“การสร้างโจทย์วิจัยและกรอบวิจัย”
สิ่งสำคัญที่สุดโดยเฉพาะปรัชญาทางสิ่งแวดล้อม ที่ยังคงเป็นอมตะตลอดกาล คือ ให้นึกถึง “เริ่มต้นดี สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ซึ่งในการทำโครงร่างวิจัย แม้จะมีการใช้สถิติที่ดีเพียงใด แต่ในเมื่อโจทย์วิจัยไม่คม (ไม่โดน) ก็จะล้มเหลวได้ เพราะฉะนั้น อะไรที่จะเรียกว่าวิจัย ก็ต้องค้นหาหาคำตอบจากคำถามของตนเองที่ตั้งไว้ หรือฝึกตั้งโจทย์ให้เป็น โดยตีโจทย์ให้แตกแล้วบีบประเด็นให้คมชัด (ไม่ควรตั้งโจทย์)จากตัวสถิติเป็นตัวนำ)
ปัจจุบันแนวโน้มโจทย์วิจัยและกรอบวิจัย ควรมี 3 องค์ประกอบ คือ
1.) ขั้นเริ่มต้นต้องชี้ปัญหาวิจัยก่อน
2.) ตัวแปรหลักที่ศึกษาควรเป็นการวิเคราะห์หลายตัวแปร (Multi-factor)
3.) ค้นหาเหตุการณ์ หรือแนวโน้มหรือกระแสวิจัย (research event) หาทฤษฏีมาทดสอบก็ได้ว่าปัจจุบันยังใช้ได้อยู่หรือไม่
ปัญหาที่พบของการสอบวัดคุณสมบัติหรือสอบวัดความเข้าใจของนิสิตปริญญาเอกและ
ปริญญาโท ตามลำดับ นั้นมีหลายสาเหตุ
1) ปัญหาวิจัยไม่เคลียร์ ( Research Question/Main Idea/Main Outcome) หรือเรื่องต้อง
ใหม่และท้าทาย สามารถตีพิมพ์เผยแพร่ได้
2) ค้นหาประเด็นสำคัญยังไม่ได้ หรือจับประเด็นมาร่วมกันแก้ปัญหาไม่ได้ (Co-variable or Research Question) ดังนั้น หัวข้อที่มีต้องมีความสำคัญ ผ่านการทบทวนวรรณกรรม Hot topic ไม่ล้าหลัง มีแหล่งทุนเหมาะกับพื้นฐานตัวเอง แม้กระทั่ง Topic area หรือตรวจสอบ
ช่องว่างต่าง ๆ (Gab)
3) โจทย์วิจัยบางทีเป็นคำบอกเล่าจากคำถามวิจัยเกินไป ต้องตัวแปร (Variable) ที่เป็นกุญแจสำคัญ (Key words) เพื่อจะนำสู่การพัฒนาโครงร่างวิจัย ที่มีจุดขาย และสร้างวัตถุประสงค์ที่จะวัดได้ต่อไป
4) ปัญหาวิจัยยังไม่ค่อยตรงจุดที่ท้าทายของสังคม หรือไม่มีความใหม่ขั้นตอนการสร้างโจทย์วิจัย
ขั้นตอนการสร้างโจทย์วิจัย
1) ต้องมีคำใหญ่ ๆ หลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการพัฒนาตนเองให้ทันสมัย (Update ตนเอง )
2) เขียนปัญหาโดยตั้งคำถามวิจัยหลักทั่ว ๆ ไป และรองลงมาเขียนให้เฉพาะเจาะจง ต่อไป
3) สร้างตัวแปรให้วัดได้ โดยการระดมสมองหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว การสร้างโจทย์วิจัยต้องเริ่มจากปัญหาที่มีอยู่ในธรรมชาติไปค้นมาอธิบาย โดยการวิจัยซึ่งต้องสร้างตัวแปรไปรวบรวมมาวิเคราะห์ แล้วเผยแพร่ ต่อไป
การออกแบบการวิจัย
ประเด็นแรกต้องพิจารณาประเภทการวิจัย ได้แก่ ตามชนิดข้อมูลตามการกระทำกับตัวอย่าง
ตามเวลา ตามการเก็บข้อมูล เป็นต้น
การวิจัยอาจเป็นเชิงปริมาณ ที่มีทดสอบสมมุติฐานโดยวิธีการหาสถิติเข้ามาช่วยพรรณนา
ความสัมพันธ์ ความแตกต่างหรือการทำนาย บางครั้งจำเป็นต้องเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ที่ส่วนใหญ่
มักจะต่อยอดเชิงปริมาณที่มีคำถามว่า “ทำไม” หรือคาดว่าเป็นเพราะอะไร หรืออาจวิจัยเพื่อผสมกัน
ก็ได้
ขั้นตอนการออกแบบการวิจัย
- สิ่งที่อยากรู้ ( ทำปัญหาวิจัยให้ชัด เช่น อยากทราบว่าการมีส่วนร่วมจัดการขยะชาน
เมือง และตัวเมือง เป็นต้น)
- ปรับคำถามให้แคบลง (เริ่มจากคำถามกว้าง ๆ ก่อนแล้วไปทบทวนวรรณกรรม และ
ทฤษฏี)
- นำคำถามวิจัยไปเก็บข้อมูล (ต้องตีโจทย์ให้แตก) ปัญหาที่พบหรือไม่เข้าใจขั้นตอนชัด
- เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ (จับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากชีวิตประจำวัน)
- เอาทฤษฏีมาอธิบายปรากฏการณ์ (ปัจจัยไหนสำคัญที่สุด จากหลายปัจจัย)
ดังนั้น การสร้างทฤษฏีใหม่ในปัจจุบันจะรวมปรากฏต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
ไม่มีความเห็น