พ่ออายุ 78 ปี เป็นคนที่ชอบดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ปกติท่านเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว จนกระทั่งเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาพ่อไอ เหนื่อยหอบ และนอนตะแคงซ้ายไม่ได้ จนกระทึ่งมารักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดหมอบอกว่าพ่อเป็นมะเร็งที่ปอดระยะแพร่กระจาย
คำถามแรกที่หมอถามคือจะบอกคนไข้ไหม ครอบครัวของเราตัดสินใจที่จะไม่บอกพ่อเพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียกำลังใจ จนกระทั่งได้มาอ่านเจอหนังสือเล่มหนึ่ง* ข้อดีข้อเสีย ของการปกปิดความจริงกับคนไข้ ที่ว่า
การปกปิด ไม่บอกว่าคนไข้เป็นมะเร็ง ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนใจคนไข้ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียกำลังใจ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
- จัดการเรื่องการรักษาให้คนไข้ได้ถนัดใจของทั้งแพทย์และญาติ โดยที่คนไข้ไม่ต้องรับรู้ด้วย
ข้อเสีย
- เกิดความกังวลใจทั้งตัวคนไข้และญาติๆ แม้กระทั่งแพทย์ผู้รักษาเอง เพราะต้องหาเหตุผลมาปิดบังความจริง
- เกิดท่าทีลับๆล่อๆต่อหน้าคนไข้ และลับหลังคนไข้ ทำให้คนไข้เกิดความระแวงสงสัย เกิดอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ และยิ่งเป็นการเพิ่มความเคลียดแก่คนไข้
- ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนไข้ เมื่อไรที่การรักษาเกิดอุปสรรค เกิดผลข้างเคียง กระทั่งคนไข้เกิดการปฎิเสธการรักษา
- ส่วนใหญ่ปกปิดไปได้ระยะหนึ่ง สุดท้ายเมื่ออาการหรือผลข้างเคียงเกิดขึ้นก็ต้องบอกความจริงกับคนไข้ ซึ่งในภาวะนั้น ทั้งแพทย์และญาติต่างได้เสียความไว้วางใจจากคนไข้ไปเสียแล้ว
- ในกรณีที่ใช้การร่วมรักษาด้วยการแพทย์แผนธรรมชาติต่างๆ เช่น ต้องเปลี่ยนอาหาร ต้องสวนลำไส้ ต้องออกกำลังกายบางระดับ ต้องฝึกสมาธิ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่คนไข้ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมผิดไปจากที่เคยปฎิบัติมา มักไม่ได้ความร่วมมือจากคนไข้
- คนไข้ได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป และกระบวนการรักษษทั้งกระบวนก็ได้สูญเสียศักยภาพในส่วนของคนไข้เอง ที่จะสร้างกระบวนการฟื้นคืนสุขภาพภายในตัวของเขาเอง ได้แต่อาศัยปัจจัยภายนอก ซึ่งทำให้โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการรักษาลดน้อยลง
*หนังสือชุดธรรมชาติบำบัดและรักษาตนเอง มะเร็ง เสริมรักษา เคมี-รังสีบำบัด ด้วยธรรมชาติวิธี โดยนพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล สำนักพิมพ์รวมทรรศน์ หน้า 16-17
สวัสดีค่ะ
ทราบว่ารู้สึกอย่างไร คุณพ่อผมก็เป็น