ความเข้าใจ"เกษตรอินทรีย์"


เกษตรอินทรีย์

จ่อหัวเรื่องแบบนี้เพราะ คำว่าเกษตรอินทรีย์ ทำความสับสนกับคนทั่วไปๆอย่างมาก หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรหลายคน  มักจะใช้คำนี้กันมาก..ทั้งที่มันไม่ใช่...

    มีพ่อค้าหลายคนติดต่อมาที่สำนักงานเกษตรจังหวัด..เพื่อจะมารับซื้อผลผลิตข้าวอินทรีย์  ผักอินทรีย์ ฯลฯ จากเกษตรกรผู้ผลิต ..ตามที่เขาได้รับข่าวสารประชาสัมพันธ์ไป..เมื่อได้คุยรายละเอียดเราไม่สามารถให้รายชื่อผู้ผลิตตรงตามความต้องการของเขาได้   เพราะเกษตรกรของเรายังไม่มีการตรวจรับรองจากหน่วยงานภายนอก  จึงไม่อาจพูดได้ว่ามีการผลิตแบบอินทรีย์จริง..พ่อค้าไม่กล้ารับซื้อ

    เมื่อสัปดาห์ก่อนดิฉันได้ประชุมคณะทำงานจัดทำแผนงาน/โครงการกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์(ประกอบด้วยจังหวัดร้อยเอ็ด  ขอนแก่น  มหาสารคามและกาฬสินธุ์) ก็มีการยกประเด็นเป้าหมายแผน 4ปี  ยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัดด้านการเป็นแหล่งผลิตเกษตรอินทรีย์ขึ้นมาถกกันมาก..เพราะในการกำหนดเป้าหมายนั้น  ต้องมีตัวชี้วัดอย่างชัดเจน..จึงไม่มีจังหวัดใดกล้าหาญกำหนดพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์ได้ มีแต่ขอกำหนดเป้าหมายเพียง ผลิตแบบปลอดภัยจากสารพิษ   เท่านั้น

   วันนี้เลยทำความเข้าใจ เรื่องคำว่า "เกษตรอินทรีย์" ในรูปแบบสากลทั่วโลกนะคะ  ผู้กำหนดคำนิยามและหลักเกณฑ์ คือ IFOAM  มาจาก International Federation of AgricultureMovement 

ใครจะขายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ส่งออกไปทั่วโลกได้ต้องได้รับใบรับรองจาก IFOAM  จึงจะเรียกได้ว่าอินทรีย์จริง..

       ความหมายของเกษตรอินทรีย์และเงื่อนไขของ (IFOAM)

       คือ ระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใย ด้วยความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ โดยเน้นการปรับปรุงบำรุงดิน การเคารพต่อศักยภาพทางธรรมชาติของพืชสัตว์ และนิเวศน์  การเกษตรอินทรีย์จึงลดการใช้ปัจจัยการผลิตจากภายนอก และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ เช่น ปุ๋ยเคมี สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ขณะเดียวกันก็ประยุกต์ใช้ธรรมชาติในการเพิ่มผลผลิต และพัฒนาความต้านทาน ต่อโรคของพืชและสัตว์เลี้ยง

     นอกเหนือไปจากการไม่ใช้สารเคมี  ปุ๋ยเคมีและสารสังเคราะห์ทั้งมวลแล้ว  การจะเป็นเกษตรอินทรีย์สมบูรณ์แบบนั้น  ในดินในน้ำและในอากาศก็ต้องไม่มีสารเคมีเหล่านี้ตกค้างอยู่ด้วย  การทำเกษตรอินทรีย์จึงต้องเลือกพื้นที่ที่ไม่เคยทำการเกษตรเคมีมาไม่น้อยกว่า 3 ปี  ควรต้องเป็นพื้นที่ค่อนข้างดอน และโล่งแจ้ง  ต้องอยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรม  อยู่ห่างจากแปลงที่ปลูกพืชโดยไม่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี   อยู่ห่างจากถนนหลัก  และ ต้องมีแหล่งน้ำปลอดสารเคมีและสารพิษทั้งมวลด้วย

       เห็นไหมคะ  เงื่อนไข นี้แหละ  ทำได้ยากมาก  หรือว่าใครทำได้แล้ว  การตรวจสอบก็ต้องมีค่าใช้จ่าย  ต้องสุ่มดิน  สุ่มน้ำไปวิเคราะห์หาสารตกค้างต่างๆ    ค่าวิเคราะห์ก็แพง..ใครจ่าย..  รวมถึงค่าใช้จ่ายในการออกใบรับรองอีก   ได้ทราบว่าสูงมาก..  ดิฉันเคยไปสัมมนาเขาเล่าว่า  ข้าวอินทรีย์  ขายที่ญีปุ่นราคากก.ละ 50 บาท  เขาจะรับซื้อจากเกษตรกรเพียง กก.ละ 12-15 บาทเท่านั้น เพราะต้นทุนส่วนใหญ่เขาต้องใช้ในการได้มาซึ่งใบรับรอง..   ดังนั้นพ่อค้าเขาจึงหาผลผลิตจากแหล่งผลิตที่ได้ใบรับรองแล้ว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย..

   ใครสนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มดิฉันลิงค์บทความของกรมส่งเสริมการเกษตร  เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลิงค์ที่นี่  เกษตรอินทรีย์  และ เว็บไซค์ ว่าด้วยเรื่องเกษตรอินทรีย์

 

    ถ้ารู้แล้ว  อย่าพึ่งโฆษณาไปว่าเรามีแปลงเกษตรอินทรีย์นะคะ..บอกว่าเรามีแปลงที่ผลิตปลอดภัยจากสารพิษและพร้อมจะเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ก็แล้วกัน...

 

คำสำคัญ (Tags): #เกษตรอินทรีย์
หมายเลขบันทึก: 168978เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2008 11:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ในอดีตผมโตมากับท้องทุ่ง ..ในน้ำมีปลา  ในนามีข้าว ..
ถึงหน้าน้ำเคยได้วางเบ็ด ..เดินตามแปลงนาที่ต้นข้าวเริ่มยืนต้นแตกใบเรียวเขียวและมองลงท้องน้ำจะเห็นปูปลา แมงดา ว่ายวนไปเรื่อย ๆ ...

ทุกวันนี้สภาพเช่นนี้ไม่แทบหาไม่เจอ  ... ส่วนหนึ่งพ่อบอกว่าภัยแล้งจากธรรมชาติ  และส่วนหนึ่งคือผลพวงการตกค้างของสารเคมี  จนทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น  หอบชีวิตไปอาศัยอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว

....

ขอบคุณครับ

ผมว่า หากใช้ชื่อ "ร้อยสินธุ์ แก่นสาร" ฟังดูดีขึ้นนิด ไม่จำเป็นต้องใครก่อนใครหลัง(คิดเล่นๆ)

  • เราคงต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ สร้างความเข้าใจ และการยอมรับของเกษตรกรเพียงไม่กี่คน แล้วขยายผลไปยังพี่น้อง คนรู้จักคุ้นเคย เหมือนบ้านคำปลาหลายไงครับ แต่ต้องอดทน เพราะใช้เวลา นานมากๆ
  • แต่ถามว่า สารเคมีที่อยู่ในดิน ในน้ำ ปัจจุบันนี้หมดไปหรือยัง ก็หาคำตอบได้จากแปลงอ้อยที่เราเคยผ่านไปด้วยกัน และผมได้ตั้งโจทย์ให้พี่กิจ หาคำตอบว่า ทำอย่างไรคนที่ปลูกอ้อยจึงจะไม่ต้องฉีดพ่นยาฆ่าหญ้า
  • ผมเองก็ได้แต่คิด ยังไม่มีโอกาสได้ทดลอง คือคิดว่า แทนที่เกษตรกรจะกำจัดหญ้า ก็ส่งเสริมให้ปลูกซะเลย ปลูกมันระหว่างแถวนั่นแหละ แต่ต้องปลูกพร้อมกับอ้อย หรือก่อนอ้อยเล็กน้อย เดี๋ยวไม่งอก  แล้วก็เกี่ยวให้วัวกิน อยากให้มีคนลองทำการวิจัยดูว่า ผลผลิตทั้งคู่จะออกมาอย่างไร 

เหมือนหลายเรื่องๆ ที่กำนหนดเกณฑ์มาตรฐานไว้ อย่างที่ยะลา ลองกองต้องเป็นช่อ ไม่มีผลเน่า ผลได้ขนาด ช่อได้ขนาดและน้ำหนัก จะอยู่เกรด1 ก็ต้องพยายามกันหน่อย อืม เหมือนเกษตรจะเป็นเกษตรอินทรีย์ต้องแตกต่างอย่างชัดเจน จริงๆนะคะ พี่อ้อ

ตามมาเยี่ยมด้วยความสนใจและคิดถึง (จาก เขียว)

หจก. พรจันทร์มาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป

จำหน่ายปุ๋ยปลาปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตราชาวประมง

ปุ๋ยปลา คือ ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็น สารละลายเข้มข้น ที่ได้จากปลาสดโดยกระบวนการหมักซึ่งมีกลุ่มจุลินทรีย์ช่วยย่อยสลาย มีธาตุอาหารหลักและรองครบตามที่พืชต้องการ

วัตถุดิบ

ปลาสดจากทะเล : ให้ ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก แก่ต้นพืช

ส่าเหล้า : สารอินทรีย์ และ อนินทรีย์ มีสีน้ำตาลเข้ม และมีธาตุอาหาร N: P: K ซึ่งเป็นสารอาหารที่พืชต้องการ

จุลลินทรีย์ : สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นตัวกลางช่วยเร่งปฏิกิริยาการดูดซึมธาตุอาหารของพืชได้เร็วขึ้น

ใช้ได้กับทุกชนิดพืช ไม้ผล,ไม้ดอก-ไม้ประดับ,พืชสวน,พืชไร่,นาข้าวโรงเพาะเห็ด,หัวเชื้อในการทำปุ๋ยหมักแห้ง, ปาล์มน้ำมัน, ยางพารา

ประโยชน์ของปุ๋ยปลาตราชาวประมง

-ปรับสภาพดินและฟื้นฟูสภาพดินที่เสื่อมโทรมจากการทำเกษตกรรมมายาวนาน และจากการใช้ปุ๋ยเคมีที่เกินขนาด ช่วยให้ดินโปรง ร่วนซุย

-ปรับความเป็นกรด-ด่างในดิน สร้างความต้านทานโรครากเน่าโคนเน่า

-ช่วยเปิดรากพืชเสริมการดูดซึมธาตุอาหารแก่พืช

-มีสารเร่งการเจริญเติบโต GA3, IAA

-เพิ่มความเขียวสดเป็นมันวาวให้ไม้ใบ ยืดอายุการบานของไม้ดอก

-มีกลิ่นและสารช่วยไล่แมลง พวกแทนนิน ลิกนิน

-ใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพสูงสุด

มีขนาด 1 ลิตร 5 ลิตร 20 ลิตร มีทั้งราคาส่งและปลีก

อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อมานะครับ ขอบคุณครับ

สนใจติดต่อ คุณปอ คุณอัญชรี 077-541347’544473 อ.หลังสวน จ.ชุมพร

http://www.paknamlangsuan.com/forum/index.php?board=25.0

หรือ คุณวิรัตน์ หมวดแทน 089-6455239

พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท