บันทึกการปฏิบัตธรรม 1 กายเย็น จิตเย็นที่น้ำตกแม่ต้อเลเคาะ


    ขอชี้แจงเบื้องต้นว่าผมไปปฏิบัตครั้งนี้ไม่ได้หวังบรรลุใดๆทั้งสิ้น หากแต่เป็นการปฏิบัติเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรแค่นั้น และจะเขียนบันทึกเฉพาะเหตุการณ์ที่อยากจะเล่าเท่านั้นครับ

         "ตะชี กิโล หนะเหล่ แด่คอ แก๋ "  "10 กิโลเมตรจะเดินไปไหวเหรอ" เป็นคำพูดของพี่จารุณี  กรรมการเขตบริการที่ผมรับผิดชอบอยู่ ถามผมก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปวัดในตอนเช้าของวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา พี่จารุณี บอกว่า หน้าแล้ง สามารถนำรถมอไซด์ขึ้นได้ ให้คนไปส่งดีไหม แล้วนำรถมอเตอร์ไซด์กลับมาเก็บไว้ที่บ้านพี่เขา  หรือไม่ก็ขี่ขึ้นไปเอง  แต่ผมตัดสินใจว่าจะเดินไปตามที่ตั้งสัจจะไว้  แต่ขอให้พะตี้ ในหมู่บ้านขี่มอเตอร์ไซด์ผมนำเสบียง อาหารที่จะนำไปทานที่วัดให้ เป็นอาหารมังสวิรัติทั้งมด ทั้งหมด  ผมสะพายเป้ไปเพียงใบเดียวในเป้มี มีชุดขาว 2 ชุด ถุงนอน 1 ผืน และของใช้ส่วนตัวบางอย่าง มียาสีฟัน แปรงสีฟัน ไม่มีสบู่ ไม่มีเครื่องสำอาง  และไม่นำกระเป๋าเงิน ที่จริงวัดบนดอยไม่มีร้านค้าซื้อของอยู่แล้ว โทรศัพท์มือถือ ก็ไม่เอาไป เพราะโทรศัพท์ผมฟังเพลงได้ เดียวจะเกิดกิเลส อยากฟังเพลง และที่สำคัญ มีรูปคนที่ผมรักมากที่สุดถึงแม้ความรักเราจะเป็นไปไม่ได้ แต่ผมยังขอเก็บรูปไว้ในโทรศัพท์ อันนี้จะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมของผมเป็นอย่างยิ่ง และ มีเต้นที่ใช้นอน 1 หลัง
 
            ผมออกเดินทางจากหมู่บ้านขุนห้วยแม่ต้าน เวลา 09.00 น. เดินไปเรื่อยๆ ชมนกชมไม้ เหนื่อยก็พัก จำได้ว่าพักบ่อยมาก บวกกับอากาศเริ่มร้อนอบอ้าวในหน้าแล้ง ถึงจะเป็นยามเช้าก็ตาม ผมเดินไปเรื่อยๆ จนถึงสำนักสงฆ์ขุนห้วยแม่ต้าน ได้ยินเสียงระฆัง พระฉันเพลพอดี ขึ้นไปกุฏิเห็นครูบา  และมีสามเณร 4 รูปกำลังฉันเพล ผมมองดูอาหารทั้งหมดเป็นอาหารมังสวิรัติ อาหารเจครับ  พอดี เลย ผมมีความตั้งใจจะมาทานมังสวิรัติอยู่แล้ว และมีศิษย์วัด อยู่หลายคน คอยปรนนิบัติ อยู่ข้างๆ  ผมแปลกใจ ผมเคยขึ้นมาที่วัดนี้ครั้งหนึ่ง เห็นมีแต่ ครูบา 1 รูป และ ศิษย์วัด 1 คนเอง แต่ตอนนี้ทำไมมีเยอะ ผมคิดในใจ ถ้าอยู่กันเยอะอย่างนี้ไม่สงบแน่ จึงเข้าไปสอบถาม เด็กคนที่โตสุด ได้ความว่า สามเณรพึ่งมาเที่ยวบ้าน หลังจากที่ปิดเทอมแล้ว เด็กๆเหล่านั้นก็ตาม สามเณรมาด้วย เย็นนี้ก็จะกลับแล้ว และอีกอย่างหลังจากฉันเพลเสร็จแล้วสามเณรแลเด็กทั้งหมดจะพากันไปเที่ยวน้ำตก แม่ต้อเลเคาะต่อ เมื่อได้ยินชื่อน้ำตก พาให้กิเลส ชอบเที่ยว ชอบดูธรรมชาติขึ้นมาทันที ห่างจากวัดไปประมาฯ สัก 3กิโลเมตร มีน้ำตก ชื่อ น้ำตกแม่ต้อเลเคาะ
             หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ งานแรกที่ต้องทำคือ ลงไปตักน้ำ ที่นี่น้ำจะขาดแคลนมากเพราะสำนักสงฆ์ตั้งอยู่บนดอยสูง ต้องลงไปตักน้ำ จากเชิงดอย ระยะทาง เกือบกิโลเมตร ที่สำคัญ ทางลาดชัน เวลาขึ้นมา จากตักน้ำจะตายให้ได้เหนื่อย ครับ พักหลายครั้ง กว่าจะขึ้นมาถึงกุฏิ หลังจากพักเหนื่อยสักพัก กางเต้นเสร็จ สามเณรและเด็กๆบอกได้เวลาเดินทางไปน้ำตกแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มเดินทางครับ จากวัดไปน้ำตก ต้องผ่านบ้านแม่ต้อเลเคาะ  ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ขึ้นดอยลงดอย จากบ้านแม่ต้อเลเคาะ  ต้องเดินลัดเลาะขึ้นตามลำห้วยแม่ต้อ ถามเด็กๆว่าไม่มีเส้นทางอื่นอีกแล้วเหรอ ได้ความว่า มีทางเดียว เดินลัดเลาะไปตามลำห้วยใช้เวลาพอสมควร และก่อนจะถึงน้ำตก ขึ้นดอยอีกแล้วครับทั่น ทีนี้ลากขาข้นไป ครับเดินไม่ไหว
         ลากขาขึ้นดอยได้สักพักได้ยินเสียง น้ำตก ใจชื้นขึ้นนิดหนึ่งว่า คงจะถึงแล้ว สักพักก็ถึงจริงๆครับ น้ำตก แม่ต้อแลเคาะ  ได้ยลโฉมน้ำตก อาจจะไม่สวยเท่าไร เพราะน้ำเริ่มลดแล้ว ในหน้าร้อน น้ำตกนี้เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมภายนอเข้ามา มันอาจจะเป็นการเข้าไปเที่ยวน้ำตกยากไปหน่อย จึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก และไม่มีการปรับภูมิทัศน์รอบน้ำตก จึงยังคงความเป็นธรรมชาติไว้มาก อากาศรอบเย็นมาก ทำให้ กายเย็นจิตเย็น พักจนหายเหนื่อยแล้วได้เวลา เดินทางกลับไม่อยากกลับเลย วันนี้เดิน เดิน และเดินเกือบทั้งวันครับ
 

 

หมายเลขบันทึก: 173859เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2008 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม 2012 16:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีเจ้าค่ะ ครูข้างถนนที่น่ารัก

เย้ๆๆๆ คุณครูกลับมาแล้ว เอาภาพมาฝากด้วย ชอบน้ำตกจังเลย คุณครูสบายใจขึ้นยังเจ้าค่ะ...ขอให้คุณครูมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตนะเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

คุณครูคงเหนื่อยแย่ แต่น้องจิว่า สิ่งที่คุณครูได้มา คือ ความอบอุ่นภายในใจ น้องจิเป็นกำลังใจให้นะเจ้าค่ะ เส้นทางไม่ได้ราบเรียบไปด้วยความสุขสมหวัง แต่ ทุกๆ รอยก้าวที่เราได้ก้าวไปนั้น มันคือความทรงจำและอดีตที่ควรจดจำทั้งสิ้น สิ่งใดที่จำแล้วเกิดประโยชน์มีความสุข ก็จงจำต่อไป มิควรลืม แต่สิ่งใดที่จำไปมีแต่ความชอกช้ำ ก็อย่าไปจำให้มันทุกข์ทรมานเลยเจ้าค่ะ สู้ๆ ก้าวไปข้างหน้าต่อไปค่ะ เด็กๆ รอคอยคุณครูอยู่...น้องจิก็ชะเง้อมองทุกวันเลย 555555++

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

สวัสดีน้องจิ

  • ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจ
  • และความคิดถึง
  • รวมถึงการติดตามบันทึกของครูข้างถนน
  • คงสบายดีนะครับ
  • ครูข้างถนนให้กำลังใจน้องจิ เช่นกัน
  • ขอบคุณ

สวัสดีน้องจิอีกครั้ง

  • เหนื่อยกายไม่เท่าไร แต่เหนื่อยใจนี่สิสุดจะทน
  • แต่หลังจากไปปฏิบัติแล้วก็หายเหนื่อย
  • เอ๋ ! ความเห็นที่ 2 ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะอิอิอิ
  • เย้ๆๆ  น้องสาวของครูข้างถนน โตเป็นสาวแล้วๆๆๆ
  • ขอบคุณมาก

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครูข้างถนน ที่น่ารักของหนู 555++

เป็นไงล่ะ น้องจิก็พูดแบบผู้ใหญ่ๆ ได้เหมือนกันนะเจ้าค่ะ 555+++ เก๋าเปล่า เห็นคุณครูสบายใจขึ้นน้องจิก็ดีใจเจ้าค่ะ แต่เพียงแค่คุณครูพิมพ์มาเป็นอักษรว่า สบายใจขึ้นแล้วนั้น มันคงไม่ได้ยืนยันได้ว่าคุณครูมีความสุขจริงๆ แต่ก็เชื่อว่า เวลาจะเยียวยาจิตใจคุณครูเอง น้องจิเชื่อว่าคุณครูมีความสุข เพราะ น้องจิมีความสุข 55555++ ก๊ากๆๆ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ -----> น้องจิ ^_^

สวัสดีน้องจิ

  • เป็นอันว่า บันทึกนี้
  • เราโต้ตอบกัน 2 คน
  • ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีคนสนใต
  • บันทึกนี้ ตั้ง 1 คน 555555
  • ขอบคุณ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท