ก็เคยรำพึงกับตัวเองยามจิตใจสงบไม่วอกแวก ว่าตัวเราถือกำเนิดมาในภพนี้ผ่านมาถึง ๕๑ ฤดูฝนแล้ว แต่ไฉนหนอเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อเกือบห้าสิบปี ยังคงผลุบเข้าผลุบออกอยู่ที่หน้าต่างสมองอยู่นั่นแล้วไม่ไปไหนซะที...เบื่อจัง...
วันนี้ก็ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ท่านพระครูฯ เจ้าอาวาสวัดสัมมาชัญญาวาสท่านมาบิณฑบาตรเอง หลังจากที่ท่านไปทำกิจของสงฆ์ที่ต่างจังหวัดเสียนาน พอลุกจากนั่งรับพรท่านก็ยื่นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ให้ ๑ เล่ม...ก็สาธุท่าน
ที่หน้าปกเขียนว่า "ชีวิตนี้น้อยนัก " โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ก็เปิดอ่านดูนิดหน่อยก่อนไปทำงาน ก็เจอกลอน ๑ บท...ดังนี้
...ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก
เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นทางแยกจะไปสูงไปต่ำ
จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น
พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด...
อ่านแล้วก็ขบคิดเทียบกับชีวิตของเรา จริงดังพระนิพนธ์ของท่าน การจะเลือกทางเดินสำหรับชีวิตเลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น...ข้างหน้าทางเดินจะเป็นอย่างไรเรามิอาจรู้ได้ด้วยตัวเราเอง
เมื่อถึงที่ทำงานจัดการงานประจำวันจนเสร็จ ก็นำหนังสือพระนิพนธ์ "ชีวิตนี้น้อยนัก" มาอ่านรายละเอียดภายในอีกครั้ง
ในพระนิพนธ์ของท่านสมเด็จพระสังฆราช ได้ทรงกล่าวไว้ว่า...
ทุกชีวิตไม่ว่าคนหรือสัตว์ มิได้มีเพียงเฉพาะชีวิตนี้ คือ มิได้มีเพียงชีวิตในชาตินี้ชาติเดียว แต่ทุกชีวิตมีทั้งชีวิตในอดีตชาติ ชีวิตในชาติปัจจุบัน และชีวิตในชาติอนาคต " ชีวิตนี้น้อยนัก " หมายถึง ชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก สั้นนัก
ท่านมุ่งให้เปรีบยเทียบชีวิตนี้กับในอดีตชาติที่นับไม่ถ้วน และชีวิตในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกัน สำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา ไม่สามารถพาตนให้พ้นทุกข์สิ้นเชิงได้
ชีวิตในชาตินี้ชาติเดียวย่อมน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตชาติ ซึ่งนับจำนวนชาติหาถ้วนไม่ ดังนั้น "กรรม" คือ การกระทำที่ทำในชีวิตนี้ในชาตินี้ชาติเดียวจึงน้อยนัก เมื่อเปรียบกับการกระทำที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ
เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญามี"สัมมาทิฐิ"ก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญามี"มิจฉาทิฐิ"ก็คิดไปทางหนึ่ง
พวกผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบก็จะคิดได้ว่าชีวิตนี้สั้นนัก อีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย ตายแล้วเอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ก็แต่บุญบาป หรือความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้ จึงเร่งทำความดี
ส่วนพวกผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิ คือ ความเห็นผิด ก็จะคิดว่าชีวิตนี้สั้นอีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย มีวิธีใดที่จะทำให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองก็ต้องรีบหา ไม่มัวคำนึงว่าจะผิดหรือถูก ถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้ จึงทำบาปทำความไม่ดีได้เสมอ
ชีวิตนี้สำหรับบุคคลสองประเภทดังกล่าว มีคุณมีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกันเป็นไปตามทิฐิความเห็นดังกล่าว
สวัสดีค่ะ พี่ใหญ่
สวัสดีครับป้ามณีแดงงงง
ผมจะเดินทางไปภูเก็ตล่วงหน้าพรุ่งนี้แล้วครับ...ห้ามโอด...อิอิ
เดือนหน้าก็ค่อยว่ากันใหม่...แต่ยังไงต้นเดือนก็ขับสิบล้อไปเช็งเม้งแถบนั้นอยู่แล้วครับ
เลือกให้ดี...เลือกให้ถูก...เพราะยังไงก็ถูกเลือกมาแล้ว...ต้องให้สมค่าเน๊าะ
โชคดีครับผม
สวัสดีครับ นายช่างใหญ่
ทุกคนมีหนทางที่ตนเองเลือกครับ
สติ เป็นตัวชักนำให้เลือกทาง "ที่ชอบ"
หากไร้สติ จะเลือกทางที่ตัวเองชอบ ซึ่งอาจไม่เป็น "ทางที่ชอบ"
ขอบคุณครับ
โอ..ชี้นำแสงทางสว่าง
สวัสดีครับคุณปา ลี่ ยน
ผู้มีปัญญาย่อมต้องมีศีลแลสมาธิ...เป็นที่ตั้งและจำเริญด้วยสติครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับน้องอู๋...
ก็เลือกแลนะครับ แต่ขอให้เลือกที่ดีมีปัญญา
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับป้ามณีแดง...
เห็นไม๊เขาทำอะไรป้าไม่ได้..อิอิ
สวัสดีค่ะนายช่างใหญ่
มาเยี่ยมค่ะ.....มาเยี่ยมครั้งนี้ได้ของดีกลับไปด้วยค่ะ...."สัมมาทิฐิ"
สวัสดีครับคุณหญ้าบัว
ขอให้เจริญ ๆ เถิดครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ นายช่างใหญ่
สวัสดีครับคุณเกษตรยะลา
ครับพระให้ของดี...เราก็ต้องรักดีให้ตลอดครับ
ภูเก็ตนั่งเรือหางยาวจากสตูลก็ได้ครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ นายช่างใหญ่
ปญฺญา โลกสุมิ ปชฺโชโต
ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก
สวัสดีครับคุณครูข้างถนน
ขณะนี้ผมอยู่ที่หาดป่าตองภูเก็ตครับ แสงสว่างแห่งปัญญาสามารถรู้แจ้งในทุกสิ่งครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับน้องอ้อยควั้น
ตอนนี้พี่อยู่ที่ห้องสมุดเฉลิมราชกุมารีที่หาดป่าตองครับ เมื่อคืนกลับจากทำงานดึกแล้วเสี่ยงโทรหาท่านอัยการชาวเกาะครับ แล้วที่สุดเราได้พบกัน และได้กอดท่านเผื่อทุกคนแล้วครับ
เลือกดีก็ได้ดีนะน้อง เลือกชั่วก็ได้ชั่ว เราต้องใช้ปัญญาแห่งเราพิจารณาครับ...
ขอบคุณครับ
หวัดดีค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์แอน
ดูแลสุขภาพให้ดีด้วยครับ...เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็รักษาให้หายขาดจะดีครับ
"ทำดีได้ดี"ยังใช้ได้อยู่เสมอครับ
ขอบคุณครับ