ลืมไม่ลง...ปัญหาเด็กทุจริต การสอบ O-NET ปีการศึกษา 2550


การถูกตัดสิทธิ์ 3 ปี หมายถึง เพื่อนรุ่นเดียวกันขึ้นเรียนปี 4 เราจึงมีสิทธิ์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1

....วันนี้ ขณะจัดเรียงหนังสือพิมพ์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ได้อ่านเจอข่าวการทุจริต O-Net ของนักเรียน 2-3 ราย ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการสอบฯ ตัดสินให้ปรับตกทุกวิชา และให้งดการยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเวลา 3 ปี   อ่านข่าวแล้วรู้สึกใจหาย สงสาร เห็นใจเด็กและพ่อ-แม่ของเด็ก ด้วยเหตุผลสำคัญ คือ 1) เด็กเหล่านี้มักจะเป็นเด็กเก่ง ที่มีความมุ่งมั่นสูง เขาคงรู้สึกว่าชีวิตอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ระหว่าง "การได้เข้าเรียนในคณะที่ต้องการ" กับ "พลาดในคณะที่ต้องการ" ดังนั้น เมื่อมีสิ่งล่อใจ เช่น เทคโนโลยีใหม่(มือถือ) จึงตัดสินใจนำมาใช้ในกระบวนการทุจริตทันที หรือทันทีที่มีผู้เสนอ ก็จะขานรับ...ท่านเชื่อหรือไม่ ถ้าเป็นเด็กอ่อน เด็กเกเร จะไม่มีความคิดเหล่านี้หรอก เพราะยังไง ๆ ตนเองก็คงสอบไม่ติดอยู่แล้ว(ในการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย)  2) เด็กเหล่านี้ "เป็นเด็กเลวโดยสันดานหรือ"  คำตอบ ก็ไม่น่าจะใช่  จากการลองสุ่มสัมภาษณ์คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ดำรงตำแหน่ง ผศ.  รศ. หรือ ศ.  หลายคน เคยจดสูตรเข้าไปในห้องสอบ ด้วยกลัวจะเสียคะแนนหากจำสูตรไม่ได้ ไม่ใช่คนที่เลวโดยสันดาน ดังนั้น ที่หลายคนบอกว่า "หากวันนี้ทุจริตการเรียน  สักวันหนึ่งคงจะทุจริตระดับชาติ ก็ไม่น่าจะใช่  และ 3) เราต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศเรา โดยนักการศึกษาอย่างเรา ๆ หรือนักการศึกษาชั้นนำของประเทศ "เราไม่สามารถสร้างมหาวิทยาลัยให้มีชื่อเสียง หรือ มีคุณภาพใกล้เคียงกันได้" ทำให้คนจำนวนมาก หรือนักเรียนเก่งจำนวนมากยังยึดติดกับ "ชื่อของมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง"(ถ้าเขาไม่ยึดติดและมีความคิดว่าเรียนที่ไหนก็ได้ ท่านเชื่อหรือไม่ เด็กเหล่านั้นจะไม่ทุจริตหรอก) ในประเด็นที่สามนี้ ต้องโทษผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ทุกคน ที่ไร้ความสามารถในการพัฒนาคุณภาพมหาวิทยาลัยให้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน

.....ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็เพราะรู้สึกเห็นใจและไม่เห็นด้วยกับมาตรการลงโทษแบบฆ่าคนทั้งชีวิตของคณะกรรมการ “ถ้างดการยื่นสมัคร 3 ปี หมายความว่า เพื่อนรุ่นเดียวกันขึ้นเรียนชั้นปีที่ 4 เราจึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียนชั้นปีที่ 1....รุนแรงและเด็ดขาดเกินไปหรือไม่” (แม้จะจำเป็นต้องเขียนเสือให้วัวกลัว เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ที่พอจะเข้าใจได้)...ถ้าเป็นลูก หลานของผม ผมเชื่อว่า ผม  ภรรยาผม ปู่ ย่า ตา ยาย คงจะรู้สึกตายทั้งเป็นเกือบทุกคน กับการที่ลูกหลานเราถูกลงโทษเช่นนี้(แม้เขาจะมีความผิดจริง)

 

...ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดปัญหานี้อีกในปีต่อ ๆ ไป...ผู้ใหญ่อย่างเราต้องหาทางแก้ไข อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ ต้องรับชะตากรรมอีกเลย....

 

 

หมายเลขบันทึก: 178034เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2008 23:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 11:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • รู้สึกเศร้าๆๆ
  • บ้านเราเรียนเพื่อสอบจริงๆๆ
  • คนอยากเรียนไม่ได้เรียน
  • มาบอกอาจารย์ว่า
  • ลองใช้อักษร Tahoma 16 point
  • พิมพ์ใน word แล้ว copy มาไว้ที่ gotoknow ก็ได้ครับ
  • คิดว่าถ้าอาจารย์ไปแสดงความคิดเห็น
  • หรือตอบความคิดเห็น
  • คาดว่าน่าจะมีคนมาอ่านมากกว่านี้ครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณมาก คุณขจิต

  • บ้านเราให้ความสำคัญกับการสอบอย่างเอาเป็นเอาตาย ในปีนี้ ลูกสาวผม สอบ O-Net  A-Net ในทันที่สอบเสร็จ ก็คอยฟังผล หลังจากทราบผลและประมวลผลแล้วว่า ได้คะแนนรวม 8000 กว่า ๆ ทุกอย่างในชีวิตก็จบเลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คงจะไม่มีการเรียนพิเศษ กวดวิชา อีกแล้ว เหมือนกับเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว  ชีวิตการเรียน จนถึงอายุ 17-18 ปี เรียนเพื่อวันสอบ O-Net  หรือ A-Net จริง ๆ
  • สาเหตุสำคัญ ที่เราต้องจริงจังหรือเอาเป็นเอาตายกับการ สอบ คือ มหาวิทยาลัยในบ้านเรา คุณภาพไม่เท่ากัน  สังคมให้เครดิตกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แตกต่างกันมากเหลือเกิน
  • ตัวอักษรของอาจารย์น่าอ่านแล้วครับ
  • ตอนนี้เริ่มสงสารเด็กๆๆ
  • พบเด็กต่างจังหวัดเดินทางมาเรียนพิเศษ มาติวในกรุงเทพฯแล้วรู้สึกเศร้าๆๆ วัยแห่งความสนุกสนาน การรู้จักโลกหายไปอย่างน่าเสียดาย
  • บางทีระบบการสอบ การจัดการศึกษาบ้านเรา อาจทำลายการศึกษาตลอดชีวิต ก็ได้ ทำให้เด็กไม่อยากเรียนอีกแล้ว เมื่อรู้ว่า การเรียนเป็นทุกข์
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท