มิตรภาพชั้นใต้ดิน
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ผมปวดหัวแทบระเบิด ปวดร้าวจากหนังศีรษะลงมาถึงบ่าและกลางหลัง กินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อก็ยังไม่ดีขึ้น มันทำเอาผมคอแข็ง เวลาจะหันไปทางไหนก็ต้องเอี้ยวไปทั้งตัวเหมือนผีดิบ ตรวจคนไข้ก็ลำบาก ตรวจภายในแต่ละทีต้องก้มลงไปทั้งตัวเชียว ดูเหมือนสวัสดีคนไข้แบบโก้งโค้งยังไงไม่รู้
คิดถึงพี่แอน นักกายภาพบำบัดของโรงพยาบาลผม ว่าน่าจะช่วยผมได้จึงรีบโทรไปหา เวลาบ่ายโมงครึ่งเราจะพบกันที่ชั้นใต้ดิน หน่วยกายภาพบำบัดนั่นเอง
จำได้ว่าผมลงไปที่หน่วยนี้ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเมื่อปีพ.ศ.2537 ซึ่งขณะนั้นกำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5 ในกองศัลยศาสตร์ออโธปิดิกส์ (ทำไมไม่เป็นศัลยศาสตร์กระดูกและข้อก็ไม่รู้) แล้วเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ไม่ได้ลงไปเหยียบที่นั่นมาตั้งแต่บัดนั้น
จนวันนี้ วันที่ปวดกล้ามเนื้อ ต้องลงไปขอความช่วยเหลือจากพี่นักกายภาพบำบัดคนสนิท ผมลงไปก่อนเวลานัดเล็กน้อย เพราะจำไม่ได้ว่านัดไว้บ่ายโมงครึ่ง พี่แอนยังไม่กลับมาจากกินข้าวเที่ยง จึงได้แอบเดินดูในห้องต่างๆของหน่วยกายภาพบำบัดนี้
สภาพห้องโดยทั่วไปสว่างไสวเพราะเป็นห้องระบบเปิด ลมพัดเข้ามาได้อย่างสบาย เตียงนอนวางเรียงราย มีคนไข้ที่กำลังถูกบำบัดนอนอยู่ประมาณ 3 คน มีเด็กที่เป็น cerebral palsy กำลังถูกรัดตัวอยู่บนเตียงพิเศษแล้วเตียงถูกปรับยกขึ้นมาเป็นแนวตั้งเพื่อให้น้องได้หัดตั้งตัวในแนวดิ่งบ้าง (กระมัง) ยายคนหนึ่งกำลังฝึกตัวเองในเตียงลูกกรงโดยมีนักกายภาพช่วยแนะนำอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่แต่ละคนหน้าตายิ้มแย้ม ดูเป็นมิตร นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า เขาเหล่านั้นทราบและรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่า หลังจบการศึกษามาจะต้องเจอแต่ผู้รับบริการแบบนี้ทั้งนั้น น่าสรรเสริญนะครับ
เวลายังเหลืออยู่ผมจึงเดินไปดูห้องอื่นอีก คราวนี้เจอห้องใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ในห้องนั้นดูทึบๆ แสงสลัวๆ กลางห้องมีวัสดุสีเงินคล้ายอ่างวางเรียงรายอยู่ 4 ชิ้น เรียงจากเล็กไปใหญ่ ผมไม่กล้าเดินเข้าไปในห้องนั้น เพราะความมืดสลัวประกอบกับอ่างสแตนเลสที่วางอยู่เบื้องหน้านั้นมันชวนให้เกิดจินตนาการไปถึงภาพยนตร์สยองขวัญขึ้นมาในบัดดล ขนลุกซู่
บังเอิญมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทักทายผม จึงได้โอกาสถามว่านี่มันห้องอะไร เขาบอกว่า “ธาราบำบัดค่ะ” ว่าแล้วก็เชิญผมเข้าไปในห้องนั้นทันที จึงได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองว่า อ่างฟอร์มาลีนที่ตนเองคิดไปเสียไกลนั้น แท้ที่จริงแล้วมันคือสระว่ายน้ำสำหรับคนไข้ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงประเภทต่างๆนั่นเอง แหม..ก็เล่นใช้อ่างสแตนเลสเกลี้ยงนี่นา แต่คุณพี่เขาบอกว่า ใช้อ่างสแตนเลสมันทนทานดี แต่ผมกลับคิดว่ามันเหมือนอ่างน้ำยาดองมนุษย์ หรือโรงซีอิ๊วไปเลยนู่น
เรียกเสียงฮาในชั้นใต้ดินได้พอประมาณสำหรับบ่ายวันนั้น บรรดาเหล่าพี่ๆนักกายภาพเขาเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาทำงานที่นี่ เขาเห็นห้องนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจึงเกิดความรู้สึกชิน แต่ไม่ใช่ผม ผมเป็นคนนอกผมไม่คุ้นชินผมจึงเกิดความรู้สึกอย่างที่ได้เล่ามา ผมจึงเสนอไปว่า ลองเอา wall paper มาติดที่ด้านนอกของอ่างดูสิ เลือกเอาสีฟ้าๆ จะทำให้ห้องนี้สว่างขึ้นมาได้มากโขเชียวครับ คนที่มารับบริการก็พลอยสดชื่นไปด้วย เขาป่วย หดหู่มากพอแล้ว เราช่วยเขาอีกทางก็น่าจะดี
แล้วก็ได้เวลานัด ผมเดินเข้าไปในห้องบำบัดด้วยไฟฟ้า ที่นี่มีเตียงเรียงรายอยู่จำนวนหนึ่ง มีผ้าม่านปิดแยกจากกันเป็นสัดเป็นส่วนดีมาก อากาศเย็นสบาย ฟังเพลงฝรั่งยุค 80 สบายใจสบายชีวิต ชอบอยู่แล้วนี่ เพลงแบบนี้ “Donna Donna” ถูกใจจริงๆ ผมได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มเช่นเคย เช่นเดียวกับคนไข้คนอื่นๆ เขาก็ได้รับบริการเช่นเดียวกับผมเลยครับ น่าชื่นใจ
พี่แอนเริ่มเอาแผ่นประคบร้อนมาวางไว้ที่แผ่นหลังอ้อมมาถึงไหล่ นอนพักไปประมาณ 20 นาที ตัวเบาขึ้นเยอะ เคลิ้มไปนึกว่านอนในสปา นี่ถ้าแต่งกลิ่นเข้าไปอีกนิดแล้วละก็ แยกไม่ออกเลยล่ะ เสร็จจากการประคบร้อนพี่แอนก็เข้ามาบีบนวดหัวไหล่เจ้ากรรมของผมเพื่อหาจุดที่เส้นมันขดอยู่ ได้มา 2 ตำแหน่ง จึงเรียกน้องอ้น นักกายภาพสายออร์โธฯมาทำอัลตราซาวน์ให้ผม ใช้เวลาไปเกือบ 20 นาทีก็เสร็จ พี่แอนก็เข้ามานวดให้ผมอีกรอบ คราวนี้แหละนรกเป็นอย่างไรไม่ต้องสาธยาย เพราะมันเจ็บได้ถึงใจเมื่อท่านใช้นิ้วคลึงไปบนก้อนกล้ามเนื้อที่มันขดเป็นก้อนๆอยู่ แต่นั่นแหละรู้สึกสบายชะมัด
เดินออกจากห้องกายภาพบำบัดด้วยความผ่อนคลายและสบายใจ รู้สึกดีที่โรงพยาบาลของเรามีบุคลากรเช่นนี้อยู่ นี่ถ้าไม่ลงมาก็ไม่เห็นและไม่รู้ คนที่ทำงานกับคนพิการต้องมีความอดทน มีจิตใจดี ทำงานไปก็มีความสุข คนรับบริการก็มีความสุข สุขทั้งกาย สุขทั้งใจครับ
ปล. บันทึกนี้ ผมสบายที่สุด เพราะพี่แป้ง ลูกสาวคนโตนั่งจิ้มตัวอักษรให้พ่อครับ ชื่นนนนนใจ
ตอนเข้าไปในห้องกายภาพบำบัด หน้านิ่ว กลับออกมาหน้าบานสบายใจนะคะ ยินดีด้วยค่ะที่หายแล้ว จะเป็นอีกไหมคะเนี่ย ไม่ต้องทานยาหรือคะ แสดงว่า รักษาเก่งค่ะ
มิดไนท์สวัสดิ์ครับคุณศศินันท์
ตอนนี้ก็ยังไม่หายครับ แค่ค่อยยังชั่ว
ขอบคุณนะครับ
สวัสดีครับอาจารย์
อาจารย์คงหายดีแล้วนะครับ
ผมเคยเป็นเหมือนกัน บางครั้ง
ที่ รพ ก็ กำลังทำหน่วยกายภาพบำบัดครับ
กำลังจะทำผ้าป่าเดือน พค นี้นะครับ...
อาจารย์จะสนใจรับซองบ้างหรือเปล่าครับ ^_^...
สวัสดีครับมิตรจากปาย
หายไม่สนิทครับ
ถ้าส่งไป ก็ใส่ส่งกลับมาให้เลยครับ ยินดี ยินดี
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณหมอ
สบายดีไหมครับ ปวดหัวนี่ ไมเกรน หรือว่าเฉพาะกิจบางครั้งครับ? หรือว่าเกิดจากอะไรครับผม
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับคุณเม้ง
ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ระลึกถึงครับ ตอนนี้มีหมอรุ่นน้องเรียนอยู่ที่ด้อยช์ 2 คนครับ
ผมปวดหัวโดยเกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อครับ กล้ามเนื้อมัดนี้จะมีลุกษณะคล้ายข้าวหลามตัด ยอดอยู่บนหัว แผ่ลงมาที่บ่าทั้ง 2 ข้าง และต่อเนื่องไปบรรจบกันที่กลางหลังครับ
สาเหตุส่วนมากเกิดจากความเครียดครับ
โรคนี้รักษาง่าย บีบนวดก็ OK ครับ
นี่ก็จะพาคุณแม่ไปหาหมอพรุ่งนี้ค่ะ คุณแม่แขนตึงข้างขวา ยกได้ไม่สุดและเอามือไขว้ไปข้างหลังไม่ได้เหมือนปกติ เป็นมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนึกว่าจะหายเอง นี่พึ่งทราบว่าคุณแม่เป็นเลยบอกว่าไม่ได้แล้ว เดี๋ยวพาไปหาหมอเลยดีกว่า ไม่อยากปล่อยไว้นาน น่าจะต้องหาหมอออโธฯ เหมือนที่หมอแป๊ะไปหาค่ะ ดีที่มาอ่านบันทึกนี้ ไม่งั้นยังนึกไม่ออกว่าจะบอกเขาว่าต้องการพบหมออะไร
สวัสดีครับคุณแจ๊ซน้อย
สงสัยเป็น frozen shoulder เสียแล้วงานนี้
รับรองว่าได้เจอนักกายภาพแน่ๆ เขาจะฝึกให้คุณแม่หวีผม (สางผมไปข้างหลัง) โม่แป้ง เล่นนิ้วไต่กำแพง และเช็ดหลังให้แห้งครับ
มันมักจะเริ่มเกิดปัญหาเรื่องปวดแขนแล้วไม่กล้าขยับ ในคนสูงอายุเมื่อมีการขยับน้อยลง มักจะตามมาด้วยข้อติดครับ
^_^ เพิ่งหยุดไปใช้บริการที่ห้องไฟฟ้าบำบัดประมาณ 2-3 สัปดาห์เหมือนกัน จนท.ที่นั่นน่ารักทุกคนค่ะ
ดีใจที่ อาจารย์ชอบเพลงจาก CD แผ่นนั้นนะ อิอิ (ยิ้มแบบมีเลศนัย)
พี่จูน
รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม ว่าที่นี่เป็นมิตรทุกคน
แม่นมากค่ะคุณหมอ ตกลงวันนี้คุณแม่ต้องเจอนักกายภาพจริงๆ นัดทำต่อกัน 7 วัน แม่ว่างแต่ตอนเช้า 7-8 โมง ก็เลยต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีพาไปทุกวัน ตั้งแต่นี้ไปหนึ่งอาทิตย์ต้องตื่นหกโมงเช้า - - " สงสัยต้องเลิกนอนดึกเข้านอนไม่เกินเที่ยงคืนแน่ๆ กลุ้มเลย
ชอบใจครับ ที่มีลูกสาวมาช่วยพิมพ์
น่าอิจฉาครับ ครอบครัวสุขสันต์
ดูแลตัวเองให้ดีๆหน่ะครับ ไอ้โรคปวดคอแล้วคอแข็งแบบ อ.แป๊ะเป็นนี้โคตรทรมานเลย มีแต่วิธีนวดแบบโบราณหละครับที่หาย เพราะกินยาคลายเส้นอย่างเดียวไม่เคยหายเลย วันหลังถ้าเป็นจะได้ไปหาที่ มอ.บ้าง ไม่รู้ว่าต้องไปหาหมอกระดูกก่อนหรือเปล่าครับ หรือว่าสามารถลงไปที่แผนกกายภาพได้เลย
ผมว่ามิตรภาพแบบที่คุณหมอเจอที่ชั้นใต้ดิน มอ.นี้มีส่วนสำคัญมากเลยที่จะทำให้คนไข้มีกำลังใจทำกายภาพ และทำให้พวกเค้าไม่ท้อแท้กับสภาพของพวกเค้า
คุณแจ๊ซน้อย
พาไปเลยครับ เป็นลูกที่ดีจริงๆ แต่เหนื่อยหน่อย ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฮ่า ฮ่า
คุณหมอโรจน์
อย่าอิจฉาผมเลยครับ ไม่ทราบมีลูกกับเขาสักคนบ้างหรือยัง
คุณหนึ่ง
ต้องพบหมอกระดูกก่อนครับ หรือพบผมก็ได้ครับ เดี๋ยวนัดเจอหมอให้เอง
สวัสดีครับ
อย่าว่าแต่อาจารย์ธวัชชัยเลยครับ ผมก็เสียว เข้าสปาทีไร มือนึงต้องกุมไว้ทุกครั้ง อายเขาน่ะอาจารย์
สวัสดีครับอาจารย์หมอแวะมาอ่านครับ --*เอิ่ม..อาจารย์ธวัชชัยไปนวดแถวไหนมาครับ ...แถว นครชัยศรี?..เพื่อจะไปนวดบ้าง แฮ่ะ.
สวัสดีครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับคุณกวินทรากร
อาจารย์ขจิตรูปงามครับ
ที่อายเพราะว่ายังหนุ่มครับ คิดต่อเองก็แล้วกันนะครับท่าน