ปัญหาเรื่องของ สว.


การแก้ไขปัญหาของ สว. ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่

      ในช่วงนี้แทบทุกท่านคงได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องของ สว. ตามสื่อต่าง ๆ  มากมาย  การเลือกตั้ง สว. ประเภท 2 เพิ่งดำเนินการไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา  ซึ่งการไปเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สนใจไปใช้สิทธิกันน้อยกว่าครั้งก่อน ๆ มาก สาหตุหนึ่งคงเป็นเพราะเป็นการเลือก สว. ประเภท 2 เนื่องจาก สว. ประเภท 1 ได้มาจากการสรรหาและแต่งตั้ง  จึงทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง รวมทั้งผู้สมัคร ไม่ให้ความสำคัญมากนัก เรื่อง สว. สองประเภท มีปัญหานี้คงมีการแก้ไขกันต่อไป

     ปัญหาเรื่องของ สว. นี้ทำให้นึกถึงเรื่องที่พวกเรากล่าวถึงใน วิชาวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นปัญหาที่ทุกคนจะต้องพบโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น สว. เพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม   การแก้ปัญหาเรื่องของ สว. นี้ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้หลายวิธีด้วยกัน แต่ก็ไม่มีวิธีใดที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร  เป็นแต่เพียงการแก้ไขปัญหาได้เพียงชั่วคราว หรือ ยืดระยะเวลาของการเกิดปัญหาออกไปเท่านั้น  การแก้ไขปัญหาของ สว. ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ช่วงนี้มีการประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น มีมากมายตามสื่อต่าง ๆ ดังตัวอย่างบางส่วนที่ขอนำมาเสนอในที่นี้เพื่อประโยชน์ต่อผู้สนใจ

 

           

เมื่อเราอายุมากขึ้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังอันเนื่องจาก แรงโน้มถ่วงของโรค แสงแดด จากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่นการเคี้ยว การยิ้ม ทำให้เกิดรอยย่นขึ้นบนใบหน้า ความผิดปกติที่เกิดบางคนก็ยอมรับไม่ได้ บางคนก็เป็นมากและอยู่ในตำแหน่งซึ่งเห็นได้ง่ายหากเป็นสมัยก่อนก็ไม่มีแนวทางที่จะแก้ไขแต่หลายปีมีการพัฒนาวิธีการรักษารอยย่นหรือตีนกา แผลเป็นจากสิว ออกมามากมายและได้ผลค่อนข้างดีหลักการรักษาแผลเป็นหรือรอยย่นมีทางเลือกดังนี้

  • ผ่าตัดเอารอยแผลเป็นออก
  • ฉีดสารบางอย่างเข้าใต้ผิวหนังที่เป็นแผลเป็น
  • การขัดผิว

หากคุณเลือกวิธีการใช้สารที่ฉีดเข้าใต้ผิวหนังบทความนี้ก็จะเป็นแนวทางให้คุณไว้พิจารณาเลือกวิธีการรักษา

ประโยชน์จากการใช้วิธีฉีด

  • สามารถแก้ไขรอยย่นที่ผิวหนัง
  • ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น
  • สามารถแก้ไขรอยย่นที่เกิดจากการใช้งานมากเช่นรอยย่นรอบมุมปากและขอบตา หรือรอยย่นเกิดจากแรงโน้มถ่วงเช่น รอยย่นที่คอ

สารที่จะใช้ฉีดมีอะไรบ้าง

  1. สารธรรมชาติ ได้แก่สารที่เตรียมจากสัตว์ คน หรือทางทางพันธุวิศวกรรม เช่น Zyderm/Zyplast, Resoplast, Dermalogen, Autologen, Isolagen, AlloDerm, human placental collagen, recombinant human collagen (future), Hylaform gel, Restylane
  2. สารซึ่งสังเคราะห์เช่นSilicone (illegal in US), Artecoll, Gore-Tex, SoftForm, Endoplast-50, Profill

สารที่นิยมฉีดกันได้แก่

 

  • Botox เป็นสารพิษซึ่งได้จากเชื้อโรค สารนี้จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจึงไม่เกิดรอยย่น ตำแหน่งที่นิยมฉีดได้แก่ รอยย่นหน้าผาก ตีนกาข้างตา แต่อาจจะฉีดที่ปาก คางหรือคอ
  • Collagen เป็นสารที่นิยมฉีดมากที่สุด ผู้ป่วยสามารถใช้ collagen จากตัวเองซึ่งไม่เกิดอาการแพ้ หรือจะใช้ collagen จากคนอื่นหรือที่เตรียมจากสัตว์แต่ก็จะเกิดอาหารแพ้เพิ่มขึ้น การฉีดสารนี้ไม่ต้องการผ่าตัด หลังฉีดสามารถไปทำงานได้ตามปกติ
  • Fat เป็นไขมันที่ได้จากตัวผู้ป่วย มักจะไม่เกิดอาการแพ้ แต่หลังฉีดอยู่ได้ไม่นาน
  • Silicone ไม่ค่อยนิยมฉีดเพราะจะทำให้ผิวหนังเป็นตุ่มๆ

วิธีการฉีด

ส่วนใหญ่จะฉีดสารไปชั้นไขมันใต้ผิวหนัง subcutaneous tissue สารที่จะฉีดและยาชาจะเตรียมสำเร็จในหลอดฉีดยา แพทย์จะฉีดสารดังกล่าวตามแนวของรอยย่น หรือฉีดเข้าใต้แผลหรือรอยบุ๋ม ทำให้รอยตีนกา หรือรอยย่นหายไป ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

ผลของการฉีด

สามารถฉีดที่ผู้ป่วยนอก หลังฉีดก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ นอกเสียจากว่าต้องฉีดเป็นบริเวณกว้าง เช่นแก้มก็อาจจะต้องให้ยานอนหลับ สารบางตัวอาจจะไม่ต้องให้ยาชา บางฉีดอาจจะเกิดอาการเจ็บเล็กน้อย บริเวณแก้ม คาง และรอบตาจะเจ็บน้อยกว่าบริเวณริมฝีปาก หลังฉีดยา 24 ชมจะมีอาการบวม และคันเล็กน้อยตรงตำแหน่งที่ฉีดยาซึ่งจะหายไปใน 2-3 วัน หลังฉีดยา 2-3 วันไม่ควรไปกระกระแทกบริเวณที่ฉีด ไม่ควรจะดื่มสุรา ไม่ควรออกกำลังกายหนัก

 

1. Botox คืออะไร ?

 

  ข้อแนะนำสำหรับผู้คิดจะฉีด

  • ให้แนะนำว่าคนที่จะฉีด botox ให้ท่านเป็นแพทย์
  • แพทย์ต้องผ่านการอบรบแผนกนี้โดยเฉพาะ
  • ต้องถามถึงผลดี ผลเสีย และความเสี่ยง
  • หลีกเลี่ยงสุรา และให้อยู่ในท่ายืนหลังจากฉีดยาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
  • ต้องมั่นใจว่าระหว่างฉีดยาต้องทำอย่างปราศจากเชื้อ

   สาร Botox เป็นสารที่ได้จากการผลิตของเชื้อกลุ่มเดียวกับเชื้อบาดทะยัก เป็นเชื้อที่ไม่ต้องการออกซิเจน เชื้อที่ผลิตสารนี้เรียก Clostidium Botulinum สารพิษที่ผลิตออกมามีสองชนิดได้แก่ Botulinum toxin A และ Botulinum toxin B สารพิษทั้งสองเป็นชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ สารพิษทั้งสองชนิดออกฤทธิ์โดยการป้องกันกระแสไฟฟ้าจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ผลก็คือกล้ามเนื้อจะมีการผ่อนคลาย relax ทางการแพทย์ได้นำ Botulinum toxin A มาใช้ในการรักษา ตาแข คนที่กระพริบตาบ่อย กล้ามเนื้อคอมีการเกร็งมากเกินไป

 

การใช้ Botox ในการรักษา

การรักษาโดยการใช้ Botox ทำได้ง่าย โดยการฉีด toxin นี้ปริมาณเล็กน้อยไปยังกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาเพื่อให้กล้ามเนื้อนั้นคลายตัว หลังฉีดก็กลับบ้านได้ หลังจากฉีดยา 3-7 วันจึงจะเห็นผล และจะอยู่ได้นาน 3-4 เดือนทำให้ต้องฉีดซ้ำ เมื่อฉีดซ้ำไปเรื่อยๆกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะฝ่อลงทำให้ไม่ต้องฉีดบ่อย

บริเวณที่ฉีดยา

การฉีด toxin สามารถฉีดกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาเช่น

      สำหรับรอยย่นรอบมุมปากไม่ควรจะฉีดเนื่องจากจะสูเสียหน้าในการเคี้ยวอาการ นอกจากนั้นยังนำสารนี้มาฉีดบริเวณที่มีเหงื่อมากเพื่อทำให้ต่อมเหงื่อไม่ทำงาน

ผลข้างเคียงของการฉีด

ผลข้างเคียงมีน้อยจะมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด อาจจะมีอาการปวดศีรษะแต่ไม่มาก อาจจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อข้างเคียง เช่นหนังตาตก สำหรับท่านที่ฉีดโดยผู้ที่ไม่ชำนาญ หรือฉีดมากเกินไปท่านจะไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกทางใบหน้าได้เนื่องจากกล้ามเนื้อบนใบหน้าจะอ่อนแรง

การฉีด toxin botox ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐสำหรับการรักษารอยย่นระหว่างหัวคิ้ว หน้าผาก

ผู้ที่ไม่สมควรได้รับการฉีด botox

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับเนื้อและระบบประสาท เช่น myastenia gravis ,multiple sclerosis
  • ผู้ป่วยที่ได้รับยาดังต่อไปนี้คือ aminoglycoside ,penicillamine,calcium chanel blocker

 

2. Collagen คืออะไร ?

  • เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งของร่างกาย สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ทำหน้าที่เสมือนกาวยึดโครงสร้างต่างๆเข้าด้วยกัน และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ
  • โครงสร้าง Collagen ของคนและสัตว์มีความใกล้เคียงกัน จึงได้นำ collagen ของสัตว์มาใช้ในคน
  • องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้รับรองการใช้ collagen มาแก้ไขรอยย่นหรือแผลเป็นของผิวหนัง

ข้อบ่งชี้ในการฉีด Collagen

  • แผลเป็นจากสิว
  • แผลเป็นจากอุบัติเหตุ
  • ผิวย่นจากอายุมาก
  • รอยตีนกา

ข้อห้ามในการฉีด

  • แพ้สาร Collagen
  • แพ้ยาชา
  • ตั้งครรภ์
  • โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธ์เช่น  dermatomyocitis

การเลือกชนิดของสารที่จะใช้ฉีด

การเลือกของสารที่จะฉีดขึ้นกับความลึกของแผลเป็น ซึ่งจะใช้ไม่เหมือนกัน

  • แผลตื้นๆให้ใช้สาร Collagen, hyaluronic acid polymers
  • แผลลึก ไขมันFat, สารสังเคราะห์ synthetic materials, ซิลืโคน silicone, implants, or permanent fillers

ความเสี่ยงของการฉีด Collagen

  • แพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของ collagen
  • แพ้สาร collagen โดยเฉพาะที่ได้จากสัตว์
  • ผื่นแดง
  • บวมและเขียวบริเวณที่ฉีด
  • คันบริเวณที่ฉีด
  • ก้อนใต้ผิวหนัง
  • ฝีบริเวณที่ฉีด

ชนิดของ Collagen

เราสามารถแบ่งสาร Collagen ที่นำมาฉีดได้เป็นชนิดดังนี้

  1. Collagen ที่เตรียมจากสัตว์หรือที่เรียกว่า Bovine collagen เช่น Zyderm I and II, Zyplast, Resoplast
  2. Human collagen เป็น collagen ที่ได้จากคนแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ
  • Allogeneic เป็นcollagen ที่ได้จากคนอื่นเช่น Dermalogen, AlloDerm, Fascian, Cymetra สารพวกนี้อาจจะก่อให้เกิดแพ้
  • Autologous collagen เป็นcollagen ที่เตรียมจากตัวผู้ป่วยเอง จะไม่เกิดอาการแพ้

Zyderm and Zyplast collagen

เป็น collagen ที่เตรียมจากสัตว์และเป็นสารตัวแรกที่องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีก่อน ยาจะเตรียมอยู่ใน syringe ขนาด 1 ลบ.ซซและผสมยาชาด้วยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด

  • Zyderm I collagen ประกอบด้วย collagen 25%หลังฉีดจะอยู่ได้นาน 6-10 เดือนเหมาะสำหรับแผลตื้นๆ
  • Zyderm II มีส่วนประกอบของ collagen  มากกว่าชนิดแรก เหมาะสำหรับแผลที่ใหญ่และอยู่ได้นานกว่า
  • Zyplast ใช้กับแผลที่ลึกและใหญ่และสามารอยู่ได้นานกว่า

ข้อเสียของการฉีดสารกลุ่มนี้ได้แก่ต้องฉีดบ่อย และอาจจะเกิดการแพ้ได้ แต่ไม่มาก การทดสอบว่าแพ้ต่อสารที่ฉีดจะช่วยให้ลดอาการแพ้โดยการฉีดเข้าที่ท้องแขนก่อนการฉีดจริง 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยร้อยละ 97 จะไม่แพ้

Fibrel

เป็นสารที่เตรียมจากสารสามชนิดคือ gelatin, amino caproic acid, และ plasma เมื่อฉีดเข้าไปใต้แผลเป็นจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารcollagen แต่ปัจจุบันไม่ต้องใช้plasma เป็นส่วนผสมทำให้ผลการรักษาอยู่ได้ถึง 5 ปี ผลข้างเคียงของการฉีดคือจะมีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีดยา

Artecoll

 

เป็นสารที่ทำมาจากสารสังเคราะห์ polymethyl methacrylate microspheres (PMMA) ละลายใน collagen เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังสาร collagen จะถูกดูดซึมเหลือแต่สารPMMA ซึ่งจะอยู่ที่แผลเป็น

Hylan B gel

เป็นสาร Hyluronic acid ที่เตรียมได้จากสัตว์ปีกจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงของคนทำให้ไม่ต้องทดสอบผิวหนังก่อนฉีด จะต้องฉีด 2-3 ครั้งและผลของการฉีดอยู่ได้ 9-12 เดือน ผลข้างเคียงมีน้อย อาจจะมีผื่นแดง ผื่นแพ้

Resoplast

เป็นสาร collagen ที่เตรียมจากวัวมีความเข้มข้นสองขนาด คือ 3.5 และ 6.5%จะใช้เหมือน Zyderm I และ Zyderm II จะต้องทดสอบผิวหนังก่อนการฉีด หากแพ้ Zyderm ก็ไม่สามารถฉีดสารตัวนี้

Autologen

เป็นcollagen ที่ได้จากตัวคนไข้เองผลดีจากการใช้ของตัวเองคือไม่แพ้ และอยู่ได้นานพบว่าร้อย75ผลการรักษาอยู่ได้เกิน 1 ปี

Isolagen

เป็นการนำผิวหนังของผู้ป่วยไปสกัดเอาและเพาะเลี้ยงเอา collagen แล้วนำมาฉีดให้ผู้ป่วยดังนั้นจึงจะมี collagen ของผู้ป่วยสำหรับการฉีดครั้งต่อไป เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อตัวเองจึงไม่เกิดอาการแพ้

Dermalogen

เป็น collagen ที่เตรียมได้จากคนซึ่งเก็บไว้ในธนาคารเนื้อเยื่อ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อหลายขั้นตอนจนกระทั่งไม่มีเชื้อไวรัสหรือโรควัวบ้า ประกอบไปด้วย collagen และส่วนประกอบนำไปเก็บไว้ เนื่องจากไม่มียาชาผสมก่อนการฉีดอาจจะต้องใช้ครีมยาชาทาก่อน หลังจากฉีดร่างกายจะมีการสร้างเส้นเลือดไปเหล่าเลี้ยงและสร้าง collagen ขึ้นใหม่ อาจจะต้องฉีด 2-3 ครั้งเพื่อให้ผลที่ดี

Alloderm

เป็นการนำเนื้อเยื่อผิวหนังขนาด 1-2 มม สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อให้เนื้อเยื่อนี้เจริญเป็น collagen ผลการรักษาได้ผลดีและอยู่ได้นาน

 

3. การแก้ไขรอยย่น โดยใช้ Fat หรือไขมันที่ได้จากตัวผู้ป่วย

  

วิธีการฉีด

  การฉีดจะต้องทำสองขั้นตอนคือการเตรียมไขมันที่จะฉีดทำได้โดยการดูดไขมันส่วนเกิน อาจจะที่หน้าท้อง แขน หรือสะโพก แล้วนำไขมันนั้นไปปั่นให้ตกตระกอน เก็บเฉพาะไขมัน ขั้นตอนที่สองนัดผู้ป่วยมาฉีด แล้วจึงนำไปฉีดส่วนที่ต้องการ เช่นเสริมแก้ม ริมฝีปาก คาง สำหรับใบหน้าอาจจะต้องใช้ปริมาณ 50-100 ซีซี ระยะเวลาในการฉีดประมาณ 15-60 นาที จะมีอาการบวมและแดงบริเวณที่ฉีด 48 ชั่วโมง แต่บางคนอาจจะใช้เวลาหลายวันกว่าจะยุบบวม

หากฉีดบริเวณริมฝีปากจะมีอาการเจ็บกว่าบริเวณแก้มหรือรอบขอบตา

ข้อบ่งชี้ได้แก่

  • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นหรือรอยย่นบนใบหน้า
  • สุขภาพดี
  • อารมณ์ไม่แปรปรวน
  • ต้องการปรับปรุงตนเอง
  • ไม่ตั้งความคาดหวังสูงเกินไป
  • ทราบว่ามีทางเลือกอื่น

ข้อดีของการใช้ไขมันในการฉีด

  • ใช้ไขมันจากตัวเองจึงไม่เกิดอาการแพ้ และไม่ต้องทดสอบผิวหนังก่อนฉีด

และสามารถฉีดได้เป็นปริมาณมากทำให้การแก้ไขความผิดปกติได้ค่อนข้างดี หากต้องการฉีดเป็นปริมาณมาก (มากกว่า 10 มม.)

  • ทำได้ไม่ลำบากสามารถทำที่ผู้ป่วยนอก และกลับบ้านได้
  • ผลการรักษาอยู่ได้นานหลายเดือน
  • หากแพ้ collagen ก็ใช้ไขมันแทนได้
  • เจ็บไม่มาก

ข้อเสียของการฉีดไขมัน คือไขมันจะถูกดูดซึมได้ค่อนข้างเร็วโดยประมาณใช้เวลา 6 เดือน และอาจจะต้องฉีดซ้ำอีกครั้ง

โรคแทรกซ้อน

  • ที่สำคัญคือการติดเชื้อ

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

http://www.siamhealth.net/public_html/Health/Photo_teaching/beauty/collagen/injection.htm

หมายเลขบันทึก: 168974เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2008 11:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะอาจารย์

เรื่อง Botox นี่หนิงพอทราบมาอยู่บ้าง  แต่ได้มาทราบละเอียดใน blog อาจารย์อีกที  ดีจังเลยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

  • เป็นบันทึกที่น่ารัก น่าศึกษามากค่ะ
  • สว ที่หลายคนไม่อยากจะเป็นเลย

 

ผมก็นึกว่า ..สว.ที่เพิ่งเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน..

ตอนนี้เส้นผมบนศีรษะผมหลายเส้นรวมตัวเป็น "สว." หมดแล้ว  แต่ผมก็จัดการด้วยกอดทิ้ง ..

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ สว. ก่อนวัย ครับ

  • สวัสดี สส. ทั้งสองท่าน ที่แวะมาทักทายครับ
  • ท่านแผ่นดิน คงยังอีกนานครับครับกว่าได้เป็น สว.
  •  พอดีวันนี้ทำคะแนนเก็บเสร็จ ส่งขึ้นระบบ มมส. แล้วเลยหาเรื่องเบา ๆ เขียนบันทึกไว้ประกอบการสอนเทอมต่อไปครับ...อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท