มาฆบุรณมี


หลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วย “หลักการ ๓” “ อุดมการณ์ ๔ “ และ “วิธีการ ๖” ซึ่งได้ถูกประกาศเป็นเวลายาวนานนับพันปีนี้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง...หากผู้คนในสังคมได้น้อมนำหลักธรรมนี้มาเป็น “เข็มทิศ” ในการดำรงชีวิต... ความรัก ความสุข ความร่มเย็น และสันติภาพ ย่อมบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

วันพรุ่งนี้ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ก็จะเป็นวันบุญใหญ่อีกวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชน คือ วันมาฆบูชา

"มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน ๓ และ มาฆบูชา นั้น ซึ่งย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ วันมาฆบูชา จึงตรงกับ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี

ตอนที่เรายังเป็นเด็กเล็กอยู่นั้น มีเพลงที่คุณครูให้ร้องเกี่ยวกับวันมาฆบูชา ยังจำเนื้อร้องได้จนบัดนี้ว่า มาฆะ มาฆบูชา รู้กันว่า วันเพ็ญเดือนสาม คนไทยน้ำใจงาม วันเพ็ญเดือนสามมาทำบุญกัน จาตุรงคสันนิบาตร วันประหลาด น่าอัศจรรย์ พระอรหันต์มาชุมนุมกันตั้งพันกว่าองค์...

จำได้อีกว่า พวกเราช่วยกันประสานเสียงร้องเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมา ด้วยความร่าเริงเบิกบานกันอยู่หลายรอบ ซึ่งนับเป็นกุศโลบายที่ได้ผลยิ่ง เพราะทำให้เราจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ของวันสำคัญนี้ได้ขึ้นใจ แล้วจากนั้นคุณครูก็จะค่อย ๆ อธิบายขยายความ...ให้พวกเราซึมซับรับรู้...มากขึ้นและมากขึ้น 

ทว่า มาถึงวันนี้...ท่ามกลางบริบทสังคมไทยที่เปลี่ยนผ่าน จะเหลือใครสักอีกกี่คนที่รับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของวันมาฆบูชานี้...

ในวาระวันมาฆบูชาปีนี้ จึงขอนำความรู้เกี่ยวกับวันมาฆบูชามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว G2K นะคะ (ข้อมูลส่วนใหญ่เรียบเรียงมาจากหนังสือวันสำคัญโครงการปีรณรงค์วัฒนธรรมไทยฯ ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติค่ะ)

...วันมาฆบูชาเป็นวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต"หรือ "การประชุมด้วยองค์ ๔ " กล่าวคือ มีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ (๑) เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย (๒) พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น (๓) พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์ (๔) เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ์

ในวันนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง "โอวาทปฎิโมกข์" แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ ซึ่ง โอวาทปฎิโมกข์ นี้เป็นทั้ง หลักการ อุดมการณ์ และ วิธีการปฏิบัติ ที่นำไปใช้ได้ทุกสังคม เป็นคำสอนอันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปคือ ให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดีให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส

และขอนำรายละเอียดของหลักธรรมซึ่งประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และ วิธีการ ๖ มาอธิบายขยายความเพิ่มเติมดังนี้นะคะ

หลักการ ๓ หมายถึง

(๑) การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่ การงดเว้น การลดละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็นความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ สำหรับความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ ส่วนความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

(๒) การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ สำหรับความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ พูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวาน พูดคำให้เกิดความสามัคคี และพูดถูกกาลเทศะ ส่วนการทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและปรารถนาดี และมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

(๓) การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนิวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ ซึ่ง "นิวรณ์" นี้มี ๕ ประการ คือ ๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ) ๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท) ๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ) ๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ๕. ความลังเลสงสัย (วิจิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่ว ว่ามีผลจริงหรือไม่

วิธีการทำจิตให้ผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวงด้วยการถือศืลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง

อุดมการณ์ ๔ หมายถึง

(๑) ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ (๒) ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น (๓) ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ (๔) นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

วิธีการ ๖ หมายถึง

(๑) ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือกล่าวโจมตีใคร (๒) ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น (๓) สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎกติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม (๔) รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหารหรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ (๕) อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม (๖) ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพคุณภาพ และประสิทธิภาพที่ดี

.........

อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ ตัวเองคิดว่าหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และ วิธีการ ๖ซึ่งได้ถูกประกาศเป็นเวลายาวนานนับพันปีนี้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง...หากผู้คนในสังคมได้น้อมนำหลักธรรมนี้มาเป็น เข็มทิศ ในการดำรงชีวิต... ความรัก ความสุข ความร่มเย็น และสันติภาพ ย่อมบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ...

 

เรามาส่ง ความรัก ให้กันและกันอีกครั้งในวันมาฆบูชานะคะ... รักทั้งตัวเองและรักทุก ๆ คน ด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม... ละชั่ว ทำดี และทำใจให้ผ่องใส...อย่าลืมไปทำบุญกันที่วัดใกล้บ้าน และชวนคนที่เรารักไปด้วยนะคะ ...อนุโมทนาบุญค่ะ

หมายเลขบันทึก: 166411เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2008 18:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน 2012 12:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีค่ะ วันพระใหญ่เช่นนี้เป็นโอกาสให้ตั้งหลัก ตั้งใจ สำรวมกาย วาจา ใจ มากกว่าในทุกๆวัน เพราะวันธรรมดาๆนั้นแม้ว่าตั้งใจรักษา สำรวม แต่ก็มักเผลอได้บ่อย

ชอบให้อาจารย์ตุ้มเขียนตามโอกาสธรรมเช่นนี้ ช่วยเตือนดีค่ะ ได้ความรู้ด้วย

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีวันแห่งความรักเช่นกันค่ะ อ.ตุ้ม

การปฏิบัติธรรมะด้วยชีวิตของอาจารย์ตุ้ม ช่วยให้คนรอบตัว (แม้แต่ไกลๆ อย่างเรา) ได้เข้าใจความหมายของธรรมะ และดึงดูดให้ปฏิบัติตามด้วยเช่นกันค่ะ

ธรรมะ..เป็นเหมือนแสงเทียนที่สะท้อนออกมาจากตัวผู้ปฏิบัติจริงๆ นะคะ ช่วยให้เราพลอยเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดของโลกปัจจุบันได้ด้วยค่ะ

ขอบคุณแสงเทียนอย่าง อ.ตุ้มมากๆ นะคะ

บุญรักษาค่ะ

ขอบคุณพี่ตุ้มที่ช่วยทบทวนความรู้ดีๆ ให้พวกเราได้ทราบกันนะคะ

สาธุค่ะ  ^ ^

สวัสดีค่ะ อาจารย์ทิพวัลย์ สีจันทร์ รู้สึกดีมากๆคะที่ได้รับรู้ข้อมูลดังกล่าวมีประโยชน์มากๆเลยคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์พี่นุช

ขอบคุณพี่นุชมากค่ะที่เป็นกำลังใจ พี่นุชทำให้ตุ้มมีแรงบันดาลใจที่จะค้นคว้าและให้เวลากับการเขียนเรื่องธรรมมากขึ้นค่ะ... อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ สาธุ

 

สวัสดีค่ะหนู Pilgrim

แสงเทียนหลอมละลายตัวเอง ฉันใด

วันเวลาในชีวิตย่อมกลืนกินสรรพสิ่ง ฉันนั้น

หากแม้จะต้องหลอมละลายและสูญสลายในวันหนึ่ง เทียนเล่มน้อยก็มิได้หวั่นไหว... ด้วยรับรู้ว่า "แสงสว่าง" ได้ถูกส่งต่อไปยังเทียนเล่มอื่น ๆ ...อื่น ๆ ...และอื่น ๆ ....และแล้วโลกใบนี้ย่อมคงความสว่างไสว เพราะแสงเทียนดวงน้อย ๆ เมื่อมาร้อยเรียงรวมกัน ย่อมเปล่งประกายสุกใส ประดุจแสงจันทร์ในคืนเดือนมืดที่ส่องนำเส้นทางชีวิตของผู้คนตลอดไป... 

มาร่วมด้วยช่วยกันหลอมละลายตัวเองเพื่อจุด "เทียนใจ" ให้กับทุกคนในทุกหนและทุกแห่ง เพื่อที่โลกใบนี้จะได้สว่างไสวและมนุษยชาติจะได้มีความสุขที่แท้จริงกันนะคะ

อยากบอกว่า.. แม้นอยู่ไกลก็เหมือนใกล้ค่ะ เพราะใจเราส่งถึงกัน...

สวัสดีค่ะอาจารย์น้องตุ๋ย

พี่ตุ้มก็ขออนุโมทนาบุญกับน้องตุ๋ยเช่นกันนะคะ เพราะได้ซึมซับอรรถรสของพระธรรมคำสั่งสอนและข้อคิดชีวิตที่ดี ๆ จากข้อความใน Blog ของน้องตุ๋ยเสมอ ๆ ค่ะ

สาธุค่ะ

สวัสดีค่ะหนูเอ้

ครูดีใจที่เอ้เข้ามาอ่านบทความนี้นะคะ ...หนูเอ้จบไปทำงานแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร อย่าลืมแบ่งเวลา สร้างความดีในชีวิตด้วยการปฏิบัติธรรมนะคะ บุญรักษาค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

เดือนมีนา นี้ ไปทำบุญบวชพระ ที่ท่านบวชในช่วงฤดุร้อนมาด้วยค่ะ ทำบุญแบบนี้ทุกปี สบายใจและปลื้มใจค่ะ ที่ได้มีโอกาสทำบุญค่ะ

ขออนุโมทนาการเผยแพร่ธรรมด้วยครับ

สุดาทิพย์ ( อิ๋มค่ะ )

สวัสดีค่ะอ.ตุ้ม ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกห้องเรียนอ.ก็สามารถสอนธรรมะดีๆๆให้กับลูกศิษย์ได้เสมอ ซึ่งเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ ตอนนี้หนูทำงานอยู่หนูเลยแอบเข้ามาอ่านที่บล็อคของอ.ตุ้ม รู้สึกประทับใจทุกครั้งในความรักที่อ.มีต่อลูกศิษย์ อ.ตุ้มค่ะคืออิ๋มอยากทราบว่าทำไมเวลาไปสมัครงานที่ไหนเค้าก็ไม่ค่อยอยบากรับคณะเกษตรเท่าที่ควร และตลาดงานก็น้อยยยมากทำให้รู้สึกท้อแท้ใจในการหางานคือหนูอยากทำงานที่ตรงกับที่เราเรียนมาเพราะจะทำให้หนูมีความสุขกับการทำงาน เพราะตอนนี้อิ๋มทำงานที่ไม่ตรงกับที่เราเรียนมาเลย รู้สึกว่าไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์เลยค่ะ อยากขอคำแนะนะจากอาจารย์ ตุ้มค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณSasinanda

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุค่ะ

ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนปีนี้ ทางชมรมพุทธศาสน์สากลฯจัดอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทเช่นที่เคยปฏิบัติทุกปีมาค่ะ และสำหรับปีนี้คาดว่าจะมีนิสิตนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศเข้าอุปสมบทประมาณ 500 กว่าคนค่ะ ขอส่งข่าวมาให้ทุกท่านที่อ่าน life diagram ได้ทราบและได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ ดร.ดิศกุล

ขออนุโมทนาสาธุการกับสิ่งดี ๆ ที่ดร.ดิศกุลได้ทำเพื่อสังคมด้วยเช่นกันนะคะ

สนใจงานด้านการศึกษานอกโรงเรียนเพราะคิดว่าเป็นการให้การศึกษานอกระบบ มีหลายประเด็นที่คล้ายกันกับงานด้านการส่งเสริมการเกษตรที่ตัวเองขับเคลื่อนอยู่ค่ะ มีเพื่อนหลายคนที่อยู่ในแวดวงกศน.ค่ะ เพื่อนรุ่นพี่คนสำคัญคือ "ครูนง" ที่นครศรีธรรมราชค่ะจากการได้พูดคุยกันกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานกศน. คิดว่างานกศน.เป็นงานที่ต้องใช้พลังกายพลังใจสูงนะคะ เพราะต้องดูแลผู้คนจำนวนมากและเป็นผู้คนที่ควรได้รับโอกาสจากสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้...

หวังว่าคงจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับดร.ดิศกุลมากขึ้นในวันหนึ่งข้างหน้านะคะ

สวัสดีจ๊ะหนูอิ๋ม

อันดับแรกเลยที่ครูจะบอกอิ๋มนะจ๊ะ ก็คือว่า ในช่วงเวลาทำงาน ไม่ควรทำกิจกรรมอื่นใด นอกเหนือจากเนื้องานที่เราต้องรับผิดชอบจ๊ะ ถ้าหากว่าเป็นช่วงเวลาพักงานหรือหมดเวลางานแล้ว หนูอิ๋มค่อยเข้ามาอ่าน blog ของครูนะอิ๋มนะ (และกิจกรรมอื่น ๆ ที่อยากจะทำ เช่น โทรศัพท์คุยกับเพื่อน)...ต้องฝึกตัวเองให้มี concentration กับงานนะจ๊ะ เรารับค่าตอบแทนจากงานที่เราทำ เราก็ต้องตั้งใจ ต้องทุ่มเทและมุ่งมั่น เพื่อให้งานของเราได้ผลออกมาดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้...

ครูเคยบอกพวกเราแล้วใช่ไหมว่า เด็กเกษตรมีงานสายตรงที่ให้ทำไม่มากนัก และมักไม่ใช่งานอย่างที่เราฝัน...อีกทั้งโลกแห่งความเป็นจริง...มหาวิทยาลัยชีวิตนั้นแสนกว้างใหญ่ ...มีสิ่งที่พวกเราต้องประสบพบเจอ ทั้งที่ถูกใจ ไม่ถูกใจ... เราจึงต้องทั้ง "อด" และทั้ง "ทน" ครูอยากให้อิ๋มลองคิดใหม่นะ แม้ว่างานที่เราทำจะเป็นงานที่ไม่ตรงกับสาขาที่เรารียน แต่ก็เป็นงานที่เป็น "ประโยชน์" ใช่ไหม (ไม่ใช่มิจฉาอาชีวะ 5 ประการก็ถือว่าใช้ได้จ๊ะ)เรากำลังทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น ขอให้มี "ความสุข" ในการทำงานนะจ๊ะ ครูเชื่อมั่นว่าหนูอิ๋มมีศักยภาพในตัวมากเพียงพอที่จะเรียนรู้งานที่กำลังทำอยู่นี้ได้จ๊ะ ทำไป เรียนรู้ไป พัฒนาตัวเองไป ...วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเหตุปัจจัยเหมาะสม เชื่อครูเถิดว่า อิ๋มจะได้ทำในสิ่งที่อิ๋ม "รัก" จริง ๆ ได้อย่างแน่นอนจ๊ะ

ขอเป็น "กำลังใจ" ให้ลูกศิษย์เสมอจ๊ะ

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง สดชื่นแจ่มใสครับ

ขอบคุณมากค่ะคุณสิทธิรักษ์

สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันค่ะ(อวยพรย้อนหลังค่ะ)และขอให้คุณสิทธิรักษ์มีความสุขตลอดปี ...มีพลังกาย พลังใจ สร้างสรรสิ่งดี ๆ ที่งดงามตลอดไปนะคะ

คณะผู้จัดทำได้รวบรวมเนื้อหากระทู้ของคุณสมถะหรือปราชญ์ขยะ
ที่ได้ถามตอบเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปในพระพุทธศาสนา และสมาธิภาวนาวิชชาธรรมกายในเวปบอร์ดต่างๆ
นำมาจัดเก็บไว้ ณ ที่นี้ เพื่อให้ผู้สนใจสะดวกในการติดตามอ่านและความทำความเข้าใจได้สมบูรณ์ที่สุด

 

ห้องสนทนา ถามตอบปัญหาพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย http://forums.212cafe.com/samatha/board-8/list.html

สถานที่ใดต้องการให้คณะวิทยากรไปช่วยสอนหรือฝึกสมาธิเรายินดีไปฝึกให้ฟรี  ติดต่อในห้องสนทนาของเวปได้เลยครับ... http://forums.212cafe.com/samatha/board-4/list.html

จึงขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจติดตามอ่านและพูดคุยสนทนาธรรมกันได้ที่  http://khunsamatha.com/

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท