นักบุญหรือคนบาป


ข้อเท็จจริงของไม้ยูคาลิปตัส

         เมื่อคืนนี้ (13 มีนาคม)  ผมได้รับเชิญไปบรรยายเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการปรับเปลี่ยนวิธีคิด  ซึ่งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสระแก้ว เขาจัดอบรมเกษตรกร จำนวน 80 คน ที่บ้านร่มเกล้าประชารักษ์ อำเภอวัฒนานคร สนุกครับ ว่ากันตั้งแต่ ทุ่มหนึ่งถึง 3 ทุ่ม

         กับชาวบ้านไม่ว่ากลุ่มใหน ผมจะเน้น เรื่องเมื่อเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยน  เสมอ ผมขอบคุณเกษตรกรที่กล้าที่จะกระตุกชีวิต จากสิ่งที่เคยทำมาหลายสิบปี มาเป็นเกษตรกรที่อยู่ควบคู่ไปกับธรรมชาติ  พวกเขาภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนในการปกป้องตนเอง  ปกป้องสังคม และปกป้องโลก

         มีชาวบ้านหลายคน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผม เรื่องของพืชตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ยูคาลิปตัส  ว่าเป็นพืชที่ให้คุณหรือโทษ กันแน่ ที่จังหวัดสระแก้วปลูกไม้ยูคามากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศครับ ปัจจุบัน เขาเรียกว่า ต้นกระดาษ  แหล่งรับซื้อที่สำคัญอยู่ที่อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ติดอยู่กับสระแก้วเลยครับ

        เรื่องของไม้ยูคา ผมสับสนมานานแล้ว เพราะมีความคิดอยู่ 2 ทาง ฟังผู้หลักผู้ใหญ่ออกมาบอกกล่าวทาง T.V และนักวิชาการต่าง ๆ ก็ยิ่งสับสนมากกว่าเดิม สรุปว่าไม้ยูคามีข้อน่าคิดอยู่ 2 แนวทางคือ

        1. เป็นไม้เศรษฐกิจ โตเร็ว ทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ ขายได้ราคาดี และเป็นไม้ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกผมว่า ถ้าปลูกไม้ยูคา แล้วกลับไปปลูกมันสัมปะหลังในพื้นที่นั้น จะได้มันหัวใหญ่มากกว่าเดืม เหตุผลน่าจะมาจากเมื่อต้นยูคาตาย รากที่เจริญเติบโตอยู่ในดินจะย่อยสลายเป็นปุ๋ยและดินจะโปร่งมีค่า N สูง เมื่อถามว่าไม้ยูคากินแร่ธาตุมากจะหลงเหลือให้ไม้อื่นอีกหรือ ท่านอธิบายว่า คนนั่งกินโต๊ะจีนพร้อมกัน 8 คน เขากินหรือชอบอาหารบนโต๊ะเหมือนกันทุกคนหรือ พืชก็เช่นเดียวกัน ผมบอกว่าใบของต้นยูคาหล่นลงน้ำ น้ำจะเสีย ท่านบอกว่าที่บ้านท่านปลูกต้นทองหลาง ใบหล่นลงไปในบ่อ น้ำก็เสียเหมือนกัน สรุปว่า  ไม้ยูคาเป็นพืชที่ควรจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก

         2. อีกซีกหนึ่ง บอกว่าไม้ยูคาเป็นพืชโตเร็ว เผาผลาญแร่ธาตุในดินสูง ถ้าปลูกแล้วจะปลูกพืชอื่นไม่ได้ แถมใบยังเป็นพิษ ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างเลวร้ายที่สุด ยิ่งใช้สารเคมีในการปลูกตอนแรกด้วยแล้ว จะเลวร้ายมากขึ้นไปอีก เป็นพืชต่างถิ่นที่เราควรไล่ให้ออกจากประเทศไทย

         ข้อมูลทั้งสองด้านผมไม่รู้ว่าจะเชื่อด้านใหน และประเด็นนี้ผมจะต้องถูกชาวบ้านถามบ่อยมาก เพราะผมต้องทำงานกับชาวบ้านตลอดเวลา  เรียนถามผู้รู้ทุกท่าน นะครับ ว่าผมควรจะอธิบายชาวบ้านอย่างไรดี เพื่อประโยชน์สุขของชาวบ้านนะครับ

หมายเลขบันทึก: 170797เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2008 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับพี่ พวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นผู้รู้อันเกิดจากการฟังมาด้วยกันทั้งนั้น..แต่ที่ผมได้ฟังจากปราชญ์เดินดินคนหนึ่งที่เป็นมุมมองเพิ่มเติมก็คือ..ถึงยูคาลิปตัส จะก่อให้เกิดผลเสียบ้าง ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ผืนแผ่ดินว่างเปล่า ไร้พืชคลุมดิน ขาดผู้ปกป้องการถูกชะล้างทำลายธาตุอาหารบนดิน..และต่อไป.. ผืนดินก็จะกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิชาการทางการเกษตรเหมือนกันนะครับ ก็เป็นความเห็นที่น่ารับไว้พิจารณาอีกเช่นกันครับ.

สวัสดีครับ ความู้ที่ผมได้อ่านจากเรื่องี่ท่านเล่ามา เป็นการเพิ่มความรู้ทางด้านไม้ยูคาลิปตัส ถึงแม้จะก่อให้เกิดผลเสียบางกับดิน แต่ณประโยชน์ของไม้ยูคาลิปตันก็มีมากมาย เช่นการทำมาทำเป็นกระดาษ หรือใหความร่มรืนเป็นต้น

ในดีมีเสีย ในเสียมีดี อยู่ที่ว่าเจ้าของที่ดินจะตัดสินใจ เราคงให้ข้อมูลทั้งสองด้านการตัดสินใจของใครของมันครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

ผมเข้าใจเสมอว่า ทุกอย่างในโลกนี้มีทั้งดี และเสีย คนที่ชาญฉลาดต้องมีการชั่งนำหนักว่า อย่างใหนมีนำหนักมากกว่ากัน แล้วจึงเลือก เข้าปรัชญาคิดเป็น เป๊ะเลย

แค่เห็นชื่อพวกเรา ผมก็มีความสุขแล้ว

ขอบพระคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท