สิ่งที่ได้จากการมาดูงานของกรมสรรพามิต


ทิ้งไปนานหลังจากไม่ได้เข้มาเขียนบันทึก ลองหาเหตุผลแก้ตัวที่เข้าท่าดีกว่า

  • เพราะช่วงนี้งานมันยุ่ง
  • ไม่รู้จะเขียนอะไรดี
  • สับสนว่าจะทำอะไรต่อไป
  • อยากพักเงียบๆ สักระยะ

ทั้งสี่อันเป็นเหตุผลที่ผมคิดและใช้อ้างตอบตัวเองเรื่อยๆ มา
จริงๆ แล้วยังงงๆ กับตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ไม่น้อย ว่าเรากำลังทำอะไรกันแน่ในช่วงนี้
งานและโครงงานที่มีอยู่หลายอย่าง จะว่าไปมันไม่ค่อยเข้าแก็บงานผู้ป่วยในสักเท่าไหร่ แถมงานเสริมที่ได้มาก็เป็นผู้ป่วยนอกซะส่วนใหญ่หรือเกี่ยวกับงานอื่นๆ ไปซะมาก จนรู้สึกว่าตัวเองรับงานมาจนทำงานประจำได้ไม่ดีไม๊

จากการที่กรมสรรพสามิตมาชมงานที่สถาบันทำให้ผมได้ตาสว่างอีกครั้งหลังจากสับสนมานาน การได้ฟังพี่บุญช่วยพูดถึงปัญหาเรื่องคนไม่กล้ายอมรับผิดแต่พี่ใช้เวลาห้าปีผ่านมันมาได้ ช่วยปลุกกำลังใจผมกลับมาอีกครั้ง ขอบคุณพี่บุญช่วยมากๆ ครับ

ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานของหน่วยงานตัวเองให้ดีก่อนแล้วงานอื่นค่อยๆ ตามมา
เริ่มจากงานบริการจ่ายยาผู้ป่วยในและนอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายยาในสถาบัน
หากข้อนี้ยังทำได้ไม่ดี ผมคงไปข้ออื่นลำบาก
ตรงนี้ผมจะค่อยๆ อาศัยความร่วมมือจากทุกคนในหน่วยงานช่วยกันสร้างและพัฒนางานให้ดีขึ้นๆ ไป
โครงงานพัฒนาคุณภาพและ KM สิ่งสำคัญคือการเปิดใจ
กล้าพูดว่าเราทำผิด เพื่อที่จะได้ปรับปรุงงานต่อไป ซึ่งการสร้างวัฒนธรรมตรงนี้ได้ท่าจะยากมากๆ
แต่จำเป็นต้องทำให้เกิดให้ได้

การยอมรับตนเองว่าเป็นอย่างไร มีทุนอะไรบ้างในตัวเรา เราอยากทำอะไร
เปิดใจฟังคนรอบข้าง ให้รู้ว่าคนรอบตัวเราเขามีทุนอะไรบ้าง เขาอยากทำอะไร
พวกเรามาลองสักทีดีไหมมาทำอะไรที่เป็นความสุข

ขอบคุณพี่ๆ จากกรมสรรพสามิตที่มาดูงานทำให้ผมได้มองย้อนตัวเองอีกครั้ง โดยเฉพาะพี่ที่ไปดูงานที่ ห้องผ่าตัดที่มาพูดเรื่อง Morning Talk ที่จัดทำมานานแล้วแต่มันล้มไปเพราะว่า
บรรยากาศที่ทำนั้นน้องๆ เขาไม่อยากเข้าร่วมซึ่งเริ่มจาก การแบ่งพรรคแบ่งพวกข้าราชการ,เจ้าพนักงานหรือลูกจ้างชั่วคราว การดูถูกความคิด, การติติง หรือ การที่ไปสั่งงาน ถามงานตามความเคยชิน(ของคนเป็นหัวหน้า) ทำให้คนไม่อยากเข้าไป
การที่พี่กล้าพูด กล้าเปิดเผยทำให้ผมได้เรียนรู้ชัดเจนขึ้นว่า ความผิดพลาดเป็นครูของเราจริงๆ และมันดูน่าสนุกไม่น้อยเมื่อเราเห็นปัญหาชัดเจนแบบนี้แล้ว
หวังว่าพี่จะได้แก้ไขปรับปรุงให้ผมเองก็จะพยายามทำเหมือนกัน

หมายเลขบันทึก: 168296เขียนเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2008 20:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ผมเองก็พยายามอยู่มากสำหรับการกระตุ้นให้ทุกคนหันหน้ามาคุยกันและก้าวไปในวิถีเดียวกัน  สำหรับคนในทีมงานนั้นเราได้เปิดใจและฝ่าอุปสรรคใด ๆ มาร่วมปีแล้ว  ซึ่งก็แทบไม่น่าเชื่อว่า ...ก้าวมาได้ค่อนข้างไกล

ทั้งหมดนั้นเพราะว่าการเปิดใจ...รับฟังกันและกัน  บนพื้นฐานที่เชื่อว่าแต่ละคนมีศักยภาพและมีองค์ความรู้ในสิ่งที่ทำ .. (ผมย้ำกับทีมงานว่า..ทุกคนมีศักยภาพ) ...

...

ทุกวันนี้มีหน่วยงานมาดูงานกับเราบ่อยมาก  นั่นคือความภูมิใจที่เราได้แสดงศักยภาพอันเกิดจากความร่วมมือและเปิดใจร่วมทำงานกันมาอย่างหนักหน่วง... และล่าสุดนี้ก็จะมีทีมใหญ่ร่วมเกือบ ๆ  200 คนมาดูงาน  รวมถึงการได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรจัดการความรู้ให้กับต่างสถาบัน  ซึ่งเราก็จะไปกันเป็น "ทีม.."

สิ่งเหล่านี้เป็นการทำเป็นทีม.. และนำศักยภาพของแตละคนออกมาสู่การเป็นทีมเวิร์คนั่นเอง ครับ

 

สวัสดีคะ

-แวะเข้ามาอ่านและสมัครเข้าแพลนเน๊ตคะ

- ยอมรับว่าท่านสมาร์ทมาก ยอมรับว่าเราผิดตรงไหนหรือพลาดเพื่อปรับปรุง อย่างนี้สิ ถึงเรียกว่า"ลูกผู้ชายตัวจริง"

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท