Nan & Ball Chongbunwatana
นายและนาง คมกฤชและประณยา จองบุญวัฒนา

15: บังกลาเทศ : ประเทศ 6 ฤดู


ประเทศนี้ก็เหมือนเมืองไทยสมัย 20- 30 ปีที่แล้วค่ะ กำลังจะพัฒนา มีโครงการรถไฟใต้ดิน ตึกใหญ่ๆ ใหม่ๆ กำลังขึ้นเยอะมาก และเหมือนเมืองไทยสุดๆ ก็คือการที่เป็น เมืองที่คนตกท่อ เหมือน ก.ท.ม. เราในสมัยก่อนเปี๊ยบเลยค่ะ

มีใครทราบหรือไม่คะว่า ประเทศไหน ในโลกนี้ มีฤดูกาลมากถึง  6 ฤดู แณณก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะคะว่า คือ ประเทศ  บังกลาเทศ นี่เองค่ะ  เมืองไทย บ้านเรา มี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูหนาว และฤดูฝน ประเทศแถบยุโรปและอเมริกา มี  4 ฤดู คือ ฤดูหนาว (Winter) ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ฤดูร้อน (Summer) ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn / Fall)

เจ้า 6 ฤดู ที่ว่านี้ มีดังนี้ค่ะ

·        Basanto (Spring) ฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึง เมษายน

·        Grishma (Summer) ฤดูร้อน ตั้งแต่ช่วงเดือน เมษายน ถึง มิถุนายน

·        Barsha (Rainy)  ฤดูฝน ตั้งแต่ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง สิงหาคม

·        Sharat (Autumn / Fall) ฤดูใบไม้ร่วง  ตั้งแต่ช่วงเดือน สิงหาคม ถึง ตุลาคม

·        Hemanto (Misty) ฤดูหมอก ตั้งแต่ช่วงเดือน ตุลาคม ถึง ธันวาคม

·        Sheet  (Winter) ฤดูหนาว ตั้งแต่ช่วงเดือน ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวที่บังกลาเทศมากที่สุดคือ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม ถึงเดือน กุมภาพันธ์ ค่ะ ช่วงเวลานี้อากาศจะเย็นสบาย แต่หมอกอาจจะหนาในช่วงเช้าๆ ไปจนบางวันถึงเกือบเที่ยง แน่ะค่ะ สายการบินหลายๆ สาย ที่มาบังกลาเทศ อาจจะประสบกับปัญหาเครื่องบินล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ เหตุผลก็เนื่องจากว่า หากช่วงเช้าของวันไหนที่มีหมอกลงหนามากๆ เครื่องบินก็จะไม่สามารถลงจอดที่สนามบินตามเวลาได้ ต้องเลื่อนเวลาไปจนกว่าท้องฟ้าจะโปร่ง พอลำแรกเลื่อนเวลา ก็จะกระทบถึงเที่ยวบินต่อๆ ไปนะคะ ดังนั้น ใครจะเดินทางมา จะเดินทางไปจากที่นี่ ก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบเวลาของเที่ยวบินให้แน่นอนอีกครั้ง หรือไม่ก็จะต้องไปนั่งรอที่สนามบินเป็นเวลานาน แต่ไปเร็วก็ยังดีกว่าไปช้า (ไม่ใช่มาช้า แล้วยังดีกว่าไม่มาเหมือนเพลง พี่มอส ปฎิภาณ นะคะ ไม่เอาค่ะ ไม่ดี เดี๋ยวตกเครื่องค่ะ)

แณณและบอลเดินทางมาถึงที่นี่ เดือนธันวาคมปี 2550 อากาศเวลานั้นกำลังสบายประมาณ ไม่เกิน 20°C เราทั้งสองคนมาด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งว่า เราเป็นคนชอบอากาศหนาว (ไม่ใช่หนาวเหน็บนะคะ หนาวเฉยๆ ค่ะ) แม้ตอนก่อนมาจะได้เช็คแล้วว่าเป็นช่วงฤดูหนาวของที่นี่ แต่คิดว่าคงแค่เย็นๆ เหมือนตอนช่วง ซัมเมอร์ที่อังกฤษ แจ็คเก็ต ตัวเดียวก็เกินพอแล้ว คิดกันไปว่า ประเทศนี้อากาศคงใกล้เคียงบ้านเรา ที่บอกว่า มีหน้าหนาว แต่ในความเป็นจริงกลับมีแต่หน้าร้อน ร้อนมาก ถึงร้อนที่สุด และ หน้าฝน เราก็เลยไม่ได้นำเอาเสื้อกันหนาวจริงๆ มากันเลยค่ะ เอามาแต่เสื้อแจ็คเก็ตแบบขำๆ เบาๆ สบายๆ

เป็นไงหล่ะ พอมาถึงที่นี่จริงๆ คืนแรกผ้าห่มนวม ก็ยังไม่มี มีแต่ผ้าห่มแพร ที่เจ้าของบ้านผู้ใจดี คนก่อนทิ้งไว้ให้ พออีกวันรีบวิ่งแจ้นไปหาซื้อผ้าห่มนวมกันเลยทีเดียวค่ะ จะว่าไป สินค้าไทยติดตลาดที่นี่มากนะคะ จำได้ว่าตอนไปหาซื้อพวกเครื่องนอนที่ตลาด Gulshan 1 ( ซึ่งเป็นตลาดที่รวมร้าน หลายๆ ร้าน ขายของหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ อาหาร ดอกไม้ ผลไม้ ช้อนส้อม ถังขยะ ผ้าขนหนู วัตถุดิบทำครัว เครื่องเขียน เครื่องแก้วคริสตัล  ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์หรูๆ  นำเข้าจากอิตาลี ตอนที่หาซื้อของไปต้อนรับแขก VVIP ท่านที่มาที่จิตตะกอง เราก็ได้เก้าอี้หนัง นั่งแสนสบายมาจากที่นี่หล่ะค่ะ  ไม่ใช่ห้าง ใหญ่โต อะไรที่ไหนเลยค่ะ แต่เล่นเอาเกือบทั้งวัน กว่าจะหาได้)  

                                              1                             2

                                            เก้าอี้หนัง ที่หาซื้อได้ในตลาดกุลชาน 1                                 มัสยิด ที่อยู่บริเวณตลาดกุลชาน 1

บรรดาร้านค้าต่างๆ ที่ขายเครื่องนอนในตลาด Gulshan 1  จะเสนอเครื่องนอนยี่ห้อของไทย จำพวก ทิวลิป โตโต้ อะไรพวกนี้ ให้เรา เพราะบอกว่าเป็น Top Quality แต่ที่ราคารองลงมาหน่อย เห็นจะเป็นของที่มาจากจีน และของบังกลาเทศเองค่ะ  ซึ่งก็พอใช้ได้เหมือนกันค่ะ  แต่ที่นี่ ยังไม่เห็นมีพวกเครื่องนอนกันไรฝุ่นเลยนะคะ (อาจจะมี แต่แณณอาจจะยังไม่เห็นเองก็ได้ค่ะ)

หากบริษัทไทยเจ้าไหน อยากมาเปิดตลาดสินค้าจำพวกนี้ ที่นี่ น่าจะขายได้เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมาก และคนน่าจะเป็นโรคภูมิแพ้กันพอสมควรเลยทีเดียว แต่ราคาคงต้องศึกษาตลาด และ segment ของตลาดดูอีกที ว่าควรกำนดนโยบาย แผนการขาย การลงทุนอย่างไร เนื่องจาก กำลังซื้อของคนภายในประเทศ คงจะยังมีไม่มากพอ (สินค้าจำพวก ปลอกหมอน ปลอกผ้านวม ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น เท่าที่เคยทราบ ราคาจะค่อนข้างสูง ชุดหนึ่งราคาเป็นหมื่นบาทเลยค่ะ) แต่หากคิดว่าทำให้เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ขายเฉพาะลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อ หรือชาวต่างชาติที่อยู่ที่นี่ แล้วหล่ะก็ รับรองว่า น่าจะดีค่ะ  เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่ แณณคิดว่ามีศักยภาพมากในตอนนี้ แต่ควรต้องศึกษาตลาด มีการวางแผนที่ดี ประเมินโอกาส และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ให้ดีก่อนนะคะ

 ประเทศนี้ก็เหมือนเมืองไทยสมัย 20- 30 ปีที่แล้วค่ะ กำลังจะพัฒนา มีโครงการรถไฟใต้ดิน (แต่ไม่ทราบว่าจะเหมือนสุวรรณภูมิของไทยหรือเปล่านะคะ ที่กว่าจะเสร็จเป็นรูปธรรมก็ใช้เวลานานสุดๆ) ตึกใหญ่ๆ ใหม่ๆ กำลังขึ้นเยอะมาก มี Korean Export Processing Zone หรือ เขตอุตสาหกรรมที่เป็นฐานการผลิตสินค้าของชาวเกาหลี อยู่ในกรุงธากา และที่แณณกับบอลมองว่าเหมือนเมืองไทยสุดๆ ก็คือ การที่เป็น เมืองที่คนตกท่อ เหมือน ก.ท.ม. เราในสมัยก่อนเปี๊ยบเลยค่ะ จำได้ว่า ตอนแณณเด็กๆ เคยได้ยินเพลงของพี่แอ๊ด คาราบาว เพลงหนึ่งร้องว่า  ยุคสมัยนี้เป็น  ก.ท.ม. เมืองที่ คนตกท่อ ไม่เอา อย่าไปว่าเค้าน่าอย่างไร อย่างนั้นเลยค่ะ เวลาเดินตามท้องถนน หรือซอกซอย โปรดระวัง หากไม่ดูดีๆ ตกท่อ แหง ๆ เลยค่ะ แณณไม่อยากถ่ายรูปให้ดู เดี๋ยวเค้าหาว่าเราไปว่าเค้าน่ะค่ะ อีกอย่างกล้องแณณก็หายไปแล้วด้วยค่ะ มีแต่มือตื๋อ อ่ะค่ะ (ภาษาแณณไม่ได้วิบัตินะคะ เป็นภาษาวัยรุ่นอ่ะค่ะ ขอนิดนึงนะคะ วัยกำลังจะเลยแล้วค่ะ)   

เอ..เขียนอย่างนี้ จะจัดลงในหมวดไหนดีนะ ตอนแรกก็ดูจะเป็นธรรมชาติ หรือท่องเที่ยวได้ ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็น เศรษฐกิจการค้าอีกหล่ะเนี่ย..จัดหมวดไม่ถูกแล้วอ่ะค่ะ เอาเป็นว่าไปลงเศรษฐกิจดีกว่านะคะ เผื่อใครมาอ่านจะได้ทราบช่องทาง โอกาสทางการค้าของที่นี่บ้างค่ะ  

ประณยา จองบุญวัฒนา

3 มีนาคม 2551  

 

หมายเลขบันทึก: 168751เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2008 01:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • อ้าว!! กล้องหายเหรอค่ะ
  • หายได้ยังไงค่ะ
  • มีมือดีฉกไปหรือค่ะ
  • หลายค่ะมากเลย อิอิ
  • เสียดายแย่เลย (กลัวอดดูรูปฝีมือคุณแณณ)

 

P   คุณ stardust คะ

  • ช่ายแล้วค่ะ กล้องหาย เสียใจมากเลย
  • ไม่มีใครขโมยค่ะ แต่สามีตัวดี เป็นคนจับคนสุดท้าย เลยไม่แน่ใจว่าเค้าไปทิ้งไว้ที่ไหน
  • ตอนนี้ใช้กล้องมือถืออยู่ ก็พอกล้อมแกล้มไปได้บ้างค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณแณณและคุณบอล เมื่อกี้เพิ่งพิมพ์เสร็จ คุยโน่น คุยนี่ มือไปโดนปุ่มชิฟท์ หายไปเลยค่ะ พี่เป็นพวกไม่ค่อยรู้วิธีจัดการเรียกข้อมูลคืนหรอกค่ะ เลยต้องพิมพ์ใหม่

จะบอกว่ามีหกฤดูนั้นน่าอิจฉาจังนะคะ เมืองไทยมีแค่ฤดูร้อนมาก กับร้อนน้อย

ไม่ได้มาแวะเสียนาน จะค่อยๆทยอยตามมาเก็บความรู้จากคนช่างสังเกต ช่างเล่า ได้ความรู้อย่างมีชีวิตชีวาดีค่ะ

P  ขอบคุณค่ะพี่นุช

  • แณณยินดีมากนะคะ หากสิ่งที่นำมาเล่า จะเป็นประโยชน์ หรืออย่างน้อยเกิดความบันเทิงต่อท่านอื่นๆ ได้บ้างนะคะ
  • ความรู้ เก็บไว้คนเดียว ใช้ประโยชน์ได้ไม่เยอะ ต้องกระจายให้ทั่วค่ะ แม้บางทีอาจจะเป็นแค่ความบันเทิง แต่ก็อยากนำมาเล่าให้ฟังนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท