ปริญญาชีวิต (ตอนที่ ๓)
“ธุรกิจอาจล้มได้ แต่คนต้องไม่ล้ม”
จากประสบการณ์ชีวิตจริงของนักธุรกิจท่านหนึ่ง
เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง มาจากครอบครัวที่ยากจน จบการศึกษาแค่ ม. ๓ เมื่อเกือบ ๕๐ ปีก่อน ผ่านงานมาหลายอาชีพ กว่าจะถึงเส้นชัย เขาล้มแล้วลุก ลุกแล้วล้ม ล้มๆลุกๆจนกระทั่งถึงวันนี้ ปัจจุบันเขาเป็นเศรษฐีใจบุญผู้ไม่ประสงค์ ออกนามในสังคมไทยเรานี่เอง
ผู้เขียนได้มีโอกาศสัมผัสท่านผู้นี้ ตอนเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัดแห่งหนึ่งในย่านฝั่งธนฯ (ที่ไม่เปิดเผยชื่อสถานศึกษา เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาโฆษณาชวนเชื่อ และตั้งใจให้เป็นกรณีศึกษาจริงๆ) ๓ ปีเต็มๆที่เรียนหนังสือด้วยกัน ภาพที่จำได้ดีคือ เป็นคนขี้คุย อวดโม้ เพ้อฝัน นั่นเขาละในสายตาเพื่อนๆ แต่สำหรับผู้เขียนนั้นกลับมองเขาในมุมตรงข้าม ซ้ำยังแอบนิยมชมชอบเขาผู้นี้อยู่ในใจเงียบๆคนเดียว และยังคิดต่อว่าเขาทำไมจึงกล้าคิดการใหญ่ในหลายๆเรื่อง ขณะที่คนอื่นไม่กล้าคิด หมอนี่ถ้าจะฝันไปเสียแล้ว อดมื้อกินมื้อความรู้ก็แค่หางอึ่ง อย่าพูดถึงปริญญาวิชาชีพอะไรเลย สักใบหนึ่งก็ไม่มี
ความใฝ่ฝันอยากเป็นเศรษฐีนั้นฝังลึกอยู่ในใจ เมื่อจบการศึกษามัธยมปีที่ ๓ (ประถม ๗ ในปัจจุบัน) เขาจึงเริ่มลงมือทำทันที โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานอะไร ขอให้เป็นงานสุจริตเป็นใช้ได้ แรกเริ่มทีเดียว หัดเย็บจักรเย็บผ้าเช็ดหน้าอยู่ ๒ ปี ต่อมาก็ไปช่วยขายกาแฟอีก ๑ ปี ออกมาเป็นช่างไม้ ๗ ปี ทำงานติดตั้งมุ้งลวดและประตูหน้าต่างเหล็กดัด ได้ค่าแรงวันละไม่กี่บาท ทำอยู่หลายปีจนเชี่ยวชาญงานแล้ว ก็พัฒนามาเป็นโครงสร้างเหล็กให้กับอาคารใหญ่ จนกระทั่งเป็นเถ้าแก่เอง รับเหมางานโดยตรง รวยแน่กูคราวนื้ เขาบอกกับตัวเอง พ่อแม่พี่น้องที่บ้านจะได้หายจน อยู่ดีกินดีเหมือนกับคนอื่นเสียที เขาคิดของเขาอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ
ความฝันของเขา รอยยิ้มอย่างมีความสุขของเขาพังทลายลงในเวลาไม่กี่เดือน เส้นทางสู่การเป็นเศรษฐีของเขานั้นมิได้ปูด้วยดอกกุหลาบอย่างที่เขาคิดหรือเป็นดั่งที่เขาเคยวาดฝันไว้เสียแล้ว มันเป็นเส้นทางที่ปูด้วยขวากหนามเกือบครึ่งค่อนเส้นเลยทีเดียว ความเจ็บปวดครั้งนั้นเขาจดจำได้ดี คือเขาไปได้งานมางานหนึ่งจากผู้รับเหมาก่อสร้าง ทำไปไม่เท่าไหร่ค่าของที่เป็นวัตถุดิบขึ้นราคาไปมาก ประสบกับการขาดทุน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ผู้รับเหมาเบี้ยวเงินงวดสุดท้าย ทำให้เป็นหนี้เป็นสินมากมาย กว่าจะปลดได้หมดก็นานโขทีเดียว
“ความล้มเหลว” เป็นปริญญาใบแรกที่เขาได้รับ
ถึงแม้จะจำใจรับด้วยความขมขื่นก็ตาม แต่ปริญญาชีวิตใบแรกนี้มีความสำคัญกับชีวิตที่เขาเคยใฝ่ฝันมามากทีเดียว เขายังจำคำคมที่ครูเคยให้เขาไว้ตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนจีนที่เขาเรียน ป. ๑ ถึง ป. ๔ 失败是成功之母 “ความล้มเหลวเป็นบิดาแห่งความสำร็จ” แน่นอนเขาจึงยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าเป็นมวยไทยชกห้ายก มวยสากลก็สิบกว่ายก นี่เป็นเพียงยกแรกเท่านั้นเขาไม่ยอมโดนนับสิบโดยเด็ดขาด รีบลุกขึ้นมาสู้ต่อบนเวทีชีวิตต่อไป เมื่อได้ยินกรรมการนับถึงแปด ปริญญาใบแรกได้สอนเขาให้รู้ถึงรสชาดอันเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็ได้เรียนรู้ว่า ประเทศไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ “ในน้ำใสไหลลึกย่อมมีปลาชุกชุม ในป่าไพรย่อมอุดมด้วยสิงสาราสัตว์ คนที่มีคุณธรรมย่อมไม่ยากจน” “ ถึงกิจการจะล้มเหลว แต่คนไม่ล้มตาม” เมื่อคิดได้ว่าชีวิตมิใช่จะมีเพียงเท่านี้เ ยังมีอะไรอีกมากต่อมาก หนทางยังมีอีกเยอะแยะที่จะให้เดิน เขาจึงเริ่มมองหาลู่ทางใหม่ คราวนี้มีความมั่นใจขึ้นมาหน่อย เพราะเพิ่งได้รับปริญญามาหนึ่งใบหยกๆ เขาทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่างานเล็กงานน้อยทำหมด โดยยึดคติว่าต้องเป็นงานสุจริต เป็นเงินบริสุทธิ์เมื่อทำมากเข้ามากเข้า ความรู้คู่ปฏิบัติ จากประมาณสู่คุณภาพ สะสมความรู้จากงานที่ทำ ประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จนกระทั่งในที่สุดเขาประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ตามที่ได้ใฝ่ฝันไว้ ได้เป็นเจ้าของกิจการโรงงานผลิตแสตนเลส บนที่ดิน ๖๐๐ กว่าไร่
“ปริญญาชีวิตใบที่ ๒” ที่ได้รับนื้คือ “ปริญญาแห่งความสำเร็จ” เขามีความภาคภูมิใจมากกับปริญญาชีวิตทั้งสองใบนี้มาก ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำร็จในชีวิตแล้วก็ตาม แต่หาได้ลืมโรงเรียนวัดที่ประสาทวิชาให้แก่เขาจนจบ ประถม ๗ เขากลับมาดูแลโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ช่วยสร้างถาวรวัตถุ เช่น เสาธงสเตนเลสที่สูงและสวยงาม ประตูสเตนเลส และสิ่งก่อสร้างอื่นอีกมากมาย ที่สำคัญกว่านั้นเขาได้ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนภาษาต่างประเทศ ทั้งอังกฤษและจีนภาคเร่งรัดเน้นการสนทนาเป็นการเฉพาะ โดยใช้เงินส่วนตัวเชิญอาจารย์จากยุโรปและจีนมาทำการสอน ทำให้ทั้งนักเรียนและคณะครูมีกำลังใจในการเรียนการสอน โรงเรียนก็ได้รับการประเมินผลเป็นที่น่าพอใจ
“มีความรู้น้อยต้องไม่ย่อท้อ ไม่มีพื้นฐานไม่อาจเกี่ยงงานได้” คนเราหากมองว่าโอกาสของการได้ทำงานเป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงและได้เสริมสร้างประสบการณ์ ก็มักจะไม่เกี่ยงงาน แต่ถ้าหากคนเรามัวแต่เลือกงาน อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้ทำงาน แล้วจะเอาประสบการณ์มาจากใหน จงยอมเหน็ดเหนื่อยยอมลำบากกับงานใหม่ๆ เพื่อความรู้และประสบการณ์ แม้จะเรียนมาน้อย แต่ยอมทำงานมากก็จะมีความรู้และประสบการณ์ที่สะสมไว้ใช้เป็นทุนต่อไป คนเราคิดได้อย่างนี้ก็จะไม่ย่อท้อกับการต่อสู้ และจะขยันทำงานหาประสบการณ์ด้วยความถือมั่นว่า การเรียนรู้และสู้งานคือพื้นฐานของความสำเร็จ เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว จงอย่าลืมตอบแทนคุณทุกๆท่านที่มีส่วนทำให้เรามีวันนี้ได้ อาทิ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และผู้ที่เคยมีพระคุณกับเรา และสิ่งสำคัญที่ต้องทำก็คือ การทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ถ้าทำเช่นนี้ได้แล้วก็เป็นหลักประกันว่า “ปริญญาชีวิต” ที่ได้รับนั้นก็จะศักสิทธิ์และมีอานุภาพทำให้ท่านไม่รู้จักคำว่าจนอีกต่อไป ร่ำรวยกันอีกหลายๆชั่วคนเลยทีเดียว
ปริญญาชีวิต ตอนที่ ๔ จะลงบันทึกในวันอาทิตย์หน้า
ส ะ เ ก็ ด ธ ร ร ม
จะเป็นนักพูดที่ดี
ต้องเป็นนักฟังที่ดีอย่างน้อย ๑๐๐ ชั่วโมง
จะเป็นนักเขียนที่ดี
ต้องเป็นนักอ่านที่ดีอย่างน้อย ๑๐๐ เล่ม
คนที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
ไม่อาจครอบครองความสำเร็จได้ยาวนาน
(สะเก็ดธรรม ที่มา หนังสือธรรมาค้าขึ้น เขียนโดยท่าน ว. วชิรเมธี)
ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทเรียนชีวิตประจำวันนี้ของเราทุกคน :)
ปล. Uncle Riceman ดูสดใสแข็งแรงจังเลยค่ะ
๑) ขอบคุณครับ คนไม่มีราก ยังมีอีกหลายตอน จะบันทึกทุกๆวันอาทิตย์ๆละหนึ่งตอน ขอเชิญติดตามอ่านต่อไปนะครับ
๒) ขอบคุณครับ อาจารย์จันทวรรณ ที่ดูสดใสแข็งแรงนั้น ก็เพราะได้เข้ามาอ่านบล็อกที่ผู้เขียนหลายท่านได้เข้ามาแนะนำ โดยเฉพาะคุณหมอ ที่แนะนำให้ทานผักมากๆ งดการทานเนื้อสัตว์ ก็เลยทำตามที่แนะนำอย่างเคร่งครัด หวังว่าสุขภาพดีอายุยืน จะได้เข้ามาเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านมิตรภาพ
สบายดีค่ะคุณ unclc riceman
* ชอบอ่านชีวประวัติ ได้แรงบันดาลใจ ได้อะไรเกินคาดหวัง
และสิ่งสำคัญคือ ได้บทเรียนชีวิต ขอบพระคุณค่ะ
* เมื่อก่อนหนูกินผักได้ 2 อย่างค่ะ คือผักบุ้ง กับแตงกวา แต่เดี๋ยวนี้ กินผักได้เกือบทุกชนิดค่ะ ยกเว้นที่ขมๆ เพราะอยากอยู่ 100 ปีชีวีเป็นสุข
* และโลกนี้ช่างรื่นรมย์ และแสนมหัศจรรย์ ... หนูช้อบ ชอบ
* แล้วจะติดตาม ปริญญาชีวิต อีกนะคะ
โผล่มาที่นี่..ก่อนไปสะสางตัวเองค่ะ
ขออนุญาตเรียก uncle riceman ตามน้อง poo และ อ.จันนะคะ..^__^
กะปุ๋มเกิดมาเป็นคนที่โง่...มากเลยค่ะ...และเมื่อยิ่งเรียนก็ยิ่งตระหนักยิ่งขึ้นว่า "อืม..เรานี่โง่จริงๆ..." ตอนนี้กำลังเป็นนักเรียนที่เริ่มขยันและตั้งใจเรียน...รู้ "ภายใน"...ค่ะ
บทเรียนที่ uncle ricrman นำมา คือ บทเรียนหนึ่งตัวอย่าง..และนำมาย้อน ทบทวนในบทเรียนตนเอง...
อืม..ลืมบอกไปค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตทานผักเป็น ตอนนี้ทานผักเป็นอาหารหลักค่ะ...อิอิ คล้ายกันไหมคะ น้อง poo
ขอบคุณมากนะคะ
(^____^)
กะปุ๋ม
สวัสดีค่ะ
หนิงตามมาขอเรียนรู้ด้วยคนค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
๐ สวัสดีครับคุณปู ลุุงก็ชอบทานผักบุ้งเหมือนหนู แตงกวาเมื่อก่อนชอบมาก ตอนนี้ทานน้อยลง เพราะไปชอบทานผักชนิดอื่น ลุุงก็เหมือนหนูอีกอย่างคือ อยากอยู่ 100 ปีชีวีเป็นสุข เวลาที่ผ่านไปลุงใช้ชีวิตกับโลกที่สวยงามและแสนมหัศจรรย์ใบนี้อย่างคุมค่าเลยทีเดียว ถึงแม้เดินทางยังไม่ครบทุกประเทศ แต่อย่างน้อยก็ครบแล้วทั้งห้าทวีป ยังเหลือเวลาที่จะอยู่อีก ๓๙ ปีจะพยายามเดินทางให้มากที่สุดตามกำลังและสังขารของร่างกาย ขอเชิญติดตามอ่าน "ปริญญาชีวิต" ในตอนต่อไป ซึ่งจะบันทึกทุกๆวันอาทิตย์
๐สวัสดีครับ คุณ Ka-Poom ขอบคุณที่ให้เกียรติแวะมาอ่าน "ปริญญาชีวิต" ก็เป็นเรื่องเล่าที่แสนจะธรรมดา ธรรมดาจริงๆ โดยเริ่มเรื่องจากคนที่ใกล้ชิดซึ่งเป็นคนดีในสายตาของผู้เขียน คุณเป็นสตรีมหัศจรรย์ด้านการศึกษาคนแรกที่ผมรู้จัก ปริญญาโทสองสามใบก็ถือว่าสุดยอดแล้ว อะไรกันนี่ปริญญาเอกก็มีตั้งสองใบสามใบ ขอคารวะ ขอคารวะ ทฤษฎีกับปฏิบัติ ความรู้ภายในกับภายนอก ทุกข์กับสุข
มืดกับสว่าง เกิดกับดับ เป็นธรรมชาติที่ดำรงอยู่โลกมานานแสนนาน ถ้าเราเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดี และสามารถปรับให้สมดุลย์ได้ คนเราก็จะ
เหนือสรรเสริญเหนือนินทา
เหนือมีเหนือจน
เหนือดีเหนือชั่ว
เหนือสุขเหนือทุกข์
เหนือบุญเหนือปาบ ในที่สุด
ความสุขภายในก็เกิดขึ้นทันที
๐สวัสดีครับ คุณหนิง
ปริญญาชีวิต ยังมีอีกหลานตอน ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
สวัสดีค่ะคุณลุง
แจ๋วแวะมาขอบคุณที่คุณลุงแวะไปเยี่ยมที่บันทึกของแจ๋วนะคะ
ตามจริงเข้ามาอ่านบันทึกของคุณลุงบ้างค่ะ แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้
บันทึกมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ชีวิตมากค่ะ
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณลุงเช่นกันค่ะ
แจ๋วค่ะ
คุณลุงคะ
ขออนุญาตนำบันทึกที่มีคุณค่าเข้าแพลนเน็ตด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
๐ ขอบคุณ คุณขจิตมากที่มาให้กำลังใจอยู่เสมอ ลุงเตรียมไว้หลายตอนแล้ว จะนำลงบันทึกทุกๆวันอาทิตย์ครับ ช่วยแวะมาเข้ามาเยี่ยมอีกนะครับ
๐ สวัสดีครับ คุณแจ๋ว ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยม และให้กำลังใจ
ยินดีคุณแจ๋ว เชิญตามสบายครับ
สวัสดีคะ ตามมาอ่านต่อคะ
อาจารย์ ขจิต <-- ของดีต้องรอนานหน่อยคะ
แวะมาเป็นกำลังใจให้คุณลุงriceman คะ
อีกนิดนึงคะ พอดีเห็นบล็อกคุณลุงตกแต่งออกแนวจีนๆ เลยมีความคิดว่า คุณลุงต้องมีเชื้อจีน อย่างหนูแน่ๆ (ดูรูปมะปรางแล้ว อาจจะนึกไม่ถึงว่าเป็นลูกครึ่งนะคะ) เลยอยากให้คุณลุงเขียนบันทึกเล่าเรื่องวัฒนธรรมจีน หรือเรื่องเกี่ยวข้องคะ เพราะคาดว่าคุณลุงมีประสบการณ์มากมาย ต้องมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าแน่เลยคะ
ขอบคุณคะ
มะนาวหวานก็ล้มๆลุกๆมาหลายตลบแล้วค่ะ
แต่ก็ยังสู้ๆๆๆค่ะ
ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว..ก็หนูเป็นลูกพ่อขุนนี่คะ
ทั้งพ่อขุนรามคำแหง
...และพ่อขุนเม็งรายมหาราชค่ะ
คุณลุงให้เคล็ดและแง่คิด พร้อมกำลังใจได้ดีมากๆเลยค่ะ
มะนาวหวานขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
มีอะไรที่เด็กบ้านนอกคนนี้กระทำไม่ถูกต้อง
คุณลุงก็ชี้แนะด้วยนะคะ
สวัสดีครับท่านriceman
เห็นในบันทึกครูอ้อยท่านอยากได้โปรแกรมการจัดภาพเลยเอามาฝากครับจากบันทึกของน้องแก้มยุ้ยLittle Jazz \(^o^)/
ตามลิ้งนี้ครับ--> แจกฟรี สุดยอดโปรแกรมแต่งรูปแห่งจักรวาล
ลองโหลดไว้ใช้งานนะครับ มีข้อสงสัยสอบถามทุกท่าน ที่เข้ามาในนี้ได้ ทำเก่งทุกคน อิอิ
สวัสดีครับ ขออนุญาติเรียกท่านว่าลุงก็แล้วกันครับ
กระผมชอบอ่าน,ติดตาม,ศึกษา เกี่ยวกับประวัติของบุคคลต่างๆที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
และก็ขอขอบคุณท่านที่มีเมตตา เอื้อเฟื้อ ข้อมูลประวัติ ประสบการณ์ของผู้เกิดก่อน
ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษา และจดจำเรื่องราวชีวิตที่ดี แล้วนำไปเป็นแบบอย่าง
ก็จะรอติดตามปริญญาชีวิตภาคต่อไปครับ
แก้ไขครับ "ขออนุญาต....."
สวัสดีค่ะท่าน.....riceman
๐ ขอบคุณ อ.ขจิตที่แวะมาให้กำลังใจครับ วันอาทิตย์เชิญติดตามอ่านนะครับ ที่บันทึกล่าช้าก็เพราะต้องการให้การบันทึกมีประโยชน์กับผู้อ่านให้มากที่สุด สมกับที่ท่านสละเวลาอันมีค่าเข้ามาอ่าน ลุงรู้ตัวดีว่าเป็นคนเขียนไม่เก่ง เลยใช้เวลาในการเขียนมากไปหน่อย ขออภัยด้วยครับ
๐ขอบคุณ คุณมะปรางเปรี้ยว ที่แนะนำให้เขียนเรื่องเกี่ยวกับจีน ลุงมีโอกาสเดินทางไปจีนครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. ๑๙๗๘ หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปทุกปีๆละหลายเที่ยว มีเรื่องสนุกๆมากมายที่จะเล่าในบันทึก อดใจรอหน่อยนะครับ ขอเวลาเตรียมตัว ลุงเป็นชาวฮั้น(จีน)โดยเชื้อชาติ แต่มีหัวใจเป็นไทยร้อยเปอร์เซ็นต์
๐ล้มเหลวกับความสำเร็จ เป็นของคู่กัน ล้มเหลวมากความสำเร็จก็ย่อมมากเงาตามตัว ลุงเชื่อมันว่า คุณมะนาวหวาน จะต้องประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
๐พอรับคำแนะนำเกี่ยวกับโปรแกรมจัดภาพปุ๊ป โหลดปั๊ป ขอบคุณ คุณสะมะนึก แซ่เฮ มากครับ
๐มีอะไรดีๆก็นำมาแบ่งปันกันครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง ขออาศัยร่มเงาพักคลายร้อนด้วยครับ
๐ขอบคุณ ครูอ้อย ที่แวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ