เรื่องสั้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มเพิ่มเติม ที่เรียนวิชารัสนิยายสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย ครูพรรณา.....ให้นักเรียนสอบเขียนเรื่องสั้น...กำหนดเวลาให้..๓ ชั่วโมง.....และเนื้อหา...ด้วยการเปิดเพลง..อิ่มอุ่น...ให้ฟัง..แล้วให้นักเรียนเชื่อมโยงเรื่อง....สร้างเรื่อง..และตั้งชื่อเรื่องด้วยตนเอง......ความยาวตั้งแต่ ๒ - ๔ หน้ากระดาเอ ๔ .........ลองอ่านค่ะ
ความโหยหาของใครคนหนึ่ง
น.ส. ปนานนท์ วงวิจารณ์
“อุ่นใดๆโลกนี้ มิมีเทียบเทียม” เพลงอิ่มอุ่น ดังขึ้น วันนี้เป็นวันแม่ทุกโรงเรียนก็เปิดเพลงนี้ รวมทั้งโรงเรียนของกานดาด้วย
“กานดา เธอเป็นอะไรน่ะ เห็นเธอนั่งซึมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”วิภาถาม
“ฉันคิดถึงแม่ของฉัน แม่ฉันตายตั้งแต่ฉันยังเล็ก จริงซินะเพลงนี้น่าจะเหมาะกับยายของฉันมากกว่า เพราะแม่ของฉันก็คือยาย ยายเลี้ยงฉันมา อบรมสั่งสอน และส่งฉันเรียนด้วย” เธอกล่าว พร้อมกับส่งแววตาอันเศร้า
คุณครูสั่งให้ทุกคนเขียนเรียงความเกี่ยวกับเพลงอิ่มอุ่นนะ ทุกคนในห้องดีใจต่างตั้งใจเขียนอย่างเต็มที่ในสมกับความรักที่แม่ให้แก่พวกเขา แต่กานดากลับนั่งเงียบและก้มหน้าพร้อมกับมีหยดน้ำเล็กๆไหลอาบแก้มเธอ ใบหน้าที่เปียกเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เธอพยายามเรียงความให้ได้เมื่อถึงเวลาส่งเพื่อนๆส่งกันครบ ผิดกับกานดาที่กระดาษของเธอมีแต่คราบน้ำตา
“กานดา เธอนำเรียงความกลับไปเขียนที่บ้านก็ได้ เสร็จแล้วค่อยนำมาส่งครูนะ”ครูสาวร่างเล็กเอ่ยขึ้น
“ครูคะ หนูเขียนเรียงความไม่ได้หรอกค่ะ หนูไม่มีแม่ หนูไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่เลย หนูคงเขียนไม่ได้ หนูขอโทษค่ะคุณครู”กานดาพยายามบอกกับครู
“กานดาครูรู้ว่าเธอไม่มีแม่ แต่ใครกันเล่าที่เลี้ยงเธอมา ให้ความรักความอบอุ่น คอยเป็นห่วงเป็นใย ใครที่คอยเธออยู่ที่บ้าน คอยกังวลใจว่าเมื่อใดเธอจะถึงบ้าน เธอลองนึกให้ดีซิจ๊ะ” คุณครูพยายามให้กานดานึกถึงใครคนหนึ่ง กานดาคล้อยตาม
“ยาย” เสียงเธออุทานขึ้นมา
“ยายคือแม่ของหนูค่ะครู” เธอนึกออกมาพร้อมกับเก็บกระดาษเรียงความเก็บใส่กระเป๋าหนังสือ เตรียมตัวพร้อมที่จะกลับบ้าน
เมื่อถึงบ้าน
“ยายจ๋า สวัสดีค่ะ”เสียงใสๆดังขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอ หิวไหม วันนี้ยายทำขนมบัวลอยไว้ด้วย มากินก่อนลูก ถ้าเย็นจะไม่อร่อย”เสียงของยายดังมาจากในครัว พร้อมกับกลิ่นหอมของขนมบัวลอย
“วันนี้หนูมีการบ้าน เดี๋ยวหนูไปกินนะจ๊ะยาย” เธอร้องบอกยาย
เธอลงมือเขียนเรียงความโดยเธอเริ่มต้นเรื่องจากความรักของยายที่มีให้เธอตั้งแต่เธอยังเล็ก เมื่อหนูลืมตา ตาคู่ใสก็จับจ้องที่ใบหน้าของคนๆนึง เธอคนนี้อดทนกับทุกสิ่งทุกอย่าง คอยอาบน้ำเช็ดตัวให้ยามเมื่อเราเนื้อตัวมอมแมมสกปรกคล้ายลูกหมา คอยป้อนอาหารทิพย์ให้เรากินนั่นคือฝีมือยายนั่นเอง ไม่มีอาหารใดในโลกที่อร่อยสู้ของยายได้ ยามเราป่วยไข้ ยายก็เฝ้าไข้เรา คอยเยียวยารักษาเราทั้งการเจ็บป่วยทั้งกายและใจ เสียงของยายคือยาวิเศษ ยายคอยปลอบโยนเรา คอยส่งไปโรงเรียนตั่งแต่เล็กๆ จนบัดนี้ยายก็ไปส่งโรงเรียนอีก ยายไม่เคยปริปากบ่นสักคำเลยว่ายายเหนื่อยยายไม่ไหวแล้ว เสียงนี้ไม่เคยเล็ดลอดออกจากปากของยายเลย แต่ยายล่ะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง สิ่งที่ยายได้กลับมาคือความแก่ชราลงทุกวัน เรี่ยวแรงก็โรยราลง อีกทั้งโรคภัยก็มาเยี่ยมเยือนยายบ่อยครั้ง บางครั้งถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อก็มี แต่ยายก็ยังฝืนลุกขึ้นมาทำหน้าที่ตามปกติ โดยไม่แสดงอาการป่วยไข้ให้เรารู้เลย ฉันเคยบอกให้ยายพักบ้าง ยายไม่สบายยายก็ควรนอนพักผ่อนนะ หรือไม่ยายก็ควรไปหาหมอ แต่ยายกลับบอกว่าไม่เป็นไร ยายแข็งแรงดี ยังอยู่กับหลานได้อีกนาน ฉันจึงไม่ค่อยอยากเซ้าซี้แกอีก ยายคอยมอบความรัก ความอบอุ่นแทนน้ำนมของแม่ ซึ่งฉันคิดว่ามันอุ่นกว่าน้ำนมของแม่ด้วยซ้ำ ถึงฉันจะเรียกร้องโหยหาความรักจากแม่เท่าใด ยายกลับเพิ่มให้ฉันมากกว่าเป็นเท่าตัวฉันได้รับความอบอุ่นความรัก ความห่วงใยจากยายทุกวัน ฉันรู้สึกได้มันเป็นกลิ่นอุ่นๆ ออกมาจากยายทุกวัน มันเป็นกลิ่นที่หอมซึ่งประกอบขึ้นจากความรัก ความห่วงใย ความคิดถึง และความอบอุ่นอีกทั้งความรักของความเป็นแม่ที่ยายมีอย่างเต็มเปี่ยม ฉันอยากตอบแทนสิ่งที่ยายให้มา ฉันพยายามทดแทนมัน แต่เหมือนยิ่งพยายาม บุญคุณและความรักของยายมันเพิ่มขึ้นจนยากที่จะทดแทนหมด ยายจ๋าวันนี้ฉันรู้แล้วว่าจะทดแทนมันอย่างไร ฉันจะขอทดแทนมันไปทุกวัน จนกว่าฉันจะสิ้นลมไป ยายฉันจะเป็นเด็กดีของยาย ฉันจะเชื่อฟังยายทุกอย่าง ฉันจะมอบความรักความเคารพให้ยายให้ครึ่งหนึ่งกับความรักที่ยายมีให้ฉันเลยนะจ๊ะ ยายจ๋าฉันรู้แล้วว่าใครคือแม่ของหนู ใครกันหนาที่คอยดูแลหนู หนูอยากบอกว่า “ยายจ๋าหนูรักยายมากค่ะ” เธอเขียนเสร็จพอดี
ขณะที่เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างกระทบพื้น
เพล้ง!!!!
ร่างของคนคนหนึ่งทรุดลงกองกับพื้นอยู่ในครัว สักพักจึงมีเด็กผู้หญิงร้องไห้ดังขึ้น มันคือเสียงที่โหยหาความรักของใครสักคน
สวัสดีค่ะอาจารย์ย่า...
ตอนแรกก็กะว่าจะเข้ามาแซวเล่นด้วยความคิดถึง
แต่พออ่านแล้วแซวไม่ออกค่ะ..น้ำตาพาลจะไหลแทน น้องเขาเขียนได้ซึ้งจังเลยค่ะ..ฮือ..ฮือ..
สวัสดีค่ะ
คุณ กวินทรากร ไชโยครูพรรณา ได้คนช่วยดูงานเด็กแล้ว...ค่าจ้างขอลายเซ็น...ครูคนสอนไม่ขอ....ไปขอนักเขียน...ฮือๆๆๆ...ต้องเรียกค่านายหน้าหนัก ๆ
คุณครูตุ๊กแกเองค่ะ ....ดีใจแทนน้องเขาด้วย....โรงเรียนเปิดเทอมเมื่อไรจะบอกเขาให้เปิดบันทึกนี่....เพื่อเป็นกำลังใจ.....ขอบใจจ้า
นางสาว จิราภรณ์ น้องจิ กาญจนสุพรรณ เปิดวารสารขวัญเรือนปักษ์หลังเดือนมีนาคม ๒๕๕๑ ดูนะ...แจ่มจ้า...มีรูปไอ้เหม่งกำลังตอบคำถามด้วย.....
- จิเรียนอักษรฯ....ก็อ่านของพี่กวินทรากรเป็นตัวอย่างนะ...รับรองระเบิดดังแน่...ถ้าไม่ด้าน ๕๕๕๕๕...อีกอย่างหัดเขียนมาก ๆ....เป็นกำลังใจให้จ้า
รวมเล่มส่ง สนพ. เป็นค่าขนมเด็กได้นะครับ ขอเสนอ
สวัสดีค่ะ
- เอางั้นเลยหรือคะ....เชียร์น่าดู...ขอบคุณค่ะ
ค้าบ...จริงๆ นะครับ ถ้ารวมเล่มรออุดหนุน
สวัสดีค่ะ
-รวมไว้เทอมละ ๑ เล่ม ....ขนาดยักษ์ ๆ...สนใจไหมเอ่ย...ให้อ่านฟรีด้วย...ช่วยวิจารณ์นิดๆ พอเป็นกำลังใจให้แก่น้อง ๆ
- ของเทอมที่แล้ว ก็มีเกี่ยวกับ จตุคามรามเทพ....ปากกาทรยศ...และเรื่องราวเกี่ยวกับอุทกภัย.....หาอ่านได้จากบล็อคนี้แหละค่ะ......ขึ้นต้นด้วยรัสนิยายสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย...ได้เรื่องบ้าง...ไม่ได้เรื่องบ้าง...แต่ก็พยายามลงให้เด็ก ๆ เป็นกำลังใจให้เขาคิดเขียนต่อไป...ของอย่างนี้ต้องฝึกวิทยายุทธ์
เก่งจัง ศิษย์ครูพรรรณา อยากอ่านด้วยคนค่ะ...ท่านผอ.อนุสรณ์ เล่าว่าครูพรรณาส่งเรื่องสั้นของน้องๆนักเรียนบางลี่ให้น้องๆ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ขอชื่นชมค่ะ.
สวัสดีค่ะ
หัวหน้าลำดวน.....ขอบคุณค่ะชมลูกศิษย์...ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ...ขอให้มีความสุขมาก ๆนะคะ
อาจารย์ค่ะ อายจังค่ะ อาจารย์เอามาโพสด้วย
ครุพรรณา
ครูลงไว้ตั้งนานแล้ว ดีใจจังเจ้าของกลับมาอ่าน
สุขกายสุขใจนะคะ