ผมอ่านการเล่าบรรยากาศและเนื้อหาการประชุมของเครือข่ายลำปางด้วยความสนใจ อ.อ้อมบันทึกได้ละเอียดและมีชีวิตชีวามาก ผมมีความเห็นต่อรายงาน http://gotoknow.org/archive/2006/03/02/17/42/56/e17400 ดังนี้ครับ
คิดดีแล้วละครับ
อ.ปิยะวัติ บุญ-หลง ผอ.สกว.เคยเสนอแนะว่า "ในปรากฏการณ์ทางสังคมมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายซึ่งสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน นักวิจัย(จัดการความรู้-ผมเพิ่มเอง)อย่าไปเพิ่มตัวแปรในส่วนของเราขึ้นมาอีกเพราะจะทำให้ปรากฏการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น "
ผมเห็นว่าทำอย่างนี้ได้ต้องมีจิตว่าง คือมีเมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขาครบถ้วน
ความรู้ที่สรุปไว้ข้างต้นมีอยู่
แต่จัดการกับความรู้ดังกล่าวเพื่อให้เกิดขึ้นในตัวเรา
เพื่อไม่ไปเพิ่มตัวแปรขึ้นอีกไม่ใช่เรื่องง่าย
อันนี้แหละครับที่ท้าทายนักจัดการความรู้
เพราะเป็นการเพิ่มความสามารถหรือบารมีในการทำงานของเรา
ซึ่งทุกคนมีหน้าที่ของตน ตรวบสอบในตารางอิสรภาพของเราดูว่า อารมณ์
ความรู้สึกต่อเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร?
เราใช้ความรู้เข้าแก้ไขอย่างรอบด้านด้วยความปรารถนาดี
ด้วยความรักหรือใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ใครทำได้ดีขึ้นก็จะก้าวหน้ายิ่งขึ้น (เอาใจช่วยอ.อ้อมครับ)
การจัดการความรู้จึงเป็นเครื่องมือฝึกตนเองเพื่อไปสู่อิสรภาพหรือมิใช่?