื่อง  ถ้าชกฉาบฉวยแบบนี้ก็อย่ามาเล่นจะดีกว่า   พอได้ฟังเขาก็ฉุนขึ้นมาทันที  จึงสวนกลับไปว่าตั้งใจเต็มที่แล้ว   อีกอย่างคนที่สวมบทเป็นมิตรก็คือตัวผม   ผมย่อมรู้ดี  อาฉลวยโกรธมากจ้องหน้าเหมือนจะเอาเรื่อง   เขาก็ไม่ยอม คิดว่าวันนี้เป็นไงเป็นกัน  จะมาชกกันก็ได้เพราะไหนๆ ก็สวมนวมอยู่แล้ว   แต่ใครที่ผ่านท่านได้ (หมายถึงการแสดง)รับรองว่าได้รับรางวัลและงานมากขึ้น  เพราะแสดงได้ถึงบทบาท  มีความรับผิดชอบ มีวินัย  จนใครๆก็อยากได้ไปแสดง ในอดีตท่านจึงสร้างดารามามากมาย 
     แม้ว่าท่านจะห่างหายจากวงการหนังและละคร   ด้วยวัยใกล้จะ 80 ปี แต่ท่านก็ยังดูแข็งแรง  ยังมีไฟที่จะเติมต่อเชื้อให้กับคนรุ่นใหม่  ปัจจุบันท่านได้รับเชิญให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษ  ที่มหาวิทยาลัยหลายแห่ง  และเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์  ให้กับหลายหน่วยงาน    เรื่องราวชีวิตในอดีตการทำงานของท่าน   สนุกเข้มข้นไม่แพ้หนังละครที่ท่านกำกับเลย  
        ครูฉลวยท่านเริ่มทำงานตั้งแต่ พศ. 2498(หลายคนยังไม่เกิด)  แต่มาได้กำกับหนังครั้งแรกเมื่อ พศ. 2502  ด้วยวัยในขณะนั้นยังไม่ถึง 30  ปี  ท่านเล่าว่าตื่นเต้นมาก  เพราะไม่เคย
คิดมาก่อนว่าจะรวดเร็วถึงขนาดนั้น   คิดว่าจะเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์   จากรุ่นพี่ๆ(ส.อาสนจินดา)ไปสักระยะหนึ่งก่อน   เพราะสมัยก่อนยังไม่มีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับด้านนี้โดยตรง   ในกองถ่ายหนังท่านได้เรียนรู้เกือบทุกด้าน ทั้งภาพ เสียง แสง ฉาก เขียนบท    กำกับการแสดง
ตัดต่อ  และอีกสารพัดหน้าที่  ที่ไม่มีการสอนแต่ต้องใช้วิธีจดจำเอาเอง    การศึกษาจากการ
ปฏิบัติจริง  จึงทำให้จดจำและทำได้เองไปโดยอัตโนมัติ   ต่างจากคนรุ่นใหม่ที่ทำงานด้านเดียว  รู้อย่างเดียว  ไม่ทำเกินหน้าที่  ไม่อยากเหนื่อย  จึงรู้ไม่รอบ รู้ไม่ลึก  ไม่เป็นองค์รวม ไม่สามารถบูรณาการได้  การรู้ด้านเดียวเปรียบเหมือนม้าลำปาง ( เพราะเขาทำที่บังตามันไว้  ให้มันมองเห็นเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น)  ท่านทำงานโดยไม่คิดเหน็ดเหนื่อย  ไม่คิดถึงค่าแรงงาน  รุ่นพี่จึงมองเห็นแววของท่าน  ไว้วางใจมอบหมายให้ทำงานหลายอย่าง  ต่อมา  ท่านได้รับรางวัลพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ในปี 2506 ในฐานะ ลำดับภาพยอดเยี่ยม จาก ภาพยนตร์เรื่อง ผู้พิชิตมัจจุราช 
        ย้อนมาถึงสาเหตุที่ทำให้ครูฉลวย  ได้รับความไว้วางใจจากรุ่นพี่     คือครู ส.อาสนจินดา
ให้ทำหน้าที่ผู้กำกับ  เพราะครู ส.นั้น   นอกจากจะรับกำกับหนังให้คนอื่นแล้ว  ท่านยังทำหนังของตัวเองด้วย   สมัยนั้นหนังที่ทำเงินจะต้องถ่ายทำตัดต่อให้เสร็จ  ทันฉายในเทศกาลต่างๆ
เช่น ตรุษจีน  ปีใหม่ เป็นต้น  การลงทุนประมาณเรื่องละ 300,000 บาท หนังเรื่องไหนฉายแล้วได้ ล้านบาท  จึงประกาศว่า ล้านแล้วจ้า (หนังของดอกดิน กัญญามาลย์)   ขณะนั้น ครู ส.ได้ลงทุนสร้างหนังเองเรื่องหนึ่ง   โดยใช้ฉากที่พัทยา  ได้ลงทุนสร้างฉากเป็นเรือขนาดใหญ่  ใช้งบเรื่องฉากหมดไป 300,000 บาท   ยังไม่ทันได้ถ่ายทำก็เกิดพายุพัดกระหน่ำ   ทำให้ฉากเสียหายมาก  ครู ส.จึงต้องลงไปแก้ปัญหาเอง   งานที่รับกำกับไว้ไม่มีใครทำต่อ   จึงตัดสินใจมอบหน้าที่  ให้ครูฉลวยเป็นผู้กำกับแทน   แม้ว่าจะรู้งานแต่ก็ยังไม่เคยรับผิดชอบขนาดนี้   จึงเครียดมาก  เพราะคนที่จะทำงานด้วยนั้น   ล้วนแต่ครูเคยเรียกเขาว่าพี่ทั้งนั้น   คิดในใจว่าเขาจะฟังเรา เชื่อเราหรือไม่หนอ   จึงตัดสินใจไปถามครู ส. และ เล่าความหนักใจให้ฟัง   ครู ส.ให้กำลังใจและแนะว่า   ก่อนอื่นต้องอ่านบท  ตีบทให้แตก มองเห็นฉากแต่ละฉากให้ชัด    ฉากแต่ละฉากจะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร  เมื่อเราแม่นบท จำบทสนทนาของตัวละคร  อธิบายให้เขาฟังได้ ใครก็จะเถียงเราไม่ได้เลย  เราต้องมั่นใจตัวเราเองก่อน  ว่าเราทำได้
      เมื่อถึงวันที่ต้องทำหน้าที่ผู้กำกับจริงๆ  วันนั้นคำถามแรกที่ถูกทีมงานถามคือ พี่ . ไปไหน   จึงบอกเขาไปว่าพี่ .ติดธุระด่วน    เขาผู้นั้นจึงถามต่ออีกว่า  แล้วใครจะกำกับล่ะ  จึงตอบเขาไปว่า   ผมเอง  เขาไม่ถามต่อแต่แสดงท่าทาง    คล้ายไม่แน่ใจว่าจะไหวหรือ   แล้วข่าวนี้ก็แพร่ออกไป   อย่างรวดเร็วในกองถ่าย  เสียงซุบซิบกันบางครั้งก็บังเอิญได้ยิน  หลัง จากรู้กันว่าใครคือผู้กำกับ  จึงได้ยินคำว่า ไอ้หลวยหรือกำกับ  น้ำเสียงเหมือนดูถูกดูแคลน   ครูเล่าว่า ขณะนั้นรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ฮึดสู้  นึกในใจว่า คอยดูเถอะกูจะต้องทำให้ได้ 
       เริ่มถ่ายฉากแรก  ถูกช่างภาพลองของ    เมื่อครูสั่งให้วางกล้องตรงจุดที่กำหนดและ อธิบายว่าผู้แสดงจะเข้ามาจากตรงไหน  จะเดินต่อไปยังจุดไหน  ตามจุดที่กำหนด  ช่างภาพ  แย้งว่าทำไมต้องย้ายไปหลายจุดนัก   แสงไฟไม่พอ  แต่ครูก็ยังยืนยันเหมือนเดิม  ว่าให้ถ่ายตามที่กำหนดวางจุดไว้แล้ว  แสงไม่พอก็ไม่เป็นไรให้ถ่ายตามที่สั่ง  ด้วยความ มุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน   ที่ได้รับมอบหมายและความไว้วางใจ   จาก ครู .อาสนจินดา  ผลที่สุดงานก็สำเร็จไปได้ด้วยดี   ทั้งนี้ครูบอกว่าต้องขอขอบคุณ   คนที่เขาดูถูกท่าน   และกราบขอบพระคุณ ครู .อาสนจินดา  ที่ไว้ใจให้โอกาส  ถ้าวันนั้นตัดสินใจไม่รับงาน ป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
     นอกจากงานด้านกำกับแล้ว   งานอื่นท่านก็ทำได้หลายอย่าง    ทั้งการตัดต่อลำดับภาพ  
 ครูเล่าว่างานอะไรก็ตามที่ได้รับมอบหมาย  ครูจะต้องรับผิดชอบและทำให้สำเร็จ   ครั้งหนึ่งท่านไปตัดต่อหนังที่ญี่ปุ่น  ซึ่งสมัยนั้นประเทศไทยยังไม่มีอุปกรณ์ตัดต่อ  ถึงจะมีแต่ก็ยังไม่พอ   สำหรับงานที่ต้องการจะใช้ในเวลาเดียวกัน    จึงต้องไปเช่าห้องตัดที่ญี่ปุ่น    ในช่วงเวลานั้นทุกนาทีมีค่า   (ยังมีต่อตอน2)
หมายเลขบันทึก: 180306เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2008 21:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • แวะมาอ่านนะครับอาจารย์
  • สี่ทุ่มแล้ว ขอดูจิ๋นซีฮ่องเต้ ช่องไทยพีบีเอส ก่อนนะครับ อิ

*อยากร่วมอบรมด้วยจังเลยค่ะ

*ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่าน

สวัสดีค่ะ

เคยได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งมีโอกาสเห็นตัวจริง(ในภาพ)

ขอบคุณอาจารย์นะคะที่นำเรื่องราวมาแบ่งปัน

สวัสดีครับคุณกวิน

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมก่อนที่จะไปดูหนังจีน
  • เมื่อคืนนี้กว่าจะนำข้อมูลเพิ่มเติม 3 ตอนขึ้นบล๊อกได้ทั้งหมดก็เกือบ 5 ทุ่ม
  • และวันนี้ก็เพิ่งจะเข้ามาอ่าน 

สวัสดีครับคุณ loveangel

  • ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมยามดึก  ข้อมูลจึงยังสดๆร้อนๆ  แต่ผมเองกว่าจะนำข้อมูลรวม 3 ตอน  ขึ้นบล๊อกทั้งหมดได้ก็ง่วงนอนมาก  ต้องรีบนอนเพราะเช้าวันเสาร์(3พค) ก็ต้องไปวิจารณ์งานของผู้ที่เข้ารับการอบรม  ก่อนปิดการอบรม
  • ถ้าต้องการจะอบรมจริงๆ  ยินครับถ้ามีกล้อง Mini DV มีคอมฯไว้ตัดต่อก็สามารถผลิตรายการสั้นๆได้  วันหลังค่อยคุยในรายละเอียดครับ

สวัสดีครับคุณ jaewjingjing

  • ต้องขอขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง
  • ผมเองก็เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงของครูในวันนั้น  เคยได้ยินได้ฟังแต่คนอื่นเขาเล่าให้ฟัง  ส่วนมากมักจะกล่าวถึงครูในเรื่องที่ไม่ดีนักเช่น ดุ ปากร้าย เฮียบ  แต่ในมุมมองที่ดีๆที่ควรนำมาเป็นแบบอย่าง   มักไม่ค่อยจะกล่าวถึงกัน  ท่านคงไม่ดุด่าใครโดยไร้เหตุผลแน่ๆ  ต้องถามว่าทำไมท่านจึงดุ
  • วันนี้ไม่ได้หยุดพักผ่อน  ต้องไปวิจารณ์ผลงานของผู้ที่เข้ารับอบรม  ก่อนปิดการอบรม  จึงเข้ามาอ่านตอนค่ำครับ

ผมได้เข้าร่วมการอบรม นี้ครับสนุกมากเลยครับ แต่ผมไม่ค่อยได้มี บทบาทอะไรมากมาย แต่ ผู้กำกับคนนี้ ใจดีครับ

ผมอยากรู้เรื่องการตากล้อง จะทำอย่างไรดี

สวัสดีค่ะ ดิฉันพลาดบันทึกนี้ไปได้อย่างไร??

ดิฉันเป็นลูกศิษย์ อ.ฉลวยเรื่องการเขียนบทภาพยนตร์ค่ะ เคยติดตามอาจารย์ไปทำงานกำกับละคร ๒-๓ ครั้ง เมื่อเช้าเห็นข่าวว่าอ.ฉลวยได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง จึงค้นและมาเจอบันทึกนี้่ อาจารย์เป็นครูที่ดิฉันเคารพนับถือและอาจารย์มีเมตตาต่อดิฉันมาก กำลังพยายามค้นหาจดหมายเก่าๆ ของอาจารย์เพื่อหาที่อยู่กับเบอร์โทร ทราบว่าอาจารย์ไม่สบาย อยากไปเยี่ยมค่ะ ตอนนี้่จำบ้านอาจารย์ไม่ได้แล้ว

คุณNui ผมก็ไม่ได้ติดต่อท่านมาหลายปี เดี๋ยวจะลองค้นเบอร์โทรให้นะครับ

คุณ Nui ครับเบอร์โทร.ครูฉลวย ผมค้นจากเน็ตครับ 02-277-2747

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท