การพัฒนาเครื่องมือ โดยใช้แบบสังเกต : อภิปรายกลุ่มการลดโลกร้อน ในชีวิตประจำวันสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม
ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3
ชาญชัยณรงค์ ทรงคาศรี
*นิสิตปริญญาเอก สาขาสิ่งแวดล้อมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
......................................................................................................................................................................
บทคัดย่อ
การศึกษาเพื่อพัฒนาเครื่องมืดวัดและประเมินผลโดยใช้แบบสังเกตแบบตรวจรายการและสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม ในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการลดโลกร้อนด้วยใจ ไม่ใช่กระแส และมีการสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของกลุ่มนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ในประเด็นแนวคิดการลดโลกร้อนในชีวิตประจำวัน ทำให้ได้รูปแบบขั้นตอนของการพัฒนาแบบสังเกต เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่ม มีดังต่อไปนี้ คือ
1. สรุปรายการเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใช้ในงานวิจัยหรือประเมินโครงการ
2. การตั้งชื่อเครื่องมือและกำหนดโครงสร้างของเครื่องมือเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
3. เลือกรูปแบบของมาตรวัด และสร้างข้อความที่จะสังเกต ในครั้งนี้ใช้แบบข้อสังเกต 15 ข้อ เลือกมาตรวัดประมาณค่า เพื่อประเมินระดับการปฏิบัติในแต่ละลักษณะพฤติกรรม
4. ตรวจสอบความเหมาะสมของเครื่องมือของแบบสังเกต โดยการทบทวนองค์ความรู้และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับพฤติกรรมการลดโลกร้อน ในชีวิตประจำวัน
5. ปรับปรุงเครื่องมือตามการทบทวนองค์ความรู้และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องที่เหมาะสม
6. ทดลองใช้เครื่องมือ ตรวจสอบความเป็นไปได้ และวิเคราะห์ดัชนีบ่งชี้คุณภาพเครื่องมือ
สำหรับคุณภาพเครื่องมือด้านความตรงมีเนื้อหา โครงสร้าง สภาพการณ์ ที่เหมาะสม ส่วนความเที่ยงหรือน่าเชื่อถือขณะสร้างเครื่องมือเมื่อปรับปรุงล่าสุดได้ ค่าความสอดคล้อง 0.76 แต่เมื่อทดสอบจริงในกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้ ได้ค่าเพิ่มขึ้นเป็น 0.78 ซึ่งอยู่ในขั้นดีเยี่ยม
ส่วนการประเมินผลพฤติกรรมการมีส่วนร่วมอภิปรายการลดโลกร้อนในชีวิตประจำวัน มีองค์ประกอบของการวางแผนในการทำงาน ความร่วมมือในกลุ่ม การโต้แย้งและขัดแย้งกันในกลุ่ม รวมทั้งมีการนำเสนอที่เป็นระบบ แม้ว่าผลการศึกษาโดยรวมจะให้ผลการประเมินการมีส่วนร่วมอภิปรายผลจากทีมผู้สังเกตที่ต่ำร้อยละ 58.8 ก็ตาม แต่การนำเสนอก็ครอบคลุม เนื้อหาหลักๆ คือ สภาพทั่วไป ปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางแก้ไข และสรุปผล
ข้อเสนอแนะ การนำวิธีการพัฒนาเครื่องมือนี้ไปประยุกต์ใช้ จะมีประโยชน์ตามขบวนการและกลุ่มตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับการศึกษานี้ จึงควรคำนึงถึงประเด็นนี้ด้วย
บทนำ
การจัดการศึกษาที่เรียกว่า “สิ่งแวดล้อมศึกษา” มีความสำคัญยิ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยผ่านกระบวนการพัฒนาคนให้มีความรัก มองเห็นคุณค่าและร่วมมือร่วมใจด้วยการปฏิบัติตนอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดการดำรงชีวิตอย่างประหยัดและมีส่วนร่วมหรือขยายแนวร่วมในการร่วมพลังในการดำรงรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน
การจัดการศึกษาอย่างเป็นระบบและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการจัดกิจกรรมในการเรียนรู้ที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนจะประกอบไปด้วย 1.) การจัดสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ-ชีวภาพ ด้วยการพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ จะทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและได้ซึมซับคุณค่าของสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง 2.) การบูรณาการเนื้อหาสิ่งแวดล้อมและจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักการสิ่งแวดล้อมศึกษาจะก่อให้เกิดการพัฒนาสติปัญญาให้เป็นคนคิดกว้าง มีเหตุมีผล และคิดเป็นระบบ มีความรักและซาบซึ้งในคุณค่าสิ่งแวดล้อมและปฏิบัติตนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3.) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรมของโรงเรียนที่เน้นการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จะเป็นการเร่งการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น การศึกษาพฤติกรรมนักศึกษาควรผสานการสังเกตการณ์ไปด้วย
ตัวอย่างของการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโลกร้อน ซึ่งตามกระแสโลกในปัจจุบันเป็นเรื่องที่จะต้องทำอย่างจริงจัง และกว้างขวางด้วยการให้การศึกษา การดำเนินการในวันนี้กว่าจะมีผลในการลดอุณหภูมิของโลกให้ลงมาอยู่ในภาวะปกติได้อาจจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่จะทำได้ดีกว่านี้อีกแล้ว และในขณะที่ผู้คนทั่วโลก กำลังตื่นตัวอย่างหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อน และเหล่าผู้นำโลกตั้งหน้าตั้งตาถกกันเครียดเพื่อหาทางรับมือกับวิกฤตการณ์ใหญ่ ด้วยกลเม็ดง่ายๆ และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะ เรือนกระจก หรือกรีนเฮาส์ เอฟเฟกต์ ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น ผู้วิจัย จึงได้เข้าร่วมการประเมินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการลดโลกร้อนด้วยใจ ใช่กระแส ซึ่งจัดโดยคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 1 วัน โดยเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการดำเนินงาน และได้นำเครื่องมือที่พัฒนามาก่อนหน้านี้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือทั้งความตรงและความเที่ยงมาแล้วกับการอบรมสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งเครื่องมือนั้นเป็นแบบสังเกต ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเกตการณ์ทำงานเป็นกลุ่มของนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะได้ทราบพฤติกรรมของนักศึกษาที่เรียนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการเรียนการสอนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาต่อไป
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวัดพฤติกรรมการมีส่วนร่วมอภิปรายกลุ่ม ในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการลดโลกร้อนด้วยใจ ใช่กระแส โดยใช้แบบสังเกต
เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักศึกษาที่เรียนวิชาสิ่งแวดล้อม ของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3
วิธีดำเนินการ
รูปแบบการวัดและประเมินผลการทำงานกลุ่ม ใช้การสังเกต (observation) พฤติกรรมการมีส่วนร่วมอภิปรายกลุ่ม
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง โดยประชากรเป็นนักศึกษาที่เรียนวิชาสิ่งแวดล้อม ของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3 และกลุ่มตัวอย่างเป็นส่วนหนึ่งของประชากร จำนวน 40 คน ที่สุ่มตัวอย่างมาเข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการลดโลกร้อนด้วยใจ ใช่กระแส ของคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ทีมสังเกต ประกอบด้วยทีมวิจัยจำนวน 2 ท่าน ที่มีการซักซ้อมวางแผนมาแล้ว ซึ่งเป็นทีมวัดและประเมินผลครั้งนี้
พฤติกรรมที่สังเกต มี 2 ระดับ คือ
- ระดับที่เห็นได้โดยตรง โดยจดบันทึกว่ากลุ่มนักศึกษาทำอะไรบ้าง แสดงอาการอย่างไร มีการอภิปรายร่วมกันหรือไม่ การนำเสนอผลการอภิปรายกลุ่มมีการประหม่าหรือไม่ เป็นต้น
- ระดับที่เป็นพฤติกรรมแฝง โดยดูความรับผิดชอบในการทำงานกลุ่ม ความตึงเครียดในอารมณ์ เป็นต้น
เครื่องมือ และลักษณะการสังเกต จัดกระทำใน 2 ลักษณะ คือ
- การสังเกตอย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีเครื่องมือประกอบการสังเกต
- การสังเกตอย่างเป็นทางการ มีเครื่องมือประกอบการสังเกต ซึ่งมี 2 แบบ คือ 1.) ระเบียนพฤติการณ์ (Anecdotal report) สำหรับสถานการณ์ต่างๆ 2.) แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) สำหรับรายการพฤติกรรมการมีส่วนร่วมแบบจัดอันดับคุณภาพ( Numerical rating scale) โดยรายการที่สังเกตประกอบด้วย การวางแผนในการทำงาน ความร่วมมือในกลุ่ม การอภิปรายและแสดงความคิดเห็น การโต้แย้งและขัดแย้งในกลุ่ม ซึ่งในที่นี้เปรียบเทียบคะแนนใน 2 กลุ่มๆละ 20 คน
การแปลผลแบบสังเกต
- กำหนดให้ ตัวเลข แทน พฤติกรรมการมีส่วนร่วมอภิปรายกลุ่ม คือ
เลข 3 แทน ลักษณะที่เกิดขึ้นประจำ
เลข 2 แทน ลักษณะที่เกิดขึ้นระดับปานกลาง
เลข 1 แทน ลักษณะที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น
- เกณฑ์แปลความหมาย คือ
- คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.49 หมายถึง มีระดับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมที่ไม่เหมาะสม
- คะแนนเฉลี่ย 1.50 – 1.99 หมายถึง มีระดับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมปานกลาง
- คะแนนเฉลี่ย 2.00 – 2.49 หมายถึง มีระดับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมมาก
- คะแนนเฉลี่ย 2.50 – 3.00 หมายถึง มีระดับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมที่เหมาะสมมากที่สุด
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล : กรณีแบบสังเกต คุณสมบัติที่วิเคราะห์ คือ
- คุณภาพเครื่องมือทั้งฉบับ ด้านความตรง(validity)วัดความตรงตามเนื้อหา โดยศึกษาทบทวนจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมอภิปรายกลุ่ม วัดความตรงตามโครงสร้าง โดยอาศัยทฤษฎีการมีส่วนร่วมต่างๆ วัดความตรงตามสภาพ โดยพิจารณาสภาพการณ์จริงขณะสังเกต สำหรับความเที่ยง (Reliability) ใช้ความสอดคล้องระหว่างผู้สังเกต 2 ท่าน
- คุณภาพเครื่องมือรายข้อ ใช้ความเหมาะสม ความสอดคล้องของรายการที่สังเกตกับวัตถุประสงค์ และอำนาจจำแนกระหว่างกลุ่มที่ทราบคุณลักษณะที่ชัดเจนแล้ว
สำหรับกรณีความเที่ยงของผู้สังเกตและการตรวจสอบ ผู้สังเกตจะมีความเที่ยงต่อเมื่อผลการสังเกตมีความสอดคล้องกัน ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบ 2 วิธี คือ
1. ความสอดคล้องกันเอง (Intra-reliability) วิธีนี้ใช้ผู้สังเกตคนเดียว สังเกตสิ่งเดียวกัน 2 ครั้ง ในเวลาต่างกัน
2. ความสอดคล้องระหว่างกัน (Intra-Reliability) วิธีนี้ใช้ผู้สังเกตตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป สังเกตสิ่งเดียวกันพร้อมกัน
ทั้งสองวิธีมีวิธีการหาความสอดคล้องเหมือนกันคือ ถ้าข้อมูลที่สังเกตได้มีลักษณะเชิงตัวเลข (Numerical Value วัดระดับช่วงหรืออัตราส่วน) จะหาความสอดคล้องกันด้วย สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Coefficient of Correlation) แต่ถ้าข้อมูลที่สังเกตได้เป็นระดับกลุ่มหรืออันดับจะหาความสอดคล้องกันด้วยดัชนีความสอดคล้องกัน (Index of Concordance=IOC) ซึ่งมีหลายวิธี วิธีหนึ่งคือวิธีของ Cohen,s kappa (K) มีสูตรว่า
K = P0 – Pe
1 – Pe
เมื่อ K = ดัชนีความสอดคล้องกันหรือความเที่ยง
P0 = สัดส่วนความเห็นสอดคล้องกันต่อจำนวนความเห็นรวมทั้งหมด
Pe = สัดส่วนที่คาดว่าจะสังเกตได้ ซึ่งเป็นผลคูณของสัดส่วนที่ผลสังเกตเหมือนกันคูณกับสัดส่วนของจำนวนรวมผู้สังเกตที่ 1 หรือ ผู้สังเกตที่ 2
ในเรื่องนี้มีข้อกำหนดง่าย ๆ ในการประเมินค่า K ของการสังเกตดังนี้ (Fliess, 1981) cited by Robson, 1993, p.223)
K มีค่าระหว่าง 0.40 ถึง 0.60 ถือว่ามี ความเที่ยงระดับปานกลางหรือพอใช้ (fair)
K มีค่าระหว่าง 0.60 ถึง 0.75 ถือว่ามี ความเที่ยงระดับดี (Good)
K มีค่าตั้งแต่ 0.76 ขึ้นไป ถือว่ามี ความเที่ยงระดับดีมาก (excellent)
ซึ่งในครั้งนี้ จากการนำไปทดลอง(Tryout) กับนักศึกษาคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ระดับปริญญาตรี ปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 1 กลุ่ม จำนวน 20 คน และใช้ผู้สังเกต 2 ท่าน ได้ความสอดคล้องระหว่างผู้สังเกตหรือความเที่ยงเท่ากับ 0.76
ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล
- กำหนดวัน เวลาเก็บข้อมูล ใน 1 วัน โดยจัดเตรียมเครื่องมือแบบสังเกต
- เตรียมเครื่องมือร่วมสังเกตอื่นๆ เช่น กล้องถ่ายภาพ เครื่องบันทึกเสียง กระดาษ สี และอื่นๆ
- เตรียมความพร้อมทีมงานในการเก็บข้อมูล
- จัดเตรียมแบ่งกลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูล
- ดำเนินการเก็บข้อมูล โดยการสังเกตตามที่กล่าวข้างต้น โดยแบ่งหน้าที่ผู้สังเกต เครื่องมือที่ใช้ในการสังเกต และผู้ถูกสังเกต ซึ่งจัดเป็น 2 กลุ่ม
การวิเคราะห์ข้อมูล :
สถิติเชิงพรรณนา( Descriptive statistics) นำเสนอด้วยค่าความถี่ ค่าของคะแนน ค่าเฉลี่ย สำหรับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ในชีวิตประจำวัน
วิเคราะห์เนื้อหา ( Content analysis) รวมรวม และแยกแยะข้อมูล รวมทั้งตีความหมาย จากการสังเกตสำหรับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ในชีวิตประจำวัน
ผลการศึกษาและการอภิปรายผล
จากการพัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลการอภิปรายกลุ่ม ในการใช้แบบสังเกตที่มีการทดสอบเครื่องมือทั้งความตรงและความเที่ยงในกลุ่มตัวอย่างที่คล้ายคลึงกับกลุ่มที่ศึกษาในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลขึ้นมาใช้เอง โดยผลการสร้างเครื่องมือ มีขั้นตอน ดังต่อไปนี้ คือ
1. สรุปรายการเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใช้ในงานวิจัยหรือประเมินโครงการ ซึ่งในที่นี้เป็นแบบสังเกต ที่ประกอบด้วย
- การสังเกตอย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีเครื่องมือประกอบการสังเกต
- การสังเกตอย่างเป็นทางการ มีเครื่องมือประกอบการสังเกต ซึ่งมี 2 แบบ คือ 1.) ระเบียนพฤติการณ์ (Anecdotal report) สำหรับสถานการณ์ต่างๆ 2.) แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) สำหรับรายการพฤติกรรมการมีส่วนร่วมแบบจัดอันดับคุณภาพ( Numerical rating scale) โดยรายการที่สังเกตประกอบด้วย การวางแผนในการทำงาน ความร่วมมือในกลุ่ม การอภิปรายและแสดงความคิดเห็น การโต้แย้งและขัดแย้งในกลุ่ม
2. การตั้งชื่อเครื่องมือและกำหนดโครงสร้างของเครื่องมือเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
3. เลือกรูปแบบของมาตรวัด และสร้างข้อความที่จะสังเกต ในครั้งนี้ใช้แบบข้อสังเกต 15 ข้อ เลือกมาตรวัดประมาณค่า เพื่อประเมินระดับการปฏิบัติในแต่ละลักษณะพฤติกรรม
4. ตรวจสอบความเหมาะสมของเครื่องมือของแบบสังเกต โดยการทบทวนองค์ความรู้และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับพฤติกรรมการลดโลกร้อน ในชีวิตประจำวัน
ดีจังเลยเลยครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ผมจะพัฒนาไปใช้ในการประเมินการอบรม เพื่อลดการใช้แบบสอบถาม จะได้ไม่รบกวนผู้เข้าอบรมครับ
สวัสดีครับ
ตามอ่านผลงานเข้ามาครับ น่าสนใจมากครับกับชีวิตการต่อสู้
หากคิดว่าตนเองเครียดกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากเกินไป
ขอเชิญไปพักผ่อนอารมณ์ได้ที่นี่นะครับ
เพราะชีวิตคเรามีหลายด้านครับ
ยินดีต้อนรับครับ
ตลอดเวลา
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/233295
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/234010
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/232721
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/233150
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/233128