เราๆ ท่านๆ คงจะสงสัยกันว่า เด็กไทยยุคไฮเท็ค คลิกไม่กี่ทีก็เข้าถึงข้อมูลได้ทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ตนี่ เด็กที่ไหนหรือภาคไหนฉลาดที่สุด
ผลการศึกษาของอาจารย์นิชรา เรืองดารกานนท์ในปี 2547 พบว่า เด็กไทยทั่วประเทศมีระดับ IQ เฉลี่ยรวมทั้งประเทศ 88 จุด
ถ้าใช้วิธีคำนวณพิเศษ โดยถ่วงน้ำหนักประชากรจะได้ระดับ IQ เฉลี่ยทั้งประเทศ 91.1 จุด
เมื่อแบ่งเป็นรายภาคพบค่าเฉลี่ยดังต่อไปนี้ กรุงเทพฯ 94.6 จุด ภาคกลาง 88.8 จุด ภาคเหนือ 84.2 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 85.9 จุด ภาคใต้ 88.1 จุด
สรุปคือ เด็กไทยอายุ 6 ปีถึงเกือบ 13 ปีทุกภาคของประเทศไทยมีระดับ IQ ต่ำกว่า 100 ถ้วนหน้า ระดับ IQ เท่านี้ไม่มีทางแข่งขันกับนานาชาติได้เลย
สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการขาดไอโอดีน เนื่องจากสถิติจากการตรวจระดับไอโอดีนในปัสสาวะปี 2547 พบว่า คนไทยประมาณครึ่งหนึ่งขาดไอโอดีน (ที่ระดับ <100 มคก./ล.)
สถิติภาวะขาดไอโอดีน (ที่ระดับ <100 มคก./ล.) แยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ 50.1 % ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 58.0 % ภาคกลาง 51.7 % ภาคใต้ 29.4 % รวม 49.4 %
ไอโอดีนช่วยสร้างสมองทารกในครรภ์ และเสริมสร้างเครือข่ายเส้นประสาทของเด็กเล็ก ถ้าจะกล่าวว่า ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุแห่งความฉลาดก็ว่าได้
ถ้าเด็กในครรภ์ขาดไอโอดีนในช่วง 12 สัปดาห์แรกจะเป็นโรคเอ๋อ สติปัญญาต่ำ ไอคิวอยู่ในระดับ 40-50 เป็นไบ้ และหูหนวก
ประชาการที่ขาดไอโอดีนจะมีระดับสติปัญญา (IQ) ต่ำกว่าประชากรทั่วไป 13.5 จุด
ไอโอดีนพบมากในอาหารทะเล ยกเว้นเกลือทะเลมีไอโอดีนต่ำมาก จึงต้องเสริมไอโอดีนในเกลือทะเล
สถาบันการศึกษาที่พบนิสิตนักศึกษาเซื่องซึม เฉื่อยชา สมรรถภาพการทำงาน หรือการเล่าเรียนลดลง นิสิตของท่านอาจจะขาดไอโอดีนก็ได้
นอกจากนั้นยังควรตรวจติดตามวัด IQ นิสิตนักศึกษาเป็นรายปี การศึกษาควรทำให้คนฉลาดขึ้น IQ สูงขึ้น
ถ้าพบว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งเรียน iQ ยิ่งต่ำลงควรหาสาเหตุ
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี และมีไอคิวดีๆ ไปนานๆ ครับ
แหล่งข้อมูล:
ดิฉันติดตามข้อเขียนของอาจารย์โดยตลอด เพราะเป็นแบบอย่างของการเขียนที่ดีมากๆ ดังนี้
ดิฉันมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า มีผู้ติดตามข้อเขียนของอาจารย์เป็นประจำ และเป็นจำนวนมากด้วย แม้ว่าข้อเขียนของอาจารย์ จะมีข้อ comment ไม่มาก นั่นก็เป็นเพราะมีความสมบูรณ์ในตัวดีอยู่แล้ว
สิ่งที่ดิฉันอยากจะสื่อก็คือ สัดส่วนของจำนวนของข้อเสนอแนะ ต่อข้อเขียน หรือจำนวนข้อเสนอแนะต่ออะไรก็แล้วแต่ ไม่สามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพของข้อเขียนได้เสมอไป
เหมือนที่ อ.สมลักษณ์เคยบอกดิฉันว่า แม้ไม่ได้เข้ามาเขียนข้อคิดเห็น แต่ก็ติดตามอยู่เสมอ ซึ่งดิฉันคิดว่า ดิฉันรับรู้ได้ ใครที่เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ก็ย่อมรับรู้ได้ เพราะเรื่องของใจ สามารถสื่อกันด้วยใจ
ผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์มาลินีครับ ท่านอ.หมอวัลลภเป็นผู้ให้ความรู้กับคนทุกคน และเป็นบุคคลที่มีพื้นฐานจิตใจสูงครับ ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากในสังคมปัจจุบัน ผมคอยเป็นกำลังใจให้อาจารย์ถ่ายทอดสิ่งดีๆ ให้พวกเราได้อ่านต่อไปเรื่อยๆ ครับ (อย่างสม่ำเสมอ)
ในเรื่องที่มี comment น้อยผมเห็นว่าเป็นเพราะตอนแรกๆ ท่านอาจารย์ลงบันทึกเร็วเกินไปทำให้ติดตามอ่านไม่ทัน ขณะนี้ความเร็วในการลงกำลังพอเหมาะ วันละไม่เกิน 3 บันทึก สม่ำเสมอต่อเนื่องดีแล้วครับ
เรียนท่านอ.หมอวัลลภ
เห็นท่านอาจารย์เข้าไปในบล็อกของ อ.วิบูลย์ เขียนคำว่า "ลปรร." ผมเข้ามาทีแรกก็งงๆ ครับ พบว่าท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ เขียนคำย่อ เกี่ยวกับเรื่องของผม ผมงงอยู่ได้สัก 1-2 วัน ก็ได้คำตอบครับว่ามาจากคำว่า "แลกเปลี่ยนเรียนรู้" ภาษาอังกฤษ ก็มาจากคำว่า "Knowledge Sharing" หรือ "KS" หรือ "ตัวปลา" นั่นแหละครับ