ศัตรูคือ "ครู" ของเรา...


 

หลากหลายครั้งที่เราได้เฝ้าถามตนเองว่า ทำไมสิ่งนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับเรา และทำไมเราต้องเจอคนแบบนี้…

คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจทุกครั้งที่ได้ประสบ พบ และเจอ กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
สิ่งต่างเหล่านั้นใครหนอเป็นคนลิขิต ขีดเส้นสายเป็นลายแทงให้ได้พบและได้เจอ

ได้เจอได้หนอคือสิ่งดี
ได้แก้นี่หนอเป็นสิ่งดียิ่งกว่า
ทำให้เราได้รู้ ได้แก้ ได้แก้ไข ได้พิจารณา
เพื่อนำพาปลดเปลื้องความทุกข์นั้น หมดจากใจ...

การหนี ไม่พบ ไม่พูด ไม่เจอ ดับได้เพียงชั่วครั้งและชั่วคราว
การได้เจอ เจอกับสิ่งที่เราไม่ปรารถนา เจอกับสิ่งที่เราเกลียด เราไม่ชอบ สิ่งนั่น คนนั้น เหตุการณ์นั้น จะช่วยให้เราได้ “ภาวนา”
ภาวนาพัฒนาใจ ให้สามารถต่อสู้ หาทางออกที่ถูกต้อง แก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาด
สิ่งต่าง ๆ คนต่าง ๆ เราแก้ไขไม่ได้ และไม่ควรจะไปแก้ไขใคร แก้ไขสิ่งใด สิ่งที่เราควรทำไซร้คือการแก้ไขตนเอง


วันนี้ที่เจอคนไม่ชอบหน้า เป็นสิ่งที่สอนเราให้ “เมตตา”
แผ่เมตตาให้เขา ใจเราก็จะเบาและสบาย
ถ้ามัวแต่ไปโกรธ แค้น เคือง ใจเราก็ไม่สบาย ใจเราก็ไม่ได้พัฒนา นั่นคือเราไม่ได้ “ภาวนา”
การโกรธ แค้น เคือง คิดร้าย ลงโทษ ด้วยอำนาจ การข่มเหง ศัตรู หรือสิ่งที่เราไม่ชอบ ก็เป็นการรังที่จะก่อให้เกิดศัตรูให้มากขึ้น ทำให้เกิดสิ่งร้าย สิ่งเลวเกิดขึ้นกับตนเองมากขึ้นอย่างไม่มีวันรู้จักจบจากสิ้น
การแก้ไขตนเอง ที่ตนเอง ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ประเสริฐ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่สาเหตุ ต้นและรากแห่งเหตุ


เขา ใคร สิ่งใด มิได้ทำอะไรเรา ใจเรานี่แหละ ทำร้ายกาย จิต ใจ ของเราเอง

ฝึกใจให้เข้มแข็งด้วยเมตตา จึงควรต้องหัดแผ่เมตตาให้ศัตรู
ศัตรูที่สำคัญที่สุดก็คือ “ความคิด” ของเราเอง
บางทีคนที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราเกลียด เขายังมิได้ทำอะไรให้เราเลย แต่เจ้าความคิดนี่มันทำร้ายใจของเราเสียแล้ว
ทำร้ายใจของเราไม่พอ พาลทำให้จิตเราเศร้าหมอง ร่างกายแปรปรวน พาลป่วย พาลไข้ “ไปกันใหญ่”

ถ้าเราคิดว่าเขาคือศัตรู เขาก็เป็นศัตรูที่เราคิดว่าเขาจะคอยแต่ทำร้ายเรา

ถ้าเราคิดว่าเขาคือครู เขาก็จะเป็นครูที่ประเสริฐยิ่งของเรา

สิ่งที่เขาทำกับเรา สิ่งใดเกิดขึ้นกับเรา ถ้าเราคิดว่าสิ่งนั้นเป็นครู เขาเป็นครู ครูที่สอนเราให้เข้มแข็ง แกร่งกล้า "มีปัญญา" อันมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งอยู่บนพื้นฐานแห่ง "ศีล และสมาธิ"

เพราะถ้าเราโกรธเขา แสดงว่าเราไม่มีสมาธิที่จะควบคุมความโกรธของตนเอง พาให้เราทำร้ายเขาตอบ ด้วยกายก็ดี กายก็ดี วาจาก็ดี นั่นแสดงว่าเราไม่มีศีลแล้ว

สมาธิไม่มี สติไม่อยู่ ศีลก็ขาดกระจัดกระเจิง นำพาผลเสียมาอย่างมากมาย...

เราทำใจ ปรับปรุงใจของเราเองให้มีคุณค่าด้วยการแผ่เมตตาให้สิ่งและคนที่เราไม่ปรารถนา
เมตตาเขาให้มาก ๆ แล้วเราก็จะสบาย

เมื่อเจอสิ่งต่าง ๆ เราต้องมีสมาธิเพื่อเรียกสติ


ในกาลครั้งหน้า เมื่อเราเจอใคร สิ่งใด ที่ไม่สบายหู ไม่สบายตา ไม่สบายใจ เราจะได้เข้มแข็ง มีพลัง “มีปัญญา” ที่จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างถูกทาง
กำจัดอคติ สิ่งไม่ดีจากใจของเราเสียให้สิ้น ขจัดออกด้วย “เมตตา”
แก้ไขที่ตัวของเราเอง เริ่มที่ตัวของเรา เรา เขา ใคร สิ่งใด ก็จะสบาย


ความเมตตา จะพาเราให้เป็นคนที่มีใจที่ดี
ความเมตตา จะพาเราให้เป็นคนที่มีใจสบาย
“ใจดี ใจสบาย”...

 


 

คำสำคัญ (Tags): #ครู#ศัตรู
หมายเลขบันทึก: 174300เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2008 09:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • สวัสดีค่ะ ขอบคุณค่ะ ได้กำลังใจมาเยอะเลยค่ะ

สวัสดีครับ

ชีวิตคือการต่อสู้ ปัญหาคือการเรียนรู้

ขอบคุณครับ

อ่านจั่วหัว แล้วตกใจ  นึกว่าคนเป็นครูของเรานั่นแหละคือศัตรู

 

พออ่านไปก็เข้าใจ  ศัตรูคือครู 

 

เอ๊ะ อ่านไปอ่านมา ใครเป็นครู ใครเป็นศัตรูกันแน่ 

 

หรือศัตรูกับครูเป็นคนคนเดียวกัน

 

เอ้อ  เอ๊ะ  อ้าว  งง ......

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท