บันทึกรักของสองหนุ่มสาว รักข้ามแดนที่เป็นอมตะ น่าศึกษายิ่ง


วันนี้ เช็คเอ๊าออกจากโรงแรม จะไปนอนที่ทำเนียบท่านทูต เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปห้างไคโตะวันพรุ่งนี้ก่อนขึ้นเครื่องห้าโมงเย็น

ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย  ณ กรุงโตเกียวนี้ มีประวัติศาสตร์ความรักข้ามพรมแดน  เรียกว่ารักระหว่างรบ  ของเจ้าหญิงญี่ปุ่นและเจ้าชายจากจีน จนกล่าวขานกันว่าเป็นความรักแท้ ที่เล่าต่อๆกันมาอย่างไม่รู้จบทั้ง ๒ ประเทศ  ณ แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดหนังเรื่อง  "พลังรักสองแผ่นดิน" หนังประวัติศาสตร์ในสมัยจักรพรรดิ์ปูยี  ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของประเทศจีน(The Last Emperor คนไทยหลายคนได้ดูหนังเรื่องนี้)  

สาระทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของครอบครัวชาวตะวันออกที่วางรากฐานของความรัก  ละครเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพระหว่างญี่ปุ่นกับจีน เป็นสนธิสัญญาแห่งความสัมพันธ์

ดอกไม้ที่ถ่ายมาบริเวณบริเวณทำเนียบฯ

 ทีวีอาซาฮี ได้สร้างละครเรื่องนี้ด้วยทุนกว่า ๑,๐๐๐ ล้านเยน หรือประมาณ ๓๑๐ ล้านบาท  เพื่อให้เนื้อเรื่องสมจริงตามประวัติศาสตร์ในสมันนั้น  รวมทั้งฉากและเครื่องแต่งกายของนักแสดง  ได้นำออกฉายในประเทศญี่ปุ่น  ประสบความสำเร็จอย่างมาก  สร้างรายได้และได้รับรางวัล ต่าง ๆ มากมาย  อาทิ รางวัลผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม  รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  รวมทั้งได้แพร่ภาพผ่านดาวเทียม  ภาพยนตร์ชุดนี้ไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า ๕๐ ประเทศด้วย

ละครเรื่องนี้ "ฮิโระ" บุตรสาวของขุนตระกูลเจ้าของบ้านพักนี้ที่ได้แต่งงานกับชายผู้มีศักดิ์เป็นน้องขององค์จักรพรรดิปูยี  ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์จีน และถึงแม้การแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุทางการเมือง แต่ทั้งสองก็เรียนรู้ที่จะเคารพในวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน  และปรับตัวเข้าหากัน  จนพัฒนาเป็นความรัก  แต่แล้วความสุขนั้นก็อยู่เพียงไม่นาน  เมื่อเกิดสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นได้เกิดขึ้น  จนทำให้ความรักของคนทั้งสอง  ถูกจับตาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ฮิโระถูกให้ร้ายว่าว่าเป็นสายสืบจากรัฐบาลญี่ปุ่น  แต่ทั้งสองยังคงเชื่อมั่นในรักแท้  แม้จะถูกพลัดพรากจากกันเป็นเวลานานถึง ๑๖ ปี ทั้งคู่ก็ยังซื่อสัตย์และยึดมั่นในความรักที่มีต่อกัน มิเสื่อมคลาย  เชื่อว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง

พลังรัก ๒ แผ่นดิน  เป็นรักข้ามขอบฟ้าข้ามพรมแดน  ที่เกิด ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว  เมื่อผมได้เข้าไปที่คฤหาสน์หลังนี้  ดูแรกๆสวยงามดี  แต่ฟังเรื่องเล่าจากภรรยาท่านทูตแล้ว  เหมือนบ้านที่มีชีวิต  มีความน่ากลัวแฝงอยู่  เครื่องเรือนภายในก็เป็นของดั้งเดิม  แถมนอนห้องเก่าแก่  ขรึมๆทึมๆเห็นประตูหลังภาพนี้ใหมครับ  ผมนอนอยู่ห้องนี้ดีที่ไม่มีใครมาเยี่ยมยามค่ำคืน

มีภาพสีวาดโดยจิตรกรระดับโลกจากอิตาลี  และรูปปั้นมากมาย  มีภาพหลายภาพที่แต่ละภาพมีมูลค่ามหาศาลนับค่าไม่ได้  ว่ากันว่าที่ต้องสร้างบ้านหลังนี้  เพราะไปซื้อรูปใหญ่อันนี้  มาจากสถานทูตอิตาลีจึงต้องสร้างบ้านสำหรับเก็บภาพด้วย

ตัวคฤหาสน์ที่เป็นทำเนียบเอกอัครราชทูตนั้น ทางการไทยซื้อมาจาก  เจ้าของเดิมเป็นพ่อค้าขายซีอิ๊วชาวญี่ปุ่น  ที่มีความร่ำรวยมาก  ซื้อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ในราคา ๑ ล้านเยน ปัจจุบันนี้แม้แต่ที่หนึ่งตารางเมตรยังซื้อไม่ได้ในราคาเท่านี้ครับครับ  แค่เฉพาะตัวคฤหาสน์อย่างเดียว บริษัทประกันภัยมิตซุยได้ตีราคาถึง ๙๖๐ ล้านเยน หรือประมาณเกือบ ๓๐๐ ล้านบาท โดยไม่รวมเครื่องตกแต่ง รูปภาพที่ประเมินค่ามิได้อีกหลายภาพ

ที่ดินกว่า ๕ ไร่ ซึ่งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวที่คิดราคาซื้อขายกันเป็นตารางฟุต รวมแล้วเป็นสมบัติของชาติไทย ที่มีมูลค่ามหาศาลในประเทศญี่ปุ่น  และทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญ ๆ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นอยู่เสมอ ๆ



ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีแสนยานุภาพมาก  ได้กรีฑาทัพเข้าตีประเทศจีน  ยึดแมนจูเลียไว้ได้  พยายามจะครอบครองประเทศจีนให้ได้  จึงยกทัพเข้าไปตีปักกิ่ง  กองทัพจีนได้พยายามต่อต้าน  แต่ก็ต้านทานไม่ไหว  กองทัพญี่ปุ่นจึงยึดปักกิ่งได้ และบุกต่อไปยึดเซี่ยงไฮ้  และเมืองหลวงชองจีน คือ นานกิง ด้วย

เนื่องจากประเทศจีนมีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก  ทำให้กองทัพญี่ปุ่นเริ่มอ่อนล้า จึงควบคุมบัญชาการอยู่ที่ปักกิ่งเท่านั้น  โดยสถาปนาจักรพรรดิปูยี  แห่งราชวงศ์ชิง ให้เป็นจักรพรรดิแมนจูกัว ขึ้นปกครองจีน

ระหว่างที่ควบคุมการบริหารงานที่ปักกิ่ง  ด้วยวิเทโศบาย หรือเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทางการญี่ปุ่นได้นำเอาเข้าชายฟุเคทสึ ไอซิงคาคุระ พระอนุชาของจักรพรรดิปูยี มาศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น (เรียกว่าเป็นตัวประกันคล้ายกับสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พม่านำตัวสมเด็จพระนเรศวรไปอยู่พม่า)

เจ้าชายฟุเคทสึได้มาเรียนวิชาการทางด้านทหารที่ญี่ปุ่น จนใกล้จะจบหลักสูตร ทางการญี่ปุ่นก็มีความคิดว่า เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์ไมตรีให้แน่นแฟ้นระหว่างทั้ง ๒ ประเทศ และเพื่อลดกระแสความเกลียดชังของชาวจีนที่มีต่อชาวญี่ปุ่นที่ไปข่มเหงรุกรานจีน จึงคิดหาคู่ครองให้กับเจ้าชายฟุเคทสึ แต่จะต้องหาคนที่มีศักดิ์ศรี ฐานันดรศักดิ์เท่ากัน  เพราะทางฝ่ายจีนเป็นถึงเจ้าชาย

เมื่อค้นหาไปทั่วก็มาได้ที่เจ้าหญิงฮิโร  ที่มีเชื้อสายของจักรพรรดิเมจิ  ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าของคฤหาสน์ทำเนียบเอกอัครราชฑูตไทยแห่งนี้ นับว่าเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด

จากนั้นก็เริ่มทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน โดยแม่สื่อแม่ชักจะนำรูปถ่ายของแต่ละคนมาแลกให้กันดู และนัดดูตัวกันที่คฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งทั้งเจ้าชายฟุเคทสึและเจ้าหญิงฮิโร ต่างก็ไม่พอใจ และไม่เต็มใจ เพราะต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นแผนการเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องความรัก แต่ทั้งคู่ก็ขัดใจผู้ใหญ่ไม่ได้

เมื่อถึงวันนัดดูตัวกัน พอได้มานั่งร่วมโต๊ะเสวยด้วยกันดังในภาพ ต่างก็รู้สึกประทับใจซึ่งกันและกัน เริ่มสนใจกัน และด้วยแรงยุของแม่สื่อแม่ชัก เจ้าชายก็เสด็จฯ มาที่คฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อมาพบเจ้าหญิงบ่อยครั้งขึ้น โดยพากันเที่ยวในสวนสวยงามทางด้านหลังคฤหาสน์ที่มีเนื้อที่กว่า ๕ ไร่ จนเกิดความรักซึ่งกันและกัน จึงได้ประกาศหมั้นกันในเดือน ก.พ. ๒๔๘๐ โดยทางการญี่ปุ่นได้จัดพิธีอภิเษกสมรสให้อย่างสมพระเกียรติในเดือน เม.ย. ๒๔๘๐

นับว่าคฤหาสน์ที่เป็นทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวแห่งนี้ เป็นบ่อเกิดของความรักระหว่างเจ้าชายจีนกับเจ้าหญิงญี่ปุ่น  ทั้งสองมีพระธิดา ๒ พระองค์

แต่เรื่องมิได้จบเพียงเท่านี้  "รักแท้ต้องมีอุปสรรค" ระหว่างเจ้าหญิงญี่ปุ่นกับเจ้าชายจีน  เพราะในขณะนั้นประเทศจีนกำลังวุ่นวายมาก  เกิดการแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า  เพื่อแย่งชิงการปกครอง  กลุ่มที่มีกำลังแข็งแรงมากก็คือกลุ่มของเหมาเจ๋อตุง จักรพรรดิปูยีจึงมีความต้องการให้พระอนุชาเสด็จฯ กลับประเทศจีน  เพื่อช่วยเหลือในการปกครองประเทศ  เจ้าชายฟุเคทสึจึงต้องพาเจ้าหญิงฮิโรเสด็จฯ ไปประเทศจีนด้วย

ระหว่างที่อยู่ประเทศจีน เจ้าหญิงฮิโรรู้พระองค์ดีว่า ชาวจีนไม่ชอบและแสดงความเกลียดชังพระองค์ เนื่องจากญี่ปุ่นเข้ารุกรานยึดครองประเทศจีนนานถึง ๑๕ ปี แต่พระองค์ก็พยายามทำความดีทุกอย่างเพื่อลดความบาดหมางซึ่งกันและกัน แม้กระทั่งจักรพรรดิปูยีซึ่งไม่มีพระโอรสก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเจ้าหญิงฮิโรนัก สร้างความลำบากใจให้กับเจ้าหญิงฮิโรเป็นอย่างยิ่ง และใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุขนัก

เมืองจีนขณะนั้นก็ไม่สงบ มีการรบพุ่งกันตลอดเวลา กลุ่มของเหมาเจ๋อตุงได้ร่วมมือกับรัสเซียบุกยึดปักกิ่งได้ จักรพรรดิปูยีและเจ้าชายฟุเคทสึต้องหลบหนีออกจากวังไปทางหนึ่ง เจ้าหญิงฮิโรและพระมเหสีของจักรพรรดิปูยีก็หนีไปอีกทางหนึ่ง ระหว่างที่หลบหนี พระมเหสีองค์จักรพรรดิปูยีได้สิ้นพระชนม์  เจ้าหญิงฮิโรเลยต้องหนีไปอย่างลำบาก  ต้องระวังกองทหารจีนที่ตามจับตัวและการเดินทางที่แสนทุรกันดาร แต่โชคดีที่หนีกลับญี่ปุ่นจนได้

ส่วนจักรพรรดิปูยีและเจ้าชายฟุเคทสึถูกจับได้ และถูกคุมขังอยู่ในคุก  ระหว่างที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น เจ้าหญิงและลูก ๆ  ที่ยายช่วยเลี้ยงไว้  ก็ได้เสด็จฯ มาที่คฤหาสน์ที่เป็นทำเนียบเอกอัครราชฑูตไทยในปัจจุบัน  สถานที่พบรักกับเจ้าชายฟุเคทสึ  เพราะตั้งแต่เริ่มรักกันก็ไม่เคยจากกันเลย  ทรงคิดถึงพระสวามี  เพราะไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร

เจ้าหญิงได้เขียนจดหมายถึงเจ้าชายฟุเคทสึทุกวันระหว่างที่เขียนไปก็ร้องไห้ไป แต่ไม่ได้ส่งจดหมาย เพราะทราบดีว่าส่งอย่างไรก็ไม่ถึง ลูกสาวคนโตที่ได้เห็นแม่โศกเศร้าร้องไห้ทุก ๆ วัน ก็อดรนทนไม่ไหว จึงได้เขียนจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีของจีนสมัยนั้น ในจดหมายเขียนเล่าให้ฟังถึงความคิดถึงของแม่ที่มีต่อพ่อของตน ขอให้ช่วยนำจดหมายที่แม่เขียนถึงพ่อทุก ๆ วัน ส่งให้ด้วยซึ่งก็ได้ผลจดหมายฉบับที่เจ้าหญิงฮิโรเขียนได้ถึงมือของเจ้าชายฟุเคทสึที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง

ต่อมาทางการจีนได้ปล่อยตัวเจ้าชายออกจากที่คุมขัง เจ้าชายจึงขอให้เจ้าหญิงเดินทางมาอยู่ด้วยกันที่ประเทศจีน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนสิ้นพระชนม์

ส่วนลูกสาวคนโตนั้นทราบข่าวว่าได้เสียชีวิต โดยการกระโดดภูเขาเพื่อฆ่าตัวตายลูกสาวคนเล็ก ปัจจุบันนี้ยังมีชีวิตอยู่ โดยอาศัยอยู่ที่เมืองโอซากา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าชายกลับมาเยี่ยมดูบ้าน  ตัวท่านไม่สูงมากนักโดยมีท่านทูตให้การต้อนรับครับ

ด้วยเหตุที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว มีประวัติศาสตร์เรื่องความรักอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหญิงฮิโรและเจ้าชายฟุเคทสึ จนเป็นที่กล่าวขานกันอย่างไม่จบสิ้น ทำให้สถานีโทรทัศน์อาซาฮีของประเทศญี่ปุ่นได้ติดต่อมายังสถานทูตไทย เพื่อขอความร่วมมือถ่ายทำสารคดีจากชีวิตจริงเกี่ยวกับความรักของทั้งคู่ และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี ของสถานีโทรทัศน์อาซาฮี โดยใช้ทำเนียบเอกอัครราชทูตเป็นฉากจริง แต่สถานที่ถ่ายทำจริง  ๆ นั้นเป็นสถานที่ที่ไม่ไกลจากคฤหาสน์มากนัก ใช้เวลาเดินไปประมาณ ๕ นาทีก็ถึง เป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกับคฤหาสน์ที่เป็นทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย

เมื่อสถานีโทรทัศน์อาซาฮีนำสารคดีเรื่องนี้ฉายทางทีวี ก็ได้รับความสนใจและสะเทือนใจไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งทางสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยช่องหนึ่งได้ทราบเรื่องอันสะเทือนใจนี้ จึงได้ซื้อสารคดีชุดนี้มาฉายในประเทศไทยโดยตั้งชื่อว่า "พลังรักสองแผ่นดิน" จนเป็นที่ฮือฮาเมื่อไม่นานมานี้

 

 ภาพนี้ถ่ายในสวนหลังบ้านทั้งดอกซากุระ และดอกคล้ายกุหลาบ

ห้องใต้ดินเป็นบริเวณครัวที่กว้างใหญ่

สถาปนิกผู้ออกแบบเป็นหลานวาดะ  ทำแบบบ้านลักษณะนี้โดยสร้างขึ้นมา จำนวน ๑๐๓ หลังในญี่ปุ่น  หลังนี้มี ๕ ห้องนอน  เจ้าของบ้านแก้แบบ ๒๑ ครั้งโคมไฟ ไม้ปาเก้จะออกแบบโดยเจ้าของทั้งหมด ปัจจุบันเหลืออยู่ ๘ หลังรวมทั้งหลังนี้  สาเหตุที่หายไปเกือบร้อยหลังเพราะ  เกิดแผ่นดินไหวบ้าง  ไฟใหม้บ้าง  พายุ  ทุบทิ้งเพราะทนภาษีไม่ใหว  ภาระภาษีมรดกแพงมากๆ  ว่ากันว่าแม้แต่จักพรรดินีได้สมบัติเป็นวังมายังต้องยกให้หลวง  ความที่เจ้าของบ้านหลังนี้รักบ้านมากหากทุบทิ้งก็เสียดายถ้าเป็นของต่างชาติก็จะรักษาไว้ได้จึงขายให้ประเทศไทย  ญี่ปุ่นทำสงครามโลกร่วมกับฝ่ายเยอรมัน  ไม่มีโลหะ  ขอบริจาคจากราษฎร  วัดก็เอาระฆังบริจาค  คนญี่ปุ่นมีความรักชาติ  พร้อมยอมตายเพื่อประเทศชาติ(อยากให้คนไทยเป็นอย่างนี้จังเห็นมีแต่รักจนน้ำลายไหล)

ที่การสร้างวิจิตรพิศดารแบบนี้เขาบอกว่าบ้านบางหลังที่ถูกทำลายบางครั้งพบหีบเงินเป็นห้าสิบหีบ  เพราะอย่างนี้เองรัฐบาลญี่ปุ่นจึงมักเปลี่ยนธนบัตรใหม่เรื่อยๆ

 

 

 

นายฟูเจียบิดาเจ้าหญิง  กลับมาดูบ้านอีกครั้งหลังที่ขายให้รัฐบาลไทย และอีกสองปีต่อมาก็เสียชีวิตปี ๒๔๘๘  

ข่าวสารต่างๆที่นำไปลงไว้ในการนำสารคดีและหนังออกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ

หมายเลขบันทึก: 175342เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2008 23:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (47)

ตื่นตาตืนใจมากครับ กับเรื่องเล่าและภาพประกอบ (แฮะแฮะ นายแบบน่าสนใจดี ฮิฮิ)

เคยอ่านประวัติเรื่องนี้ด้วยล่ะค่ะ แต่ไม่ละเอียด ไม่เหมือนที่ลุงเอกเอามาให้อ่านกัน แล้วก็ไม่ได้ดูสารคดีเรื่องนี้ด้วย ฉายตอนไหนหว่า เสียดายจัง - - "

ปล. หนูแก้ไขสีแถบตรงเมนูแล้วนะคะ ลองก็อปของใหม่ไป แล้วตัวหนังสือจะเห็นเองค่ะ Colorful

เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากครับ บทเรียนสงครามและความรักระหว่างประเทศ

ยังทราบถึงแผ่นดินไทยในญี่ปุ่น มรดกสวยงามและมีคุณค่าของอาคาร ภาพ และที่สำคัญเรื่องราว เหมือนดูหนังเรื่องนี้อีกรอบครับ

เป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งมากครับ เป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลกที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ประเทศไทยเราเป็นเจ้าของ และเป็นเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามที่พลัดพรากครอบครัวที่รักกันครับ ขอบคุณลุงเอกที่นำมาแบ่งปันพร้อมภาพสวยๆ ครับ

สวัสดีค่ะลุงเอก

แวะมาอ่านพลังแห่งรัก จากลุงเอก ดีจังค่ะ ความรักทำให้มีกำลังใจ มีความอดทน เข้มแข็ง อินเดียก็มีเรื่องของความรักเหมือนกัน แต่ดูจะเศร้าไปหน่อย เกี่ยวกับทัชมาฮาล แต่คงไม่ได้ไปดู แตหนุว่า คงมีความรักที่ดีๆ ที่นี่อีกหลายเรื่องแหละค่ะ

อีกสองวัน จะมีโอกาสไปลุมพินี เนปาลค่ะลุงเอก ท่านเจ้าคุรเมตตา และให้ไปช่วยจัดระบบยาของที่นั่น ซึ่งจะเปิดคลินิกเช่นกัน ชีวิตคือการเดินทาง จะดุการเดินทางของจิตด้วยค่ะ

คิดถึงลุงเอก อยากให้ได้มาเที่ยวแสวงบุญที่นี่อีกสักครั้ง ไม่แน่อาจเจอตำนานรัก นำกลับไปเล่าอีกก็ได้ ค่ะ

ประวัติยาวจัง ความรักกว่าจะมี มาด้วยเลือดและน้ำตาจริง นับถือๆๆๆ

พี่เอกครับ

ที่ Tokyo สวยงามด้วยดอกไม้ และ ความสะอาดของเมือง สักวันนึ่งผมคงมีโอกาสได้ไป อ่านด้วยความเพลิดเพลินครับ (ขอบคุณของฝากผมชอบมากครับ)

และตอนนี้พี่เอกคงกลับจากเมืองเสียมเรียบแล้ว

ได้เห็นความรักของมวลมนุษย์ และขณะเดียวกันเราก็เศร้าใจกับเหตุการณ์รุนแรงที่มนุษย์สร้างขึ้น

ผมไปชมละคร The Art of peace มา น่าสนใจมากครับ กำลังจะนำมาลงบันทึกถึงความรู้สึก และแง่มุมดีๆที่ได้ไปชม ส่วนรูปภาพผมได้นำมารวมไว้ที่เวปของผมที่นี่ครับ

Photo Album

art of peace

อารมณ์หนึ่ง ของละครสั้น The art of peace ที่ทำให้ผมหลั่งน้ำตา

ขอบคุณลุงเอกมากๆเลยค่ะ...สำหรับเรื่องราวความรักประวัติศาสตร์ที่อมตะ...และแสนเศร้า...และรูปภาพที่สวยงาม...ให้หนูได้มีโอกาสเรียนรู้ค่ะ....

 

เข้ามาชื่นชมและภูมิใจกับความสำคัญของทำเนียบ ออท. ณ กรุงโตเกียวครับ

ประทับใจกับความรักที่มีคุณค่า

และขอบคุณท่านที่ได้นำเสนอครับ

สวัสดีครับลุงเอก

เคยอ่านประวัติเกี่ยวกับอาคารหลังนี้ในหนังสือคู่สร้างคู่สมครั้งนึงแล้ว แต่ยังไม่ละเอียดเท่ากับที่ลุงเอกเล่า

ขอบคุณมากครับ

  • ลุงเอกคะ สวัสดีค่ะ
  • อ่านแล้วซึ้งมากค่ะ ลุงเอกเล่าได้ละเอียดและเห็นภาพ แณณอยากจะดูสารคดีเรื่องนี้มากเลยค่ะ
  • สอท. ณ กรุงโตเกียว สวยมากค่ะ ดูเก่าแก่ แต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์นะคะ ดูขลังดีนะคะ 

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณลุงเอก ที่น่ารัก

ลุงเอก น้องจิแวะมาเยี่ยมเจ้าค่ะ คิดถึ๊ง คิดถึง คิคิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---->น้องจิ ^_^

สวัสดีค่ะ ลุงเอก

ซาบซึ้งใจในความรัก

รักไม่มีพรมแดน จริงๆค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์เอกชัย

ได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด ทำให้อยากไปค้นคว้าหาอ่านเพิ่มเติมค่ะ

ดอกไม้สวยมากค่ะ ตัวหนังสือใหญ่ดีไม่ต้องเพ่งมากด้วย อาจารย์เล่าได้บรรยากาศดีค่ะ

สวัสดีค่ะคุณลุงเอก

ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ด้วยค่ะ ประทับใจมากค่ะเมื่อได้มาอ่านอีกครั้ง  ทำให้ย้อนระลึกถึงหนังที่เอาฉาย ตอนนั้นดังมากเลยค่ะ แต่เพิ่งมาทราบจากลุงเอกว่าเป็นทำเนียบสถานฑูตของไทย ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ

ดอกไม้สีชมพูหวานที่เหมือนกุหลาบ คือดอกคาเมเลียค่ะ จำได้

ขอบคุณค่ะ

ลงชื่อมาเยี่ยมชมครับ

P อ.จารุวัจน์ ครับถ้าไม่มีนายแบบคงเล่าไม่ออกแน่  ฮิฮิ
P น้องLittle Jazz \(^o^)/  ฟังเขาเล่าและไปศึกษาเพิ่มเติมดูเหมือนนวนิยายเลย  ขอบคุณแนะนำเทคนิคครับ
P ท่านบางทรายระหว่างสงครามก็มีความรักระหว่างรบครับ
P อ.ธวัชชัย เรื่องรักระหว่างรบนี่คนไทยน่าได้รับรู้  ทราบว่ามีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเข่ามาเกี่ยวข้องด้วยทางญี่ปุ่นจึงขายให้กับไทยไม่แพงมากนัก  เรื่องนี้ต้องยกให้ Personal Deplomacy คนไทยนี้เก่งจริงๆ
P สวัสดีรุ่ง  จริงๆมีเรื่องเล่ามากแต่กว่าจะจัดรูปดำเนินเรื่องต้องเยเวลา  เลยไม่ได้เล่าบางครั้งเขียนใกล้เสร็จทำท่าใดไม่รู้  หายหมดเลย  เขียนใหม่ก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเติมใจไปหมดแล้ว
P ขจิต รู้อย่างนี้ก็รีบหาซะไวๆ
P เอกอยู่ที่นี่คงมีโอกาสไปพี่เพิ่งกลับมาจากเสียมเรียบเมื่อเย็นนี้เอง  

สวัสดีค่ะคุณลุงเอก

  • อ่านสนุก ลุกนั่งสบายค่ะ
  • ชื่นชมกับความรักอมตะค่ะ ภาพก็สวยงามมากค่ะ
P ยินดีครับหลาน* ~Wardah~*เป็นกำลังใจจะเล่าเรื่องอื่นๆให้ฟังต่อไปครับ 

P ท่านพลเดชน่าสนใจเชียวที่ทำเนียบท่านทูตญี่ปุ่น

P ท่านสุดทางบูรพาผมรับเรื่องเล่ามาจากภรรยาท่านทูตที่เล่าอย่างตั้งใจ  พร้อมด้วยรูปและผมหาจากเอกสารครับ
PNan & Ball เล่าเรื่องแข่งกับแนนหน่อย  อีกหน่อยก็คงมีโอกาสปอยู่ที่นั่น 

P น้องจิ ลุงมีของฝากเล็กๆน้อยๆมาให้ด้วย

P ขอบคุณครับครูเอ

ไม่มีรูป คุณไหมแก้ว ลองไปค้นหาเพิ่มเติมได้ครับ
Pคุณ a l i n l u x a n a =)โชคดีที่ได้ดูหนัง  ขอบคุณที่แนะนำดอกคาเมเลียครับ

P ขอบคุณกวินทรากรที่แวะมาเยี่ยมชมครับ

สวัสดีค่ะลุงเอก

เหมือนๆ จะเคยดูสารคดีเรื่องพลังรักสองแผ่นดิน แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วค่ะ อ่านที่ลุงเอกเล่าแล้วมองเห็นภาพเลยค่ะ เป็นเรื่องราวน่าประทับใจจริงๆ ... เห็นราคาที่ไทยซื้อคฤหาสน์หลังนี้แล้ว ซื้อได้ถูกจริงๆเลยนะค่ะ แสดงว่าท่านฑูตหรือท่านที่เจรจาซื้อเก่งมากเลยค่ะ

ดอกซากุระสวยจังเลยค่ะ ออกดอกเต็มต้น แถมดอกที่หน้าตาคล้ายกุหลาบก็สวยมากๆๆๆๆ

ขอบคุณลุงเอกค่ะ

 

P อ.paew ครับดอกที่หน้าตาคล้ายกุหลาบเขาเรียกว่าดอกคามิเลียน้องข้างบนมาบอกไว้  ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ สำหรับภาพ สวยๆและเนื้อหาดีๆๆ

ชอบมากครับ โดยเฉพาะดอกคามิเลีย

ขอบคุณครับบ

สวัสดีค่ะเพิ่งมีโอกาสได้มาอ่าน ประทับใจมากค่ะ ต้องขอบคุณคุณลุงเอกที่เก็บทั้งเรื่องและภาพประวัติศาตร์ ภาพดอกไม้แสนสวยมาฝาก

ภาพคุณลุงเอกเท่จริงๆค่ะ

P สวัสดีครับอาจารย์ประจักษ์ขอให้อายุยืนยาว  ปลอดโรคปลอดภัย  หายใจก็เป็นเงินครับ
 
P สวัสดีครับคุณนายดอกเตอร์แหมชมซะเขินเชียว  กลัวภาพมันเลี่ยนเลยเอาตัวใส่เข้าไปด้วยครับ

ขอบคุณครับ ลุงเอก ที่นำประวัติศาสตร์บางช่วงของจีนและญี่ปุ่นมาเผยแพร่ ผมไม่เคยทราบรายละเอียดเรื่องนี้มาก่อนเลย ต้องขอบคูรมากครับ

สวัสดีค่ะ ลุงเอกที่เคารพ

  • ครูปู นำ การบ้าน มาอวดค่ะ อิอิ
  • จะทราบหรือไม่คะ ว่าพวกเราประชุมกันเรียบร้อย
  • และลุงเอกได้ตำแหน่งผู้ใหญ่ใจดีในดวงใจของพวกเราไปแล้วหล่ะค่ะ
  • (^__^)
  • ขอบคุณสำหรับความเมตตาที่มีให้กับ blogger ตัวน้อย ๆ ค่ะ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
  • ขอบพระคุณค่ะ

 

ยินดีครับณุ ที่มาเยี่ยมชมครับ

P สวัสดีครูปู~natadee t'ซู๊ด รูปสวย เท่ห์ เก๋ดี ทำให้หลายคนอิจฉาเลยหละ  ขอบคุณสำหรับตำแหน่ง  ผู้ใหญ่ใจดีในดวงใจของเหล่าคนหน้าตาดี  ขอบคุณครับ

สวัสดีคะ

หนูอยากทำความรู้จักกับคุณลุงมากเลย

หนุได้เข้ามาอ่านข้อความแล้วรู้สึกประทับใจ

ตอนนี้หนูเรียนอยู่ม.6กำลังสอบคะ

อยากได้คำปรึกษามากเลยคะ

ขอให้คุณลุงสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะคะ

ขอบคุณคะ

ไม่มีรูป  ณุครับยินดีและขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ

P ขอบคุณ ครูปู~natadee t'ซู๊ด ลุงเอกแม้แต่ตอบช้าแต่ได้ตอบแล้วนะ   ขอบคุณรูปที่นำมาอวด  ลุงเอกว่าไม่ใช่ blogger ตัวน้อย ๆ มั๊ง

ไม่มีรูป หลาน ศรัณยา ประจวบแท่น ยินดีอย่างยิ่งที่จะทำความรู้จักกับลุง ลองเมล์มาคุยกับลุงได้ ขอบคุณ

ประทับใจมากเลยคะลุงเอก...ความรักนี้ทำให้ชีวิตมีความหวังนะคะ...ลูกน้ำ

สวัสดีส่งท้ายปี2553ค่ะ

หลังจากเจอตัวจริงของลุงเอกที่รพ.สมุทรสาครแล้ว

2วันต่อมาป่วยมาก กว่าหมอจะหาสาเหตุเจอก็เล่นเอาเสียดุลสุขภาพ

วันนี้จึงเป็นวันแรกที่กลับมาอ่านบันทึกชาวgotoknow

และเปิดบันทึกนี้อ่านเป็นปฐมฤกษ์ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเมืองที่หลายๆคนแอบเรียกว่าเป็นเมือง2ประเทศ

ขอบคุณค่ะ

Ico32 krutoiting สวัสดีปีใหม่ที่จะถึงนี้ครับ  แหมเจอตัวจริงลุงเอกถึงกับป่วยเลยหรือ วันนีลุงเอกก็ป่วยไปให้หมอเช็คสุขภาพมาเมื่อเช้านี้

ขอบคุณเพิ่งเปิดเหมือนกัน เรียกเมืองนี้ว่าเมืองนานาชาติดีกว่านะ

ลูกน้ำ  เขาเรียกว่าความรักสร้างโลก

อาดัมคราเฮ็นว่าไว้ใครจะใช้อำนาจให้ใช้ด้วยความรัก อย่าใช้ด้วยความอาฆาตมาดร้าย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท