PigMom
คุณครู นางมณีรัตน์ ศุภานุสนธิ์

เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว


เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว

เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว

 

ผ้าขี้ริ้วมีปรัชญาที่น่าศึกษา คือ  เป็นผืนผ้าที่ขี้เหร่  แต่มีเสน่ห์ เพราะ....

 

๑. ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด

                เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบาก เพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข เช่น พ่อแม่ยอมเหนื่อย เพื่อให้ลูกหลานสุขสบาย ยอมโน้มตัวจากสูงลงสู่ต่ำได้ ยอมถูกขัดเกลาเพื่อให้สวยงาม เหมือนพุทธปฏิมาที่งดงามได้ เพราะทนได้ต่อการขัดถูแต่งปั้นของช่างศิลป์ ฉะนั้น.

 

๒. ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้ แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัว ได้ตลอดเวลา

                เสน่ห์ของคนที่รู้ตัวเองว่าสกปรก เมื่อถึงเวลาก็ชำระล้างให้สะอาด เหมือนชำระล้างร่างกายประจำวัน มิใช่อมความสกปรกไว้ แล้วแกล้งหลอกตัวเองว่าสะอาดหมดจด คือรู้จักยอมรับว่าตนก็ทำผิดได้ มิใช่ถูกเสมอไป ขอบคุณเมื่อมีคนตักเตือน.

 

๓. ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุดในขณะที่คนอื่นมองว่าสกปรกที่สุด

                เหมือนคนที่หมั่นฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น หากทำเช่นนี้ เขาก็จะเป็นคนมีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด หรือมีการศึกษามากน้อยเพียงใดก็ตาม หัดทำตัวให้เป็นผู้ใฝ่รู้ แต่ไม่อวดรู้ เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทองคำไว้ภายใน ไม่ใช่เป็นทองคำห่อผ้าขี้ริ้ว.

 

๔. ผ้าขี้ริ้วแม้นใครจะมองว่าเป็นผ้าที่ไร้ราคา แต่ก็มีคุณค่าสูงส่งภายในตัวเองเสมอ

                เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่าด้วยการทำงาน มิใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ ให้มีคุณค่า ให้งามด้วยงาน ไม่งอมืองอเท้า หรือเอาแต่น้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนา ชะตาชีวิต แม้ใครจะดูถูกปรามาสอย่างไรก็ตาม เกิดเป็นคนต้องมีกำลังใจมุมานะทำงานหนัก เพราะงาน คือเสน่ห์ของชีวิต มิใช่โคตรตระกูล ทรัพย์สมบัติ หรือคำยกยอปอปั้นจากคนเพียงบางคน.

 

๕. ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร ตรงไหน เมื่อใด?s

                เหมือนคนที่ยอมอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ปริปากบ่น แต่อดทนมุมานะบากบั่นทำให้สำเร็จ ให้มีความสุขกับงาน ให้รู้จักอาสาคน อาสางาน หักเสนอตัวเข้าทำงาน คิดงาน มิใช่ยืนรอคำขอร้องอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นงานใดๆ ก็ตาม เมื่อเห็นว่าควรทำก็ตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน หรือไม่เกี่ยงงาน หรือไม่รอให้ใครออกคำสั่งให้ทำจึงทำ เสน่ห์ของคนอยู่ที่ความสามารถสั่งตนให้ทำงานที่เห็นว่าสมควรทำได้ ไม่เพิกเฉยนิ่งดูดาย.

 

๖. ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด

                เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ เห็นว่าไร้ค่าเป็นงานชั้นต่ำ แต่ก็ตั้งใจทำงานนั้นให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่เอิบอิ่มเมื่อชีวิตได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ความสามารถของตน และยินดีที่จะเสนอตัวเข้าไป บริการ แปลว่า ทำตัวให้เหมือนผ้าขี้ริ้วที่ยอมเป็นผู้บริการ ยอมขจัดความสกปรกทุกหนทุกแห่งที่เกิดขึ้น ยอมอยู่เบื้องหลังของความสะอาด ยอมให้ผู้อื่นมีเกียรติยิ่งใหญ่ ยอมอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จของงานนั่นเอง เมื่อยอมได้จึงจะได้สิ่งที่ปรารถนา หากเป็นผู้ใหญ่ ก็เป็นผู้โน้มตัวลงมาติดดิน รับรู้สัมผัสดิน ไม่ตัดสินปัญหาตามเขาว่า เขารายงาน แต่ตัดสินบนข้อมูลของตนเอง.

 

๗. ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

                เหมือนคนต้องพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงาน เป็นนายอิน นางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีความภูมิใจที่ได้ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังความสำเร็จของคนอื่น ซึ่งเกิดจากการทำงานของตน เหมือนแม่ครัวดีใจขณะมองคนอื่นทานอาหาร มีมากเช่นกันที่ผู้น้อยบางคนทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น ผู้น้อยที่ทิ้งผู้ใหญ่ย่อมไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงกินอาหารใส่ฮอร์โมน โตเร็วแต่ไม่แข็งแรง.

 

๘. ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถู และซักล้าง ไม่เปราะบาง

                เหมือนคนต้องมีความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้เพื่อสร้างความสำเร็จ และความสุขต่อผู้อื่นให้ได้ มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย มีกำลังใจ และมีแหล่งกำเนิดกำลังใจ เช่น ยึดมั่นในหลักศาสนา ในรอยเท้าบรรพบุรุษ รวมทั้งสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งหลายได้เข้มแข็งขึ้นมาคราอ่อนล้า กำลังใจนั่นเอง คือสิ่งเดียวที่ทำให้คนเข้มแข็งไม่เปราะบาง.

 

๙. ผ้าขี้ริ้วแม้นจะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ก็ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่

                เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า ตนกำลังถูกปรามาสสบประมาท มีคนดูถูก ดูแคลน แทนที่จะเสียใจทำตัวประชดเขาว่าเราไม่ทำเช่นนั้น แต่จะต้องตั้งใจเอาอุปสรรคมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เอาชนะอุปสรรคตรงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ตามคำปรามาสของคนอื่น รู้ตัวตลอดว่ากำลังทำอะไร มีกำลังใจในสิ่งนั้น มองหาความสำคัญจากสิ่งที่คนมองไม่เห็นให้ได้ว่าสำคัญอย่างไร เสน่ห์ของชีวิตที่สำคัญ คือ สามารถมองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่าสิ้นดีหมดแล้วให้ได้ หาค่าจากสิ่งที่คนมองว่าไร้ค่าให้พบ.

                เสน่ห์ของชีวิต ก็ไม่ต่างจากเสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว ขึ้นอยู่ว่าเราจะสร้างขึ้นมาได้อย่างไร เมื่อตัวชีวิตคือเรา พ่อแม่สร้างชีวิตมาแล้ว.  เสน่ห์ คือ แหล่งกำเนิดความสุข และความสุขอันแท้จริงของคนก็คือ การได้แอบยิ้มดูคนอื่นเขามีความสุข ชื่นชมยินดีมีความสุขจากผลงานของเรา เหมือนความสุขของแม่อยู่ที่การได้เห็นลูกหลานพอใจกับฝีมือปรุงอาหารของแม่ รู้เถิดว่า แม่แอบเป็นสุขลึกๆ ทุกคำข้าวที่ลูกกลืน.

 

                แม่ คือ ผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ แม่จึงมีความสุขมากกว่าเราหลายเท่า. เมื่อเราสำเร็จสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม่ยอมเป็นผ้าขี้ริ้ว เพื่อขัดถูสร้างชีวิตของเราให้สดใสงดงามเสมอ. ชีวิตแม่เป็นผ้าขี้ริ้วสร้างลูกเสมอ เราก็ต้องยอมเป็นผ้าขี้ริ้วสร้างครอบครัว และสังคมของเราให้งดงามต่อไป...

 

ที่มา : หนังสือแทนคุณศาสนา โดย พระศรีญาณโสภณ (สุวิทย์   ปิยวิชฺโช) 
           วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก

หมายเลขบันทึก: 170871เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2008 15:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • อ่านแล้วได้ข้อคิดดีครับ

@ ขอบคุณมากคะสำหรับข้อคิดดี ๆ

@ ผ้าขี้ริ้วดูภายนอกอาจจะไม่มีราคาแต่มันมีคุณค่าในตัวของมันเอง

@ เอามาฝากอีกนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท