ทุก ๆ ปลายเทอม ... หลังจากการสอบปลายภาคเสร็จนั้น หน้าที่ต่อไปของครูหรืออาจารย์ ก็คือ
การให้เกรด มีอยู่ 2 ประเภท คือ อิงเกณฑ์ กับ อิงกลุ่ม
อิงเกณฑ์ หมายถึง ผู้สอนได้มีเกณฑ์มาตรฐานไว้แล้ว เช่น ถ้านักศึกษาได้ 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ถือว่า นักศึกษาได้รับเกรด A หรือ ถ้านักศึกษาทำได้น้อยว่า 49 เปอร์เซ็นต์ลงมา ถือว่า ต่ำกว่าเกณฑ์ นักศึกษาได้รับ E หรือ F หมายถึง ถ้าเป็นวิชาบังคับ นักศึกษาต้องลงเรียนใหม่อีก 1 ภาคเรียน
อิงกลุ่ม หมายถึง ผู้สอนมีความตั้งใจว่า นักศึกษา 1 หมู่เรียนนี้ จะให้เกรด A, B, C, D หรือ E กี่เปอร์เซ็นต์ดี ส่วนใหญ่เขาจะนิยมให้เกรด C มีคนอยู่เยอะสุด เพราะถือว่า เป็นคนส่วนใหญ่ เก่งปานกลาง อีกประการก็คือ วิชานี้อาจจะมีนักศึกษาคละวิชาเอกกันมาก ถ้าตัดแบบอิงเกณฑ์ นักศึกษาวิชาเอกนั้น ๆ จะได้เปรียบนักศึกษาที่ไม่ใช่วิชาเอก
เล่าแบบคนกันเอง และเชื่อว่า หลายท่านคงผ่านการตัดเกรดมาทั้งสองแบบแล้วนะครับ
สำหรับผม มักจะใช้การตัดเกรดแบบอิงเกณฑ์ เนื่องจากต้องการวัดความสามารถทางการเรียน ความตั้งใจเรียน ความขยัน ของนักศึกษาแต่ละคนไปเลย ใช้สัจธรรมว่า กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ถ้าเขาตั้งใจเรียน เขาต้องได้เกรดดี เขาไม่ตั้งใจเรียน เขาก็ต้องเรียนเกรดไม่ดี ... มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง
ภาคเรียนนี้ก็เช่นกันครับ ภาคเรียนที่ 2 / 2550 ... ผมสอน 5 หมู่เรียน 2 วิชา ... ตรวจงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ (ก็ที่ผมหาย ๆ ไป ไม่ค่อยได้เขียนบันทึกนั่นแหละครับ) ... งานบางชิ้น ผมตรวจไม่ต่ำกว่า 200 รอบ (เด็ก 200 คน) ทั้งภาคเรียนก็เป็นพัน ๆ รอบ แทบไม่ได้มีแค่งานที่เป็นกระดาษ บางครั้งเป็นสื่อการสอนที่เป็นอิสระทางความคิดของเด็ก ก็ต้องตั้งเกณฑ์มาตรฐานให้ดีหน่อย ไม่เช่นนั้นจะวัดไม่ได้ หรือบางทีก็การตรวจงานเด็กผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น รับ-ส่งอีเมล์, สร้างเว็บไซต์ เป็นต้น
ตรวจงานเสร็จ ... ก็จะกรอกคะแนนลงแบบฟอร์มที่สร้างจาก Microsoft Excel ... หรือไม่กรอกลงกระดาษก่อน แล้วจึงค่อยกรอกลง Microsoft Excel อีกครั้งหนึ่ง ... หลังจากนั้นก็นำคะแนนมาตีเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วพิจารณาว่า คะแนนตกไปอยู่ที่เกรดใด ... เมื่อได้แล้วก็ส่งเกรดเข้าฐานข้อมูลสำนักส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัย พร้อมกับ Print Out พร้อมตัวต้นฉบับใบรายชื่อนักศึกษาที่เขียนเกรด ส่งคณะ ให้ทำการตรวจสอบก่อนส่งมหาวิทยาลัยอีกที (ขั้นตอนมากมาย)
แต่ช่วงเครียดมาก ๆ ในการตัดเกรดนะครับ ก็มีหลายช่วง ได้แก่
ช่วงที่ 1 .. ตอนตรวจรายงาน ... คนที่ทำงานออกมาดี ตรวจไปก็ยิ้มไป มีความสุขดี แต่ลองไปเจอคนที่ทำงานเหมือนเอาเท้าเขี่ยมาส่ง หรือทำส่งไปงั้น ๆ เหมือนคนไม่มีจุดหมายในชีวิต ทำให้ต้องคิดหนักว่า ไอ้แบบนี้ เอาไปกี่คะแนนให้สมกับที่เอาเท้าเขี่ยมาส่ง หรือให้ I ไปเลย ให้ทำใหม่ให้สาแก่ใจ ในฐานะไม่ตั้งใจทำ ... ตอนนี้จะเครียด ... และอาจจะเครียดหนักไปอีก เพราะตรวจพบคนเดียวซะเมื่อไหร่ บางเทอมเป็นสิบ ยี่สิบคนโน้น (บางที ยกวิชาเอก คือว่า ถ้าเอกไหนขยัน ตั้งใจ มันก็เป็นทั้งเอก ถ้าเอกไหน ไม่ได้เรื่อง มันก็ไม่ได้เรื่องทั้งเอก ถ้าจะหา "ช้างเผือก" ก็มีอยู่บ้าง แต่น้อยเหลือเกิน อันนี้ "สัจธรรม" ครับ)
ช่วงที่ 2 .. ตอนตัดสินใจให้เกรด ... ตรวจครบ คะแนนรวมแล้ว ตีค่าเกรดแล้ว แต่ ... บางคน มันตกอ่ะสิ ... ดูผลงานตั้งแต่ต้นจนจบเทอม .. เออ สมควร ... คนที่เรียนแล้วไม่ถึง 49 เปอร์เซ็นต์นะครับ ก็มี
สองช่วงนี้จะมีความเครียดสูงนะครับ .. เพราะ อาจารย์ เสมือน ผู้กุมอนาคตของนักศึกษาเหมือนกัน ถ้าเราให้เกรดดี ๆ ให้เขา เขาก็จะมีโอกาสเรียนรอด จนจบหลักสูตร เป็นบัณฑิต กะเค้าได้ แต่ถ้าเขาได้เกรดไม่ดี โอกาสรอด จบเรียนจบ ก็น้อยกว่าคนอื่น ..
ผมเชื่อว่า อาจารย์ทุกคน (ที่มีความเป็นครู) คงไม่อยากให้เกรดไม่ดีกับลูกศิษย์ของตัวเองหรอกใช่ไหมครับ แต่ลูกศิษย์ของเราแต่ละคน มีความแตกต่างระหว่างบุคคลที่ไม่เหมือนกันสักคน บางคนเรียนดี เรียนเก่ง ตั้งใจเรียน สมควรได้เกรดดี ๆ แต่บางคนเรียนไม่เก่ง แล้วยังไม่ตั้งใจเรียนอีก เผลอ ๆ โกง ทุจริตสารพัดวิธีเพื่อการเอาตัวรอดจากวิชาของเรา (อย่างที่เล่ามา) แบบควรให้เกรดดี ๆ เทียบเท่าคนตั้งใจเรียน หรือครับ
นี่คือความหนักใจในการให้เกรดในทุก ๆ เทอม ... ปัญหาสารพัดสารเพ มาให้เราตั้งตัดสินใจ ..
ผมจะลองเขียนเกณฑ์ความใจดีและความใจร้ายในการตัดสินใจให้เกรดนักศึกษา นะครับ
ทำไมถึงต้องคิดมากในการตัดสินใจในเรื่อง "เกรด" ของนักศึกษา ?
ผมชอบถามเพื่อนอาจารย์คนหนึ่งว่า ถ้าเป็นกรณีแบบนี้แก แกจะทำยังไง ... เพื่อนผมตอบว่า "ให้เขารู้ความเป็นจริงของชีวิต"
ในขณะที่ผมถามพี่อาจารย์อีกคนหนึ่ง เขาตอบว่า "แล้วแต่ผู้สอน จะให้อะไรก็ให้ไปเหอะ" (ตอบแบบนี้ทุกเทอม ผมล่ะ ไม่ศรัทธากับคำตอบแบบ โยนกลอง และไม่แสดงความคิดเห็นแบบนี้เลย)
ความคิดเห็นทั้งหมดนี้ เป็นแค่ความคิดเห็นของอาจารย์คนหนึ่งที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยระดับล่างของท้องถิ่นประเทศไทย ...
ผมอาจจะคิดไม่เหมือนคนอื่น แต่ผมถือเป็น "ข้าของแผ่นดิน" คนหนึ่ง ซึ่งเป็นครู ไม่ใช่จะสอนแต่ความรู้ ให้แต่เกรด ... ครูต้องสอนคุณธรรมจริยธรรมให้เด็กเขาไปด้วย จึงจะถูกต้องสิ
ขอบคุณที่ฟังครูคนหนึ่ง บ่น ๆๆ แล้วก็ไป ... แว่บ
บุญรักษา ครูผู้มีความเป็นครูทุก ๆ ท่าน ครับ
บันทึกนี้เขียนยาวดีนะครับ
อ่านแล้วเพลิน อ่านแล้วอมยิ้ม ขอบอกว่า "เหนื่อยจังนะครับครู"
แต่ขอให้กำลังใจครับ
บอกได้คำเดียวว่า .....ซึ้งค่ะอาจารย์ .....
สวัสดีครับ คุณเอก :)
บุญรักษา ครับ :)
สวัสดีครับ คุณครูพวงทอง Librarian
ขอบใจมาก :)
อาจารย์ครับผมสำนึกผิดแล้ว ช่วยแก้ไอให้ผมด้วยฮ่าๆๆ ขอบคุณอาจารย์ที่เข้าใจลูกศิษย์แต่ก็น่าเป็นห่วงนะครับ เราจะแก้นิสัยงี้ได้ไงอะ เป็นหน้าที่ของครูคนเดียวหรือเปล่า น่าจะมีคำพูดที่ทำให้เด็กได้คิดเองมั่ง อืม..... คงต้องเป็นนักพูดที่ดีด้วยเนอะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์Wasawat Deemarn
สวัสดีครับ คุณครู ภัควัฒน์
ขอให้กำลังใจ และแสดงความพยายามให้เห็นด้วยนะครับ ครูรออยู่ :)
สวัสดีครับ อาจารย์ Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์
ขอบคุณครับ :)
สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn
สวัสดีครับ อาจารย์ Jeed ครูแก้วตา อาณาจักร์
ขอบคุณครับ :)
มาขำ คิดถึงตัวเองเมื่อสมัยเรียน - มาเรียนแบบตาปลาไหล
ดีหน่อย ที่เป็นปลาไหล เดาเก่งค่ะ .. เลยรอดหวุดหวิด :)
...
ผมอาจจะคิดไม่เหมือนคนอื่น แต่ผมถือเป็น "ข้าของแผ่นดิน" คนหนึ่ง ซึ่งเป็นครู ไม่ใช่จะสอนแต่ความรู้ ให้แต่เกรด ... ครูต้องสอนคุณธรรมจริยธรรมให้เด็กเขาไปด้วย
- ขอคารวะ 1 ไหโอวัลติน ค่ะ -
...
ตอนนี้ตาค้างแล้วค่ะ เพราะเลยเวลานอนมาหลายชั่วโมง
ขอบคุณครับ คุณ poo
กว่าที่เด็ก ๆ จะรู้ว่า ได้ประโยชน์ใดจากการทำงานตามที่อาจารย์สั่งไป ... เด็กคนนั้นก็จบไป แล้วมีงานทำ นั่นแหละ จึงเห็นผลตามที่อาจารย์เคยฝึก เคยบอก :)
ขอบคุณครับ :)
เวลาผมตัดเกรดนักศึกษาทีไร ผมจะรู้สึกไม่สบายใจไปหลายวัน และนึกถึง หนังกำลังภายในครับอาจารย์
การให้ผ่านไม่ผ่าน เพื่อลงจากขุนเขาเหลียงซาน เธอจงไปฝ่าด่าน 18 อรหันต์ก่อน จึงจะลงไปได้ (ผ่านได้ก็ A เธอทำงานหนักจนชำนาญแล้วนะ ถ้าไม่ผ่านก็เอา I ไปก่อนนะ จนกว่าเธอจะผ่าน ^^)
เธอจะเรียนวิทยายุทธ์จากฉันหรือ ลองไปหาบน้ำขึ้นลงขุนเขาก่อน จนเต็มโอ่งที่ตั้งอยู่ 100 ใบนั่นหนะ (ฉันไม่ใช่เรือจ้างน้าาา ^^)
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ตี๋ ครูgisชนบท จอมยุทธ์แห่งเขาเหลียงซาน ;)...
เมื่อผมมีประสบการณ์น้อย ๆ มาตรฐานยังไม่ดีพอ แคร์ทุก ๆ อย่าง ทำให้การตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจด้วยเหนื่อยอ่อนครับ
แต่ปัจจุบัน ผมนิ่งมากขึ้น มาตรฐานคือข้อตกลง จะไม่มีการเบี้ยวมาตรฐานที่ตกลงในคาบแรกโดยเด็ดขาด หากฝนจะตก ต้องตกทั่วฟ้า
ดังนั้น "เป๊ะ" ครับอาจารย์ แต่ก็ไม่ใช่ไม้บรรทัดมากเกินไปเช่นกัน
เพราะคนมีชีวิต ย่อมมองชีวิตด้วยเหตุผลเสมอ แต่ต้องไม่ใช่ข้ออ้าง
"I" จึงจะดีกับทุกฝ่ายก็เป็นได้ หากสมควร ;)