วักทะเล เทใส่จาน


วักทะเล

๑.วักทะเลเทใส่จาน รับประทานกับข้าวขาว
เอื้อมเก็บบางดวงดาว ไว้คลุกข้าวซาวเกลือกินฯ

๒.ดูปูหอยเริงระบำ เต้นรำทำเพลงวังเวงสิ้น
กิ้งก่ากิ้งกือบิน ไปกินตะวันและจันทร์ฯ
๓.คางคกขึ้นวอทอง ลอยล่องท่องเที่ยวสวรรค์
อึ่งอ่างไปด้วยกัน เทวดานั้นหนีเข้ากะลาฯ

๔.ไส้เดือนเที่ยวเกี้ยวสาว อัปสรหนาวสั่นชั้นฟ้า
ทุกจุลินทรีย์อมิบ้า เชิดหน้าได้ดิบได้ดีฯ
๕.เทพไท้เบื่อหน่ายวิมาน ทะยานลงดินมากินขี้
ชมอาจมว่ามี รสวิเศษสุดที่กล่าวคำฯ

๖.ป่าสุมทุมพุ่มไม้ พูดได้ปรัชญาลึกล้ำ
ขี้เลื่อยละเมอทำ คำนวณน้ำหนักแห่งเงาฯ
๗.วิเศษใหญ่ใคร่เสวยฟ้า อยู่หล้าเหลวเลวโง่เขลา
โลภโกรธหลงมอมเมา งั่งเอาเถิดประเสริฐเอยฯ


กวีเด็ดๆ จากท่าน อังคาร กัลยาณพงศ์

สังคมศาสตร์ปริทัศน์ ปีที่ ๑ เล่มที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๐๖
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
จาก น.๑๑๘ หนังสือ กวีนิพนธ์ ของ อังคาร กัลยาณพงศ์

ท่านแต่งไว้สมัยลงในวารสารตั้งแต่ผมยังไม่เกิด (2506) หากข้อมูลไม่ผิดพลาด แต่รสชาตินั้น ช่างหอมหวนมาถึงยุคนี้และเข้ากันจริงหนอ???? 

ขอทุกท่านมีความสุขกันถ้วนหน้า อุราวันแห่งความรักครับ 

หมายเลขบันทึก: 165147เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2008 05:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

กราบสวัสดีครับทุกท่าน

     ขอกราบอนุุญาตนำมาฝากอีกรอบครับ ไหนๆ ก็ครบรอบวันเกิดท่าน อังคาร ฯ 82 ปี ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ อยู่แล้วครับผม

13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
เป็นวันครบรอบวันเกิด 82 ปี
ของ "อังคาร กัลยาณพงษ์" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ปี 2532


*





ในวัย 81 ปี อังคาร กัลยาณพงศ์
ยังสุขภาพแข็งแรงและความจำดีพอ
ที่จะร่ายกาพย์กลอนเสภาขุนช้างขุนแผน
ให้หนุ่มสาวที่ล้อมวงนิ่งฟัง
ด้วยความทึ่งจนลืมจิบกาแฟ
   
***

***




แม้อาจต้องอาศัยไม้เท้าและสองมือ
ของ ‘อ้อมแก้ว’ ลูกสาวคนกลาง
ช่วยประคองยามก้าวเดินบ้าง
แต่กวีผู้มีดวงตาเห็นความงามของสายรุ้ง
วักทะเลและเอื้อมเก็บดวงดาวมากินต่างข้าวผู้นี้
ยังคงแววตาทรหด ไม่ระย่อต่อโรคภัยที่รุมเร้า
มาตามวันเวลาของชีวิต
*** 
  *** 
      สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ยกย่องให้ อังคาร กัลยาณพงศ์
เป็นหนึ่งในสิบบุคคลที่มีอิทธิพลต่อคนไทยในรอบพันปี
(ชื่อของเขาอยู่ถัดจากปรีดี พนมยงค์ และอยู่ก่อนมหาตมะคานธี)
ซึ่งเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ พร้อมกล่าวยกย่องไว้ว่า
เขาเป็น
‘กวีวิเศษสุดในสมัยของเราด้วยแล้ว
เขาอาบและกลืนกินกวีวัจนะ
แต่สมัยกรุงสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์
มาโลมไล้และย่อยเป็นหยาดเหงื่อเลือดเนื้อ
ทั้งเขายังรับรู้ทางด้านจิตรกรรมได้อย่างยากที่คนอื่นจะเข้าถึง’
   
     
       เสียงเล่าลือถึงภาพเขียนของอังคารที่ซื้อขายกันในระดับหลักล้าน
หากอีกด้านหนึ่งของชีวิตกวีและศิลปินในเมืองไทย
ใครจะรู้บ้างว่า-ในวันที่ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล ครั้งนั้น…
ครอบครัวเขามีเงินติดตัวเพียงห้าร้อยบาท
อย่าว่าแต่จะเอ่ยถึงเงินแสนที่หมอบอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเลย
       
       หากวันเวลาเหล่านั้นก็ผ่านพ้นมาได้
ด้วยความช่วยเหลือจากมิตรสหาย
และที่สำคัญคือ ความรักจากคนรอบตัว
ทั้งคู่ชีวิตนาม ‘อุ่นเรือน’ ผู้เป็นภรรยา
รวมทั้งลูกชายลูกสาวทั้งสาม ภูหลวง, อ้อมแก้ว และ วิศาขา
       
       11 กุมภาพันธ์ ก่อนครบรอบวันเกิดของอังคาร กัลยาณพงศ์เพียงไม่กี่วัน
กลุ่มลูกขุนน้ำและกลุ่มคีรีวงเพื่อความยั่งยืน
แห่งบ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมใจกันจัดงาน
แสดงมุทิตาจิตเพื่อเป็นเกียรติแก่กวีซีไรต์และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์
ผู้ซึ่งเป็นคนดีศรีธรรมราช อันเป็นการเดินทางกลับสู่บ้านเกิดครั้งแรก
ในรอบหลายปีของกวีรัตนโกสินทร์ผู้นี้

 
       เขาหลงใหลในกาพย์กลอนตั้งแต่เป็นนักเรียนชั้นประถม
เขาชอบอ่านวรรณคดีเรื่อง รามเกียรติ์, อิเหนา, ขุนช้างขุนแผน มาตั้งแต่เด็ก
นอกจากชอบอ่านหนังสือแล้ว อังคารยังชอบวาดรูป
และเล่นสร้างโบสถ์ เจดีย์ ทำกำแพงที่ใต้ถุนบ้าน

ซึ่งต่อมาภายหลังเขาก็ได้เข้ามาเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง
และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ในคณะประติมากรรม
รุ่นเดียวกับอาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ, อาจารย์ประยูร อุลุชาฎะ (น. ณ ปากน้ำ)
ซึ่งต่อมาท่านเหล่านี้ได้กลายเป็นเสาหลักแห่งแวดวงศิลปวัฒนธรรมไทย
       
ท่านอังคารยังได้ออกไปช่วยอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์
คัดลอกภาพจิตรกรรมโบราณตามเมืองสำคัญต่างๆ เช่น
อยุธยา, สุโขทัย, ศรีสัชนาลัย, เพชรบุรี เป็นต้น
ต่อมาได้พบกับ ส.ศิวรักษ์ ผู้ก่อตั้งหนังสือ ‘สังคมศาสตร์ปริทัศน์’
ซึ่งได้รวบรวมและตีพิมพ์เผยแพร่บทกวีของอังคารเป็นเล่มครั้งแรก
ต่อสาธารณชนตั้งแต่ พ.ศ.2507 เป็นต้นมา
ซึ่งก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากนักเลงกลอนและผู้อ่าน
อันเนื่องมาจากบทกวีแนวแหวกฉันทลักษณ์ของเขา

        อุ่นเรือน กัลยาณพงศ์ ภรรยาคู่ชีวิตของกวี
เล่าว่าเมื่อกลับจากการแต่งงานที่โคราชทั้งคู่เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ 200 บาท
โดย ส.ศิวรักษ์ได้ซื้อที่ดินย่านฝั่งธนฯ 100 ตร.ว. มอบให้เป็นของขวัญแต่งงานแก่ทั้งคู่
       
       “ตอนนั้นรูปท่านอังคารยังขายไม่ได้เหมือนในปัจจุบันนี้
รูปเพิ่งขึ้นราคามาแพงพอที่พวกเราจะอยู่ได้เมื่อ 10 กว่าปีมานี้เอง
แต่ดิฉันอยู่กับท่านอังคารมา 30 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาฯ ปี 17
แต่ก่อนรูปละ 150 บาท ท่านอังคารก็ได้ค่าเรื่องจากบทกวีบ้าง
ได้ค่ารูปจากเพื่อนอาจารย์บ้าง
ด้วยความจำเป็นของชีวิตพอมาอยู่กับท่านอังคาร
ก็ทำให้ดิฉันสำเร็จลัทธิเซ็น จากปากซอยไปหลังซอย
 เอาข้าวสารเอากับข้าวมาก่อน สิ้นเดือนค่อยหาเงินจ่ายให้เขา”

คุณอุ่นเรือนเล่าพลางหัวเราะร่วนเมื่อคิดถึงความหลัง


       เขียนบทกวีรักที่จับใจคนอ่านมาก็มาก
เมื่อเอ่ยถามถึงทัศนะความรักของอังคาร กัลยาณพงศ์ เขาตอบว่า
“หัวใจมนุษย์มันเต็มไปด้วยความบกพร่อง
ความรักมันเป็นอะไรก็ไม่รู้แต่มันมาเติมให้หัวใจนี้เต็มเปี่ยม
แก้วชีวิตของมนุษย์ที่มันไม่เต็ม ความรักมันมาเติม
ให้เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีก็ได้ ไปด้วยความเมตตากรุณาก็ได้
ทำให้แก้วมณีเรามีรุ้ง
ในวัยหนุ่มสาวจริงๆ เราไม่รู้จักหรอก เรารู้จักแต่เซ็กซ์
แต่พอเราเป็นพ่อแม่คนแล้ว ความรักจะกลายเป็นความเมตตากรุณา
ก็เหมือนเราเป็นต้นโพธิ์แล้วออกลูกนกก็มากิน
ต้นโพธิ์ก็มีใจคิดแล้วว่านกเป็นเหมือนลูก ไม่คิดจะแต่งงานกับนกหรอก”

       
       “เราจะพูดกับหัวใจว่าเรารักไม่รัก หัวใจก็ยังเต้นในอกของเรา
มันก็เต้นให้ชีวิตเราดำรงอยู่ได้ บางทีความรักมันก็แก่ชราลงไป
บางทีคนรักเกรี้ยวกราดมากก็เหมือนมีเมฆมาบดบังแสงจันทร์
แต่เมื่อเมฆหายไปแล้วความรักหรือความหลังมันก็รื้อฟื้นขึ้นมาได้
น้ำตาถ้าหยดลงในมหาสมุทรมันลอยขึ้นเป็นเมฆ
เมฆนี้ก็ตกมาเป็นฝน ดีไม่ดีมาเข้าสายตาเป็นน้ำตาตามเดิม
มันหมุนเวียนเป็นวงกลม
ความรักคือความรู้สึกของหัวใจที่เดินเป็นเส้นวงกลม
มันจะไปไหนสุดท้ายก็เดินเป็นเส้นวงกลมมาที่หัวใจตามเดิม”


*** ทุกวันนี้ท่านอังคารยังติดตามข่าวสาร
และความเป็นไปของบ้านเมืองมิได้ขาด
บ้านเลขที่ 66 หลังนี้จะรับหนังสือพิมพ์ทุกเช้า
วันละหลายฉบับ
รวมถึงนิตยสารประเภทวิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์
และข่าวสารการเมืองทางช่องเอเอสทีวี
ที่เจ้าของบ้านทั้งสองติดตามเป็นประจำ
 
     
       “ประชาธิปไตยของเรานี่วิปริต แต่ก่อนมีพระเจ้าเสือองค์เดียว
เดี๋ยวนี้ตามหัวเมืองตำรวจยิ่งกว่าพระเจ้าเสืออีก
พอเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย พระเจ้าแผ่นดินอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
อำนาจบริหาร ตุลาการ มันไปลงอยู่ที่ตำรวจหมด
อำนาจไปอยู่ในมือคนในเครื่องแบบเป็นแสนๆ ทั้งสิบเอก สิบโท
ตามต่างจังหวัดยิ่งกว่าพระเจ้าเสืออีก
ประชาธิปไตยของเรานี่วิปริต แต่เรามองไม่เห็น
เหมือนเปลือกไข่เป็นหนามแทงเอาลูกไก่เอง
ถ้าเปลือกไข่เป็นแบบเปลือกทุเรียนแต่มันกลับเข้าข้างในมันก็ทิ่มเอาลูกไก่
นั่นแหละประชาธิปไตยของเราก็อย่างนั้น”

       
     ในวัย 81 ปี ท่านอังคารยังมีความทรงจำแม่นยำ
ราวกล้องถ่ายภาพที่บันทึกทุกอย่างไว้ในสมอง
ด้วยเขายึดมั่นว่าคุณสมบัติของงานจะแบ่งขั้นของมนุษย์
ฉะนั้น ความจำจึงเป็นสิ่งมีค่าในการมีชีวิตอยู่
“ถ้าเราเลอะเลือนก็แย่สิ เวลาที่เรามีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ปี
เท่ากับเราแก่มะพร้าวเฒ่ามะละกอ หาแก่นสารไม่ได้”

       
       หลายครั้งของบทสนทนา ท่านอังคารชักชวนให้หยุดฟังเสียงนกร้อง
และแมลงไพรขับขานด้วยแววตาอ่อนละมุน
ด้วยจิตวิญญาณกวีที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
       
       ในวัยวันสู่ปีที่ 81 ของชีวิต
กวีนามอังคาร กัลยาณพงศ์ ยังคงยืนยัน
และยืนหยัดว่าชาติที่แล้วเขาเป็นกวี
ชาตินี้ก็เป็นกวี และชาติหน้าเขาก็ยังคงจะเป็นกวีอีกต่อไป
เพราะ “กวีเป็นผู้แปลความหมายของยูนิเวิร์ส
ทำให้จักรวาลนี้มีความหมาย จักรวาลเขาสร้างทางช้างเผือก
เขาสร้างดวงอาทิตย์ เวลาเดียวกันเขาสร้างโลกมนุษย์
เขาก็สร้างอังคารขึ้นมาด้วย
ให้อังคารเข้าใจธรรมชาติของดอกไม้ ของอากาศ

ถ้าไม่มีอังคารใครจะบรรยายกลิ่นหอมของดอกจันทน์กะพ้อ
ว่าเป็นกลิ่นของสุโขทัย กวีมันเป็นเส้นประสาทของจักรวาล”



( เรียบเรียงข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ ผู้จัดการรายวัน 14 กุมภาพันธ์ 2550 )

 

สุขใจในวันแห่งความรักค่ะ

ขอให้มีความสุขมากๆ..จากความรักนะคะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์เม้ง

มีดอกไม้ ต้น ราก ใบ กิ่งก้านมาฝาก

ถ่ายมาจากวัดป่าดาราภิรมย์ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ค่ะ

P1000419

  • ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปินท่านนี้ค่ะ
  • คุณจันทรรัตน์ ขา ดอกอะไรค่ะดูสวยระรื่นตาดีจังค่ะ
  • ขอให้ทุกคนมีรักเต็มหัวใจ สดใสๆๆ ค่ะ

สวัสดีครับพี่ อุบล จ๋วงพานิช  พี่ จันทรรัตน์ และคุณlilygroup

  • ขอบคุณมากๆ นะครับ สำหรับคำอวยพร และดอกไม้สวยจังครับ เย็นตาสบายใจ ร่มรื่นจังครับ
  • ใช่ครับคุณลิลลี่ ผมก็ชอบการแต่งแนวๆ นี้ครับ โดนดีครับ จินตนาการโลดลิ่วมากๆ เลยครับผม
  • ขอให้มีความสุขตลอดไปครับ ทุกๆ วันครับ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท