จดหมายถึงโยมป้า


วันนี้อาตมาเองได้เขียนจดหมายถึงโยมป้าฉบับหนึ่ง โดยเมื่อเขียนแล้วก็ฉุกคิดในใจขึ้นมาว่า ถ้ามีใคร คนใด ได้ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้หรือใกล้เคียง

หากใคร คนใด คนนั้น ยังไม่พบทางออก ต้องการหาเหตุ ทางแก้ ตามหลักการของมนุษย์ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จดหมายฉบับนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร คนใด คนนั้น

อาตมาจึงขอนำจดหมายฉบับนี้มาบันทึกไว้เพื่อผู้ที่ได้อ่านจะได้ทราบถึง "เหตุและการดับเสียซึ่งเหตุ" จากปัญหานั้น...


 

เจริญพร โยมป้า

 

ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ช่วงนี้หายไปนานและมิได้ติดต่อ เนื่องจากต้องเดินทางไปในหลากที่หลายจังหวัด แต่ถึงอย่างไรก็ยังห่วงใยโยมป้าและหาหนทางที่จะช่วยแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ของโยมป้าให้ผ่านไปได้อย่างดีที่สุด

 

ซึ่งหลานพระเองหลังจากที่ได้ประสบกับวิกฤตเมื่อครั้งที่ลาออกจากงานแล้วทำให้ชีวิตพลิกผันไปอย่างมาก ชีวิตได้ระหก ระเห เร่ร่อน ดั่งเรือน้อยอันไร้หางเสือที่ลอยละล่องอยู่กลางทะเล ชีวิตหักเหอย่างไรทิศทาง

จนกระทั่งวันหนึ่งได้ "บวช" และอยู่มาได้กว่าหนึ่งปีแล้วนั้นก็พอที่จะทราบถึง "เหตุและวิธีที่จะแก้ไขได้"

แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการสมควรหรือไม่ที่จะบอกกับโยมป้า เพราะสิ่งที่จะบอกนี้ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้โยมป้าทราบว่าสิ่งที่จะบอกนี้ หลานพระบอกด้วยความบริสุทธิ์ใจและเป็นห่วงโยมป้าเป็นอย่างยิ่ง ด้วยต้องการที่จะให้โยมป้าผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี เพราะอย่างไรก็ตาม "เรานั้นคือครอบครัวเดียวกัน"

ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นกับคน ๆ หนึ่งซึ่งได้มีโอกาสบวชและมาอยู่ที่วัด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาประสบพบเจอกับชีวิต ซึ่งหลานพระเองขอนำมาเล่าให้โยมป้าฟังว่า...

 

ผู้ชายคนนี้เขาเป็นคนไทยที่ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกที่ต่างประเทศ เขาเรียนเก่ง ครอบครัวมีฐานะ

แต่มีอยู่วันหนึ่งตอนนั้นเขากำลังทำปริญญาเอกอยู่ใกล้จะจบ อยู่ดี ๆ เขาก็ล้มป่วยลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาไม่สามารถเดินและพูดได้ มีอาการเกร็งไปทั้งตัว คณะแพทย์ที่สหรัฐอเมริกาลงความเห็นว่าเขาป่วยเป็น "โรควัวบ้า (Mad cow disease)" ไม่สามารถรักษาได้และจะตายในอีกไม่ช้า "หมดหวัง ต้องตายแน่ ๆ"

แม่ของเขาได้ปรึกษาคณะแพทย์ทางเมืองไทย หมอทางเมืองไทยบอกว่าให้พาตัวกลับมารักษาที่เมืองไทย แม่ของเขาจึงพาขึ้นเครื่องอย่างทุลักทุเลกลับมาถึงเมืองไทย

พอกลับมาถึง หมอก็ได้พยายามช่วยเขาอย่างเต็มที่ ปรากฏว่าเขายังไม่ตาย แต่ก็ไม่หายป่วย

เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ หมอช่วยอย่างไรอาการก็ยังไม่ดีขึ้นมา เพราะหาสาเหตุจากการป่วยนี้ไม่ได้ ช่วยได้เพียงแต่รักษาตามอาการไม่ให้เขาตายเท่านั้น

แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น ณ คืนหนึ่งที่โรงพยาบาล

ผู้ชายคนนี้ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดดลใจหรือเขาเกิดคิดสิ่งใดขึ้นมาได้

เขาค่อย ๆ คลานลงจากเตียงลงมากราบที่เท้าของ "แม่" ซึ่งนอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้าง ๆ

เขาเข้าไปกราบเท้าแม่ กราบขอโทษในสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดไป และเขาบอกว่าถ้าเขาหายป่วยเขาจะมา "บวช"

เขาไปเรียนอยู่ต่างประเทศเป็นสิบปี เที่ยว เตร่ ตามประสาผู้ชาย ซึ่งค่อนข้างมีฐานะ...

หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น

อาการต่าง ๆ ของเขาค่อย ๆ ทุเลาขึ้น

โรคต่าง ๆ ที่หาไม่เจอ หมอกลับพบสาเหตุว่าเกิดจากกระดูกกดทับเส้นปราสาท เนื่องจากเส้นประสาทที่เชื่อมโยงไปสู่สมองถูกกดทับอันเนื่องมาจากความเครียด

 

มาถึงวันนี้ เขาเดินได้ พูดได้ ขับรถได้ กลับมาใช้ชีวิตได้เกือบเป็นปกติ แล้วเขาก็มาบวชให้แม่ตามที่เขาตั้งจิตอธิษฐานไว้

 

"คนเราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักต้องได้รับผลของกรรมนั้น ๆ สืบไป..."

 

กรรม เราทำขึ้น เราก็ต้องรับผลของกรรมนั้นมิสามารถหลีกเลี่ยงได้

แต่... กรรมสามารถทุเลาเบาบางลงไปได้ถ้าเราสร้างกรรมดีไปเจือจางกับสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำ

สาเหตุหนึ่งที่หลานพระมาบวชอยู่ก็เนื่องด้วยเพราะหลานพระก็สร้างกรรมที่ไม่ดีในอดีตไว้มิใช่น้อย "การบวชสามารถแก้กรรมหนักให้เบาบางลงไปได้" เพราะกรรมมีหลายประเภท หลายระดับ ทั้งกรรมเบา กรรมหนัก กรรมที่ให้ผลเฉพาะในชาตินี้ และกรรมที่จะตามให้ผลในทุกชาติไป

สาเหตุอีกประการ ที่หลานพระยังไม่สึก ก็เนื่องด้วยต้องการที่จะสร้างบุญ บารมีให้กับตนเอง พ่อแม่ ครอบครัวให้มากขึ้น เพราะคนเรานั้นเก่งอย่างเดียวไม่พอ "ต้องเฮงด้วย"

 

กรรมตัวหนึ่งที่หนักอึ้ง ไม่เฉพาะกับหลานพระเอง ยังหนักอึ้งกับครอบครัว โดยเฉพาะ "โยมพ่อ" นั้นก็คือ การไม่เอาใจใส่ ดูแล โยมปู และโยมย่า ซึ่งเป็น "พ่อ และ แม่"อย่างสมควร ปล่อยให้ท่านจากโลกนี้ไปอย่างไม่ได้ดูใจ และดูแลเต็มที่อย่างที่บุตรควรพึงกระทำกับพ่อ แม่ ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณ

 

แต่วันนี้หลานพระเองก็สบายขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว เพราะว่าเมื่อเดือนก่อน หลานพระเอง ได้นำอัฐิ (กระดูก) ของโยมย่า จากวัดผาสุกมณีจักร (วัดที่เผาโยมย่า) มามอบไว้ให้กับ ท่านพระอาจารย์ เจ้าพระคุณหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งท่านเมตตารับอัฐิของโยมปู่ไว้ในห้องนอนของท่านเอง ทั้งนี้หลานพระก็ได้นำรูปของโยมปู่มาอยู่ร่วมกับโยมย่าด้วย

ซึ่งหลานพระได้ทำหน้าที่อันพึงกระทำให้กับบรรพบุรุษ บุพการีชน บุคคลที่ล่วงลับไปแล้วอย่างดีที่สุด ตามที่บุตร หลานคนหนึ่งพึงจะกระทำแล้ว  

มาถึงขณะนี้ โยมป้าคงจะทราบความหมายถึงสิ่งที่หลานพระเล่ามาทั้งหมดและสิ่งที่พยายามจะสื่อให้เห็นว่า "เหตุ" แห่งกรรมของครอบครัวเรานั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด

ที่หลานพระเล่ามาทั้งหมดไม่ได้หวังให้ป้าเชื่อและคล้อยตาม แต่ขอให้โยมป้าของคิดและพิจารณาดู

ถ้าเห็นจริงตามนั้น แล้วค่อยเชื่อ แต่ป้าจะไม่ได้เชื่อหลานพระนะ โยมป้าจะเชื่อตัวโยมป้าเอง

 

ถ้าโยมป้าคิดว่า ไม่จริง ไม่เชื่อ หรือ ว่าเป็นสิ่งที่หลานพระพูดไม่ถูก ก็ขอให้จบการอ่านจดหมายไว้เพียงแค่นี้

 

แต่ถ้าหากโยมป้าลองคิดด้วยตนเองแล้ว เห็นจริงตามเหตุดังกล่าว ก็ขอให้อ่านวิธีแก้ไขสักนิด เพื่อที่จะเป็นแง่คิดในการพาชีวิตและครอบครัวให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

การแก้ไขวิกฤตครั้งนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ไม่ได้อยู่ที่เงินหรือทรัพย์สิน แต่อยู่ที่ใจว่าพร้อมหรือไม่เท่านั้นเอง

 

วิธีการแก้ไขมีอยู่ด้วยกันดังนี้

1. ขอให้โยมป้า "ตั้งจิตอธิษฐาน" ด้วยการยกมือขึ้นประนม ต่อหน้าพระพุทธรูปก็ได้ หรือรูปพระก็ได้ แล้วอธิษฐานจิตว่า "ชีวิตนี้ขอรักษาศีล 5 ตลอดไป"

(ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดโกหก และไม่ดื่มสุรารวมทั้งสิ่งเสพติด)

ด้วยผลแห่งบุญกุศลที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานี้ ขอส่งผลให้ถึง คุณพ่อ... คุณแม่...(เอ่ยชื่อและนามสกุลเต็ม) รวมทั้งบรรพบุรุษบุพการีชน บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ ท่านเหล่านี้จะอยู่ในภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอได้โปรดอโหสิกรรมในสิ่งที่ลูก (...กล่าวชื่นตนเอง) ได้ประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินไปด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี

หากท่านจุติอยู่ในคติภพภูมิใดโปรดได้มีใจยินดี หยั่งทราบ รับอนุโมทนาผลแห่งบุญกุศลที่ข้าพเจ้า "................(ชื่อ-นามสกุลเต็ม)" ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้แล้วในวันนี้ หากท่านยังมีความทุกข์ใดอยู่ขอให้พ้นเสียจากความทุกข์ทั้งปวงนั้น หากมีความสุขดีอยู่แล้วขอให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปตลอดกาลนาน จากนั้นกราบลงสามครั้ง

2. หลังจากตื่นนอนตอนเช้า พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้น ก่อนที่จะลุกไปจากเตียง ขอให้โยมป้า พะยุงตัวลุกขึ้นแล้วนั่งสงบนิ่งในท่าที่ถนัด หลับตาลง แล้วตั้งจิตดูลมหายใจเข้าออก

ลมหายใจเข้าท่องว่า "พุทธ" ลมหายใจออก ท่องว่า "โธ" "พุทธ โธ" ไปอย่างนี้สักห้านาที เมื่อครบ 5 นาทีแล้วก็อุทิศบุญกุศลให้กับโยมปู่ และโยมย่า อย่างเช่นข้อที่ 1

ทำวันละสองครั้งครับ หลังตื่นนอน และก่อนเข้านอน คงไม่ยากเกินไปใช่ไหมครับ เพียงแค่วันละ 10 นาที

 

 

สิ่งที่หลานพระบอกโยมป้านี้คือการถือ "ศีล และภาวนา" เป็นหลักการที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา

 

การทำทานเป็นเงิน ทอง อาหาร ดอกไม้ จะมากเท่าภูเขาหิมาลัย ก็ไม่เทียบเท่ากับเรา "รักษาศีลให้บริสุทธิ์เพียงชั่วเวลา นกกระพือปีก (น้อยกว่าหนึ่งวินาที)" ดังนั้นหลานพระจึงขอให้ป้าลีอธิษฐานจิตว่าจะรักษาศีลให้ได้ตามข้อหนึ่ง

 

ประการต่อมา การรักษาศีลถึงแม้ว่าจะรักษาศีลนานถึง "หนึ่งร้อยปี" ก็ไม่เทียบเท่า การที่เรา "ภาวนา" กำหนดจิตให้สงบ ด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกลม เพียงแค่ช่วงเวลา "ช้างกระดิกหู (น้อยกว่าหนึ่งวินาที)"

3. ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า "ขอให้วิกฤตต่าง ๆ ในชีวิต... (ระบุรายละเอียด)ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี"
ถ้าผ่านพ้นไปได้แล้ว ข้าพเจ้า "..." จะขอบวชชีพราหมณ์ (นุ่งขาวห่มขาว ถือศีล ปฏิบัติธรรม) เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน (ที่อังกฤษหรือเมืองไทยก็ได้ครับ แล้วแต่สะดวก) อันนี้หลานพระเคยอธิษฐานจิตครั้งหนึ่งแล้วตอนเข้าป่า เพราะตอนนั้นบาดเจ็บระหว่างธุดงค์ หลานพระอธิษฐานว่า ถ้ารอดตายกลับออกไปจากป่าจะบวชหนึ่งพรรษา หลานพระก็รอดตายออกมาแล้วก็บวชครบหนึ่งพรรษาแล้วครับ สิ่งนี้มิใช่การบนบานศาลกล่าว แต่เป็นการต่อรองเพื่อขอโอกาส "ขอโอกาสในการทำความดี"...

การกระทำให้บริบูรณ์ซึ่ง "ทาน ศีล และภาวนา" จะให้บริบูรณ์พร้อมพรั่งได้นั้น ควรจะมีสถานที่ที่เหมาะสม เปรียบดั่งมี "นาบุญ" ที่บริบูรณ์ ไปด้วย ดิน น้ำ และอากาศ ดังนั้นหลานพระจึงขอให้โยมป้าตั้งจิตอธิษฐานว่า "จะมาปฏิบัติธรรมด้วยการบวชชีพรามห์อย่างน้อย 7 วัน" เพื่อให้ผลแห่งการกระทำนี้สมบูรณ์ บริบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นสืบไป...

 

สิ่งที่หลานพระขอบอก และบอกกับโยมป้าได้ คงมีเพียงแค่นี้

จากนี้ ก็แล้วแต่ว่า โยมป้าจะกำหนดชีวิตด้วยการทำกรรมต่อไปนั้น "อย่างไร?"

 

เจริญพร

หลานพระ

 

 

หมายเลขบันทึก: 172339เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2008 17:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน 2014 02:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา กับสิ่งที่ท่านนำมาเผยแพร่ต่อค่ะ เป็นประโยชน์อย่างมากในชีวิตของหลายๆ คนเลยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท