เราพึ่งถูกประเมินจาก กพร ไปเมื่อวันก่อน ก็เลยอยาก share ความคิดกับทุกท่าน ในประเด็นของ KM....ในมหาวิทยาลัย
เท่าที่ทราบคือคะแนนคงลงจากปีที่แล้วที่เราได้คะแนนเต็ม 5 ก็มาวิเคราะห์นะ ประกอบกับคำเสนอแนะจากกรรมการประเมิน (ทั้งที่ได้ใช้เวลาเล่าเรื่อง KM ในแม่โจ้ให้ท่านฟังไปเกือบ 2 ชั่วโมง) สรุปก็คือสิ่งที่เราทำไม่ตรงประเด็นกับที่ทาง กพร ตั้งเกณฑ์เอาไว้ ....
ได้เคยเขียนบทความเรื่อง ...เส้นทางการจัดการความรู้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้....ซึ่งพยายามจะให้ทุกท่านเข้าใจว่าเราพยายามจะนำกระบวนการ KM มาพัฒนาบุคลากร มาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กร โดยเฉพาะการทำงานกันเป็นทีม ตอนนี้เราเริ่มรวมตัวพูดคุยกันในสิ่งที่เราสนใจร่วมกัน ที่เรียกว่า CoP (Community of Practice) มีตั้งแต่ เรื่องการเรียนการสอน งานวิจัย การเงิน การประกันคุณภาพ งานแผน งานบริหารงานทั่วไป งานฟาร์ม ด้าน IT และด้านชำนาญการ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในวัฒนธรรมขององค์กร เริ่มมีการขยายวง ขยายกลุ่มของคนทำงานมาพูดมาคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แก้ใขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงในกลุ่มคนทำงานแบบเดียวกัน สมาชิกทุกคนรอที่จะมาเจอกันทุกวันพุธที่ 2 ของทุกเดือน ซึ่งเป็นวันที่เราใช้ชื่อว่า ...วันแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้...ยังหวังต่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถปรับเปลี่ยนและแลกเปลี่ยนการทำงานกันได้ในอนาคต...กระบวนการเหล่านี้ต้องอาศัยเวลา....เราไม่สามารถทำให้คนเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมคนได้ภายในชั่วพริบตา....
คุณหมอวิจารณ์เคยกล่าวไว้ว่า KM ถ้าไม่ลงมือทำ...ต่อให้อ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม...ท่านจะไม่มีวันรู้...จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อท่านลงมือปฏิบัติเท่านั้น...จากนั้นท่านจะสามารถใช้กระบวนการ KM มาออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กรท่านได้....ตอนนี้เราคิดว่าเราอยู่ในช่วงนี้...เรากำลังเลือกและออกแบบกระบวนการ KM ที่เหมาะสมกับบริบทของ...มหาวิทยาลัยแม่โจ้.....เราเชื่อว่าเรามาถูกทาง
หลังจากที่เราเล่าถึงกิจกรรม KM ในแม่โจ้ให้ผู้ประเมินฟังมาร่วมสองชั่วโมง...สุดท้ายท่านก็พูดว่า...งั้นให้อาจารย์บอกผลลัพธ์จากที่อาจารย์ได้ทำKMมา???
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
KM Audit ยังคงมีหลายแนวคิดมาก
มันยากกว่า การประกันคุณภาพแน่นอน
กรอบแนวคิดการประเมินแบบเดิม ก็ดูเหมือนจะยังไม่เหมาะกับ KM
ยังคงมีคำถาม หรือประเด็นอีกเยอะครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ผมเข้าใจว่า มันขึ้นอยู่กับคนประเมินว่า KM ของเขาคืออะไร
โดยส่วนตัว ผมค่อนข้างเชื่อว่า KM คือ "การเอาความรู้มาเป็นเครื่องมือในการบริหารกิจการใดๆ" ใช้มันให้เกิดผลดีต่อชีวิตและการงาน แต่ไม่ใช่เข้าไปบริหารตัวความรู้
มีต้องเปิดใจคุยกันอีกเยอะครับในเรื่องนี้
สวัสดีค่ะครูอ้อย และคุณ Thawat
ขอบคุณมากค่ะสำหรับการ share ความคิดเห็น ...กลับมาอ่านที่เขียนไป รู้สึกว่าค่อนข้างเครียด... ทั้งที่เขียนในวันแห่งความรักแท้ ๆ และเห็นด้วยกับคุณTawat ค่ะว่า ต้องเปิดใจคุยกัน...ทั้งในส่วนของผู้ประเมิน...และผู้ถูกประเมิน...อย่างนั้นใหมคะ???
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยกับคุณ Thawat ค่ะ ที่ว่า KM Audit มีหลายแนวคิดจากมุมมองของตนเองนะค่ะ การที่จะทำ KM ให้ประสบความสำเร็จนั้นทำได้ยากจริงๆ ค่ะ เพราะต้องขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม และความคิดขององค์กรนั้นๆ ว่าเขาพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือไม่ ทำหรือปฏิบัติตามกระแสหรือว่าทำเพราะรักที่จะทำ ในการดำเนินงานในช่วงแรกก้อต้องลองผิดลองถูกกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งความสำคัญอยู่ที่ว่าเราสามารถนำผลที่เกิดจากการทดลองนั้น มาปรับปรุงและปฏิบัติเพื่อหาเส้นทางที่ดีขึ้นและถูกต้องได้อย่างไรต่างหากละค่ะที่สำคัญ
ขอฝากคำพูดที่ว่า การปฏิบัตินั้นมีความสำคัญ แต่ยังไม่สำคัญเท่าเจตนาของผู้ปฏิบัติที่ตั้งใจจะปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในการปฏิบัติ
จะเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะ
กลับไปนั้งคิดนอนคิดหลายวันเเล้ว สุดท้ายก็มีทางเดินของเราใหม่ ถ้าเคเอ็มเป็นเพียงเครื่องมือประเภทหนึ่ง เราคงให้เครื่องมือนี้ได้หลายวิธี
คอยพบกับเคเอ็มเเละการวิจัยสถาบันเร็วๆนี้..
สู้ๆ