ณ วันนี้ข้าวมีราคาแพง แพงจริงหรือ แพงนานแค่ไหน? ภาพรอยยิ้มคราบน้ำตาของชาวนาปรากฏขึ้นบนใบหน้า.....เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น.....ทำให้หวนรำลึกนึกถึง จิตร ภูมิศักดิ์ กับบทเพลงเปิบข้าว ที่เขาเคยประพันธ์ไว้เมื่อสมัยยังมีชีวิต ปัจจุบันมีคาราวานได้เป็นผู้สืบสานขับขานบทเพลงและท่วงทำนองตามลีลาของศิลปิน.........
ขอยกคำกล่าว "มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว" มาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในช่วงนี้คงใกล้เคียงกันนัก เนื่องจากมีข่าวการขโมยเกี่ยวข้าว ปล้นข้าว กันบ่อย สาเหตุคงเนื่องมาจาก.....อ้างถึงข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐนำเสนอราคาข้าวส่งออกตันละ 1,190 เหรียญสหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31บาทกว่า หากคำนวณดูแล้วราคาข้าว 1 ก.ก. กับ ราคาน้ำมัน 1 ลิตร มีราคาใกล้เคียงกัน หากกลุ่มประเทศเกษตรกรรมซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีแหล่งน้ำมันดิบภายในประเทศ แต่ต้องพึ่งน้ำมันจากกลุ่มประเทศที่มีบ่อน้ำมันซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ประเทศที่เพาะปลูกทางเกษตรกรรม แต่จะเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งที่อยู่ในตะวันออกกลาง ยุโรป หรือแม้กระทั่งเทกซัส ของยูเอสเอ หากกลไกราคาข้าวสามารถนำไปผูกติดกับราคาน้ำมันตลาดโลกได้อย่างทุกวันนี้และตลอดไป สักวันหนึ่งการจัดเรียงลำดับมหาเศรษฐีของโลกคงต้องปรับเปลี่ยนบ้าง มหาเศรษฐีหน้าใหม่คงจะเกิดขึ้นแถวๆภาคกลางของประเทศไทยแลนด์และทุ่งกุลาร้องไห้อยู่หลายคน
แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง อย่าอยู่ในโลกแห่งความฝันเนิ่นนานนัก หากเมื่อใดราคาข้าวไม่สามารถเกาะราคาน้ำมันไปได้ตลอด ชาวนาก็คงต้องเป็นชาวนาที่มีแต่กระดูกและคอยเป็นสันหลังของชาติอยู่ร่ำไป
ความจนมิใช่มูลมรดกที่จะถ่ายทอดให้กันจากรุ่นสู่รุ่น แต่เกียรติของชาวนาย่อมมิให้ใครมาดูแคลนได้ ข้าพเจ้าขอสดุดีชาวนา ชาวนาย่อมมีศักดิ์ศรีเยี่ยงวีรบุรุษ หากไม่มีชาวนาแล้วไซร้ ไฉนเลยเราจะได้กิน จะได้อิ่ม......? หากไม่มีชาวนาแล้วไซร้ ไฉนเลยพ่อค้าผู้ส่งออกข้าวจะร่ำรวย.....? แม้ว่า.....เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว.....กระดูกที่เป็นสันหลังของชาติก็จะก้มหน้าผลิตธัญญาหารอันเลิศรสออกมาให้คนชิมทุกชั้นชนต่อไป และขอเชิญทุกท่านร่วมจินตนาการไปกับบทเพลงเปิบข้าวของจิตร ภูมิศักดิ์ ร้องโดยน้าหงา คาราวาน และทัศนาภาพประกอบตามอัธยาศัย..........
[เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ]
[เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน]
[ข้าวนี้นะมีรส ให้คนชิมทุกชั้นชน]
[เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว]
[จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว]
[จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ]
[เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น]
[โปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน]
[น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน]
[สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน]
ขายข้าวได้ราคาดี สงสารควาย เลยไปซื้อเครื่องยนต์
[ฉันเหนื่อย...ฉันเพลีย...ฉันหวัง]
[รักนะ...เด็กโง่]
[จุ๊บ...จุ๊บ]
นำเสนอโดย
สักทอง ร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง
สวัสดีครับ
ซาบซึ้งด้วยบทกลอน
แล้วก็ขำๆ ด้วยภาพเจ้าทุย
ที่นากี่ไร่ก็ไม่ทราบ กลายเป็นสวนปาล์ม เป็นนากุ้ง เป็นโรงงาน
กู้กลับมาก็ไม่ไหว
ราคาไม่ใช่ประเด็นหลัก
สำคัญ คือข้าวเป็นอาหารหลัก
ทำอย่างไร ปลูกข้าวโดยต้นทุนต่ำลง และได้ผลผลิตมากขึ้น
พอราคาข้าวตกต่ำ หลายหน่วยงานสนับสนุนให้ชาวบ้านทำอาชีพอื่นแทน
หวัดดีค่ะ
บทกลอนซาบซึ้ง และได้อารมณ์มากค่ะ...ช่วงนี้ข้าวแพงมากเลย...ราคาข้าวสูง ชาวนาจะได้ประโยชน์ตามไปด้วยหรือป่าว...ถ้าชาวนาได้ประโยชน์ก็ถือว่าดี...แต่มันจะถึงชาวนาไหมนะสิ........ขอบคุณสำหรับสาะที่นำเสนอค่ะ
แต่ผมว่าควายน่ารักกว่าอีแต๊กนะ อิอิ
มันเป็นการปรับความสมดุลใหม่หรือเปล่าครับจึงเปลี่ยนควายมาเป็นอีแต๊ก อิอิ
กลอนบทนี้เราใช้กันมากสมัย 14 ตุลา 6 ตุลา ก่อนเข้าป่ากัน
มันยังก้องในหูอยู่เลยครับ
ภาพสวยดีครับ
สวัสดีครับ คุณบางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
คุณพูดถูกครับ เจ้าทุยน่ารักกว่าเยอะ ใส ซื่อ ไม่มีหน้าไหว้หลังหลอกเหมือนลิงหลอกเจ้า ไม่เหมือนชาวนากับงูเห่า ไม่เหมือนไก่ได้พลอย ไม่เหมือนคางคกขึ้นวอ หรือกิ้งก่าได้ทอง แต่คนกลับมองว่า โง่เหมือนควาย ใครจะว่ายังไงก็เถอะ แต่ผมว่าเขาน่ารักดี
ใช่ครับ "มันยังก้องในหู"
มาชมภาพที่งดงามด้วย...แสงสี และ สาระที่สื่อไว้ให้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ..^_^..
สวัสดดีครับ คุณคนไม่มีราก
ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยมชมบันทึก
รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ