6. สัมผัสมัณฑะเลย์ราชธานีแห่งสุดท้ายของพม่า (1)


ย้อนยุคด้วยการผจญภัยไปมัณฑะเลย์

 

 

 

                                                

 

 

 

คณะของดิฉันอยากลองนั่งรถทัวร์ของพม่าจากย่างกุ้งไป

มัณฑะเลย์ ฝากเพื่อนไปซื้อตั๋วให้ เพื่อพาเราไปส่งที่สถานี

หมอชิตของเมืองย่างกุ้ง ไกลจากที่พักของเพื่อนที่อยู่กลาง

เมืองพอสมควร ทำให้เห็นว่าเมืองย่างกุ้งมีเนื้อที่กว้างขวาง

ทีเดียว ถนนสายหลักๆ จะกว้างขวาง โล่งๆ รถไม่มากนัก

พอไปถึงสถานีเห็นรถปรับอากาศมีอักษรเกาหลีติดไว้

คงผลิตที่เกาหลี แต่สภาพไม่ใหม่เหมือนรถบ้านเรา เพื่อน

ดิฉันไปถามเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ในอาคารเล็กๆ โล่ง

ที่เป็นที่นั่งรอผู้โดยสารและเป็นร้านขายของให้คนนั่งดื่มน้ำ

ทานขนมได้ ผู้คนเยอะทีเดียว พวกเราต้องแสดงพาสปอร์ต

ให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย เพื่อนที่มาส่งชี้ให้ดูว่าขึ้นรถคันนี้นะ

เสร็จแล้วเพื่อนก็ขอลากลับ พวกเราขอบคุณเธอมากๆ มีข้อน่าสังเกต

ว่าในหลายๆ ภาษาจะไม่มีคำว่า ขอบคุณ  ภาษาพม่าก็เช่นกัน

แต่การไม่มีคำใช้มิได้หมายความว่าผู้คนไม่ตระหนักในเรื่องนี้

ขาแสดงความขอบคุณด้วยการกระทำสิ่งที่ดีๆ ตอบแทน

แต่ไม่ผ่านทางคำพูดเท่านั้น  พวกเราเอากระเป๋าขึ้นไปไว้

บนรถๆ ไม่มีผ้าม่าน วันนั้นแดดร้อนจัดมาก พวกเรานั่งรอ

นั่งเล่น ผู้โดยสารก็ทยอยขึ้นมาล้วนแต่สัมภาระเยอะๆ ทั้งนั้น

ที่เรียกรถทัวร์ก็เรียกให้หรูไปอย่างนั้นเอง จริงๆ แล้ว

เป็นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศที่วิ่งระหว่าง

ย่างกุ้ง-มัณฑะเลย์วันละเที่ยวเท่านั้น ผู้โดยสารจึงแน่น

ทีเดียว พวกเราพยายามคุยกับคนใกล้ๆ ด้วยภาษาอังกฤษ

เขาไม่เข้าใจ ดิฉันสังเกตว่าชาวพม่าที่มีการศึกษาจึงพูด

ภาษาอังกฤษได้ ชาวบ้านถ้าไม่ได้ติดต่อค้าขายกับ

นักท่องเที่ยวต่างชาติ จะพูดอังกฤษไม่(ค่อย)ได้

ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน หากไม่เรียนภาษาจะรู้ได้อย่างไร

หรือเรียนแล้วไม่ได้ใช้ก็ลืมหรือพูดได้ไม่คล่อง  

รถออกช้ากว่าที่บอกไว้กว่าครึ่งชั่วโมงคือเกือบห้าโมงเย็น

ผู้โดยสารคุยกันจ้อกแจ้ก จอแจ คนขับเอาใจผู้โดยสารเปิด

คาราโอเกะเพลงพม่าแบบทันสมัยที่ยืมทำนองจากตะวันตกมา

ใส่เนื้อพม่า ยิ่งทำให้รู้สึกหนวกหูไปใหญ่ รถวิ่งไปสักพักแวะ

เข้าไปอีกสถานีหนึ่งเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสาร คราวนี้คนลงน้อยกว่า

คนขึ้น เดิมนั่งมาแถวละสองที่ ตอนนี้เก้าอี้เสริมที่ออกแบบพับ

แนบมากับเก้าอี้อย่างดีถูกกางออกหมด เพราะฉะนั้นทางเดิน

ตรงกลางจะเป็นเก้าอี้เสริมหมด เพื่อนที่นั่งริมทางเดิน

ต้องรูดซิปกระเป๋าเสื้อให้มิดชิดเพราะมีของมีค่าในการ

เดินทางหลายอย่าง กันไว้ดีกว่า มีคนสูบบุหรี่ มีคนเปิดหน้าต่าง

ยิ่งทำให้ทั้งร้อน ทั้งเหม็นควัน บอกเขาๆ ก็ฟังไม่ออก รถวิ่ง

ออกไปชานเมือง เห็นทุ่งนากว้างๆ ตะวันเริ่มลับฟ้าจนมืด รถแวะ

ที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดแวะพักรถโดยสารเพื่อให้ผู้โดยสาร

แวะทานอาหารเย็น คนที่มีเสบียงมาก็ขนลงไปรับประทาน

โรงแรมมีเนื้อที่กว้าง ใครจะนั่งทานในสวนก็ได้ ฉันไปห้องน้ำ

ก่อน ย่องๆ ไปดูว่าเขาขายอะไรกันบ้าง ผู้คนก็เข้าไปสั่งอาหาร

มีสองร้านติดกัน ร้านหนึ่งดูเก่าๆ อีกร้านดูดี ผู้โดยสารนั่งทาน

กันอย่างรวดเร็ว ตอนแรกพวกเราบอกยังไม่ทาน แต่เขาให้

ผู้โดยสารลงรถหมด ล็อกรถด้วย เพื่อความปลอดภัยของ

ทรัพย์สินก็ดีเมือนกัน คณะเราจึงต้องลงรถและสั่งอาหารมา

ทานกันเพราะเจ้าของร้านพูดอังกฤษได้ ข้าวผัดใส่ไข่ใส่ผักร้อนๆ

อร่อยดี ร้านก็ดูดี ปกติคงเป็นร้านอาหารของโรงแรม แต่ก็ให้บริการ

พวกรถโดยสารด้วย ทานเสร็จออกมาเดินสักพัก ยืดเส้นก่อนที่

จะลุยกับการเดินทางอีกทั้งคืน ราวทุ่มกว่ารถไปต่อ คราวนี้มอง

ไม่เห็นอะไรแล้ว ฉันก็หลับๆ ตื่นๆ ไปเรื่อยๆ ในรถไม่ได้ดับไฟหมดยิ่ง

ทำให้นอนไม่หลับ  การนั่งแบบนี้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากทีเดียว

แม้เบาะจะเอนได้บ้างก็ตาม นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานในรอบ

หลายสิบปีที่ร้างราการเดินทางกลางคืนโดยรถทัวร์แบบนี้

คณะเราอยากลองดูเพื่อเป็นประสบการณ์และเรียนรู้  รถก็จอด

รับส่งผู้โดยสารตลอดทาง จนตีห้ารถจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

(จุดพักรถ) ผู้คนไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ทาทานาคา

(มีแท่งทานาคาและแท่นหินให้ฝน มีกระจกให้แต่งเติมเสริมสวย

แขวนไว้ 3-4 บาน)  ฉันก็ไปดูๆ ว่าอะไร ถามสาวเจ้าที่อยู่ตรงนั้น

พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก เขาบอกให้ไปตักน้ำมา ฉันก็ไม่รู้เรื่อง

จนสุดท้ายสาวเจ้าเดินไปตักน้ำมา เทลงบนแท่นหินที่ใช้ฝน

ทานาคา แล้วฝนทานาคาจนน้ำเป็นสีเหลืองๆ เธอเอามือแต้มน้ำ

ทานาคาทาหน้า ฉันก็แต้มน้ำที่เธอฝนเผื่อไว้ทาหน้าตัวเองด้วย

บางคนก็ดื่มชา กาแฟ พวกเรายังไม่ดื่มอะไรเพราะยังเช้ามาก

พักราวครึ่งชั่วโมงก็ไปต่อ ฉันก็ยังงีบได้อีกบ้าง จนเจ็ดโมงกว่า

ก็ถึงสถานีขนส่งมัณฑะเลย์

                               

โอ้โห ทางโขยกเขยกเหมือนหลุมอุกกาบาต ฝุ่นตลบภาพเก่าๆ

โทรมๆ มีทั้งรถสิบล้อที่บรรทุกของจอดเต็มไปหมด รวมทั้งรถโดยสาร

แบบเรา พวกเราลงรถ มีบรรดาคนขับรถรับจ้างมาอออยู่เต็มหน้า

ประตูทางลง สุดท้ายเราตกลงไปกับคนขับร่างใหญ่ผิวคล้ำนุ่งโสร่ง

พวกเราบอกชื่อโรงแรมให้เขาไปส่ง เขาพยักหน้า คว้ากระเป๋าเราไป

ลิ่วเลย เราเดินตามแทบไม่ทันเพราะรถพลุกพล่านทั้งใหญ่ ทั้งเล็ก

ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองที่ย้อนยุคเพราะ

รถสองแถวที่ใช้รับส่งผู้โดยสารที่วิ่งอยู่ในสถานีนั้นเป็นรถกะบะ

มาสด้ารุ่นแรกคันจิ๋วๆ จุผู้โดยสารที่กะบะหลังซึ่งทำเป็นสองแถวมี

หลังคานั่งได้ 4 ที่ มีที่เก็บสัมภาระบนหลังคา ด้านหน้าคนขับ

กับผู้โดยสารอีกเป็น 2 ที่ ดูน่ารักดี ตอนแรกคิดว่าเป็นรถที่ผลิตขึ้น

ที่นั่น ถามคนขับๆ บอกมาสด้าครับ คนขับจับกระเป๋าเราปีนขึ้นไปไว้

บนหลังคาอย่างรวดเร็ว ยังไม่หนำใจ ในรถนั้นมีพ่อลูกกับสัมภาระ

และพวกเราแล้ว เขายังทิ้งเราไปเร่แย่งผู้โดยสารเพิ่มอีก นานทีเดียว

จนพ่อลูกที่นั่งอยู่เดินลงรถจากไป สุดท้ายได้ผู้โดยสารใหม่

ผู้ใหญ่อีก 2 เด็กอีกหนึ่ง รถเคลื่อนตัวผ่านฝุ่นควันออกไป ผู้โดยสาร

หญิงถามฉันเป็นภาษาพม่า (เพราะฉันทาทานาคาไว้ที่หน้า) ฉันบอก

พูดพม่าไม่ได้ค่ะ เขาก็เงียบๆไป รถโขยกเขยกแล่นออกมาจนถึงถนน

สายหลักด้านนอกถนนสายหลักในเมืองกว้างขวางมาก รถน้อย

ส่วนใหญ่ขี่จักรยานและมอเตอร์ไซค์กัน ตึกรามบ้านช่องทันสมัย

เนื่องจากยังเช้าอยู่ รถยังไม่มาก ร้านรวงยังไม่เปิด ทราบมาว่าจีนเข้า

ไปลงทุนที่นั่นมาก รถไปส่งผู้โดยสารอื่นที่สถานีรถไฟ สุดท้ายส่ง

พวกเราที่โรงแรม

--------------------

หากท่านสนใจที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เอก

สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท

มหาวิทยาลัยมหิดล กรุณาเข้าไปชมรายละเอียด

ที่ www.lc.mahidol.ac.th โทร. 02-800-2308-14

ต่อ 3101

          

หมายเลขบันทึก: 174259เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2008 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สนใจท่อนสุดท้ายครับ อิอิ อยากเรียนจังมีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งไปเรียนที่นั้นทั้งโทและเอก ไม่รู้จบยัง
  • แยกชมภาพด้วยครับ อิอิ ลูกทัวร์เว้าวอน
  • อ้าวใจร้อน ภาพมาแล้ว อิอิ
  • สภาพเหมือนหัวเมืองใน สปป.ลาวครับ
  • ดูจากสภาพรถ แต่ก็น่าแบกเป้ไปเที่ยว

 

  • อ้าวใจร้อน ภาพมาแล้ว อิอิ
  • สภาพเหมือนหัวเมืองใน สปป.ลาวครับ
  • ดูจากสภาพรถ แต่ก็น่าแบกเป้ไปเที่ยว

 

เรียน คุณออต ที่นับถือ

ใช่ค่ะ น่าแบกเป้ไปเที่ยว ใส่แตะรัดส้น เพราะไปพม่าถ้าไม่ไหว้พระเข้าวัด คงไปไม่ถึงพม่าเด็ดขาด ทุกวัดถอดรองเท้าเดินด้วย เพราะฉะนั้นแตะหรือแตะรัดส้นสะดวกที่สุดค่ะ

น่าไปเรียนรู้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท