21. มิตรภาพจากนักวิชาการชาวอินเดีย


มิตรภาพสำคัญกว่าเงิน

                

                                       

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 วันสุดท้ายของการประชุม เช้าอาบน้ำ

แต่งตัวเสร็จ จัดกระเป๋าเรียบร้อย ออกมาเดินเล่น จนได้

เวลาอาหารไปทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ไปดูที่ห้องทำงาน

ของเจ้าหน้าที่เพื่อจะชำระเงิน เขาถามว่าของ Deccan 

ใช่ไหม ฉันบอกใช่ เขาบอกไม่ต้องชำระ ฉันถามว่า

ไปชำระที่วิทยาลัยหรือ เขาพยักหน้า ฉันเอากระเป๋า

ออกมาแล้วคืนกุญแจให้ ลากกระเป๋าไปรอรถที่หน้า

อาคาร พบProf. N ผู้จัดก็บอกแกว่าขอชำระค่าที่พัก

แกบอกไม่ต้อง เป็นอภินันทนาการที่เจ้าภาพออกให้

ฉันก็ขอบคุณเสร็จแล้วนั่งรถไปถึงที่ Deccan วันนี้ได้

นั่งหน้าเบียดมากับคุณส้ม (ภรรยา Prof. Diffloth)

ทำให้เห็นบรรยากาศสองข้างทางชัดกว่าทุกวัน รถติด

ตามเคย มาถึงเอากระเป๋าไปฝากไว้ วันนี้ฉันไปนั่ง

ฟังนักวิชาการญี่ปุ่นเสนองาน มีคนหนึ่งทำภาษามุนดา

และแต่งงานกับหญิงมุนดาอยู่ที่หมู่บ้านเลย (ลงทุนน่าดู)

กลุ่มนักวิชาการญี่ปุ่นสามคนไปไหนไปด้วยกันไม่แยก

กันเลย วันนี้ Prof. Diffloth สุขภาพไม่ค่อยดี ฉันทราบ

ตอนพักทานของว่างว่าอาจารย์อาเจียน ภรรยากำลัง

ดูแลอยู่ฉันจึงไปดูเห็นอาจารย์นั่งอยู่ที่โคนต้นไม้

จึงบอกให้ภรรยาพาท่านไปนอนพักในห้องรับแขกของ

คณะดีกว่า น้องคนไทยก็วิ่งไปที่ห้องพักเอาชุดยาสามัญ

ที่มีอยู่มาให้ มีเกลือแร่ก็ชงให้อาจารย์ทาน อาจารย์

นอนพัก ฉันนั่งเป็นเพื่อนภรรยาอาจารย์ในห้องสักพัก

มีคนมาถามว่ามีชาวฝรั่งเศสอยากซื้อหนังสือใช่ไหม

ฉันบอกว่าอาจารย์ไม่สบาย ฉันขอไปดูแทนว่าอะไร

ชายคนนั้นพาไปที่ทำการอาคารเก่าที่อยู่ตรงข้าม

ขึ้นบันไดวนแคบๆ เก่าๆ ขึ้นไปตึกทรงอังกฤษ

บรรยากาศเก๋ามาก สภาพเป็นอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น

ต้องทำใจกับบรรยากาศห้องทำงานแบบที่เรา

ไม่เคยเห็นในเมืองไทย เขาเอารายการหนังสือพร้อม

ตัวอย่างมาให้ดู ฉันก็เลือกซื้อเป็นบางเล่ม สักพักเพื่อนๆ

ฝรั่งตามขึ้นมาซื้ออีกสองสามคนๆ ขายก็ละเอียดจด

ด้วยมือว่าซื้ออะไรไปบ้างเพื่อจะเอาไปเขียนใบเสร็จให้

ทีหลัง จนบัดนี้ฉันยังไม่ได้ใบเสร็จเลย แต่หนังสือไม่

กี่ร้อยรูปี เพราะหอบไม่ไหวแล้ว กลับลงมา แวะไปบอก

ภรรยาอาจารย์ๆ ตื่นพอดี บอกไปดูหนังสือไหว ภรรยา

แกพาไป ฉันฝากน้องๆ คนไทยให้ช่วยดูแลอาจารย์ด้วย

เขาอาสาไปต้มข้าวต้มที่ห้องพักเอามาให้อาจารย์ทาน

ฉันไปทานข้าวก่อนเวลาเล็กน้อยพร้อมน้องๆคนไทย

เสร็จแล้วน้องคนหนึ่งออกไปเรียกรถตุ๊กๆเข้ามา

ปรากฎว่าเขาเรียกแพง น้องคนไทยต่อรองด้วยภาษา

ฮินดีไม่ได้แกโมโห บอกไม่ไปแล้วให้เขาขับรถเปล่า

ออกไป เขาทำท่าจะเปลี่ยนใจแต่น้องไม่สนใจแล้ว

ซ้อนรถเครื่องกันออกไปเรียกมาให้อีกคัน คราวนี้ได้

ตามราคาที่ตกลงคือ 100 รูปีไปสนามบิน น้องคนหนึ่ง

นั่งไปกับฉัน  อีกคนขี่รถเครื่องตามไป สองสาวน้อยนี้

เก่งและแกร่งมากเถียงกับแขกเป็นฮินดีได้สบาย

ใช้เวลาราว 20 นาทีถึงสนามบิน ล่ำลากันแล้วน้อง

ก็ขี่รถเครื่องกลับ

ฉันก็เข็นรถเข้าไปที่เคาน์เตอร์ Spicejet ที่แคบมาก

พอจะชั่งกระเป๋าเจ้าหน้าที่บอกเอาไปผ่านเครื่อง

เอกซ์เรย์ก่อน ฉันผิดอีกแล้วที่มองไม่เห็นเครื่อง

เอกซ์เรย์ ก็ต้องเสียเวลาไปทำตรงนั้นพร้อมติดสติกเกอร์

ของสายการบินเรียบร้อยมาต่อคิวเช็คอินใหม่

เสร็จแล้วไปผ่านเอกซ์เรย์อีกครั้งพร้อมตรวจร่างกาย

เจ้าหน้าที่ประทับตราผ่านการตรวจแล้วออกมานั่งรอราว

สองชั่วโมง  ชะเง้อไปมาเพราะไม่บอกว่าออกประตูไหน

 

นั่งรอไม่ห่างจากจอทีวีที่แจ้งสายการบินจนได้เวลาก็ไป

ขึ้นเครื่อง เหมือนขามาคือเดินไปขึ้นเครื่อง บางส่วนก็

นั่งรถไป เครื่องบินแล่นตามรันเวย์แถวๆ นั้น ดูพลุกพล่าน

หวาดเสียวดีแฮะ ฉันได้ที่นั่งเดิม ที่นั่งตรงกลางว่างจึง

วางสมบัติได้ คราวนี้มาถึงเชนไนราว 18.30 น. รอรับ

กระเป๋าเสร็จลากออกมาเจอผู้ปกครองคุณ S และภรรยา

น่ารัก สวยขำ ยังไม่เคยรู้จักกัน คนขับที่นุ่งโสร่งพับครึ่ง

ขับรถมาจอด ขนกระเป๋าขึ้นท้ายรถ

ฉันนั่งไปกับภรรยาคุณ S ส่วนคุณ S ฉันก็คุยกันไป

ตลอดทาง คุยเรื่องที่ไปพบเจอจากการประชุม รถติด

อีกเช่นเคย กว่าจะไปถึงบ้าน Dr. P พี่สาวฉันก็กิน

เวลาโขเกือบสองทุ่ม กลับถึงบ้านสวัสดีกัน

เอากระเป๋าไปไว้ในห้อง คุณ K คุณ V และลูกสาวมา

พร้อมหนังสืออีกกระเป๋าเพื่อให้ฉันเลือกซื้อ ฉันเลือกไว้

บางส่วนชำระเงินแกออกใบเสร็จให้ แล้วพวกเราไปที่ร้าน

อาหารซึ่งฉันขอเชิญเพื่อนๆ ทุกคนไปรวมกัน พี่สาว

แต่งตัวสวยรออยู่แล้วไปด้วยกัน คราวนี้พี่สาวพูดภาษา

ทมิฬคุยไปตลอดทาง

                         

ไปถึงร้านอาหารคนเยอะมาก ร้านนี้ฉันเคยมาทานครั้งหนึ่งแล้ว

เป็นร้านยอดฮิต เราไปถึงเจอเพื่อนๆ มากันครบแล้ว มีการมอบ

ของที่ระลึกให้ฉันและถ่ายภาพร่วมกัน แนะนำให้รู้จักกันจนครบ

เสร็จแล้วไปห้องอาหารห้องแรกคนแน่นมาก ต้องถอยไปอีกห้อง

โชคดีมีโต๊ะเหลือพอที่พวกเราหว่าสิบคนนั่งได้ ฉันสั่งอาหารชุด

เหมือนเพื่อนๆ วันนี้รู้สึกอาหารอร่อย (คงหิว) ทานไปคุยไป

เพื่อนๆทานด้วยมืออย่างเอร็ดอร่อย ไม่นานก็ทานเสร็จ ฉันหลบ

ออกมาทำทีไปล้างมือ แต่แอบไปชำระเงินเพราะเกรงว่าเพื่อน

จะไปชำระเสียก่อน กลับมานั่งมีไอศครีม และหมากหอมดับ

กลิ่นของอินเดียเสริฟ ทานเสร็จล่ำลากัน ขอบคุณกัน แล้ว

แยกย้ายกันกลับ ขากลับพี่สาวฉันนั่งคุยมาตลอดทางอีกเช่นเดิม

คุณ S และภรรยาตามขึ้นมานั่งคุยต่อ พี่สาวฉันเข้าห้องไปได้ยิน

ค้นของ เปิดตู้ สักพักออกมาพร้อมกับตลับทองเหลืองใส่ผงสีแดง

ที่ใช้เจิมหน้าผาก แกนำมาใส่ถาดบนผ้าแดงมอบให้ภรรยาคุณ S

ภรรยาก็แต้มผงฝุ่นเจิมที่หน้าตัวเองแล้วรับของในถาดไว้เป็น

ที่ระลึกเป็นการแสดงมิตรภาพที่น่ารักดี พี่สาวก็ให้ตลับแบบนี้

กับฉันด้วย คุณ S นัดว่าพรุ่งนี้จะมารับไปสนามบินราว 7.30 น.

เสร็จแล้วสามี ภรรยาลากลับ สักพักคุณ K หากล่องมาให้

แกมาช่วยจัด มัดห่อจนเรียบร้อย ฉันฝากกระเป๋าที่ได้จากการ

ประชุมให้แกไปใช้เพราะหอบกลับไม่ไหว อีกอย่างเราก็มีใช้

มากมายแล้ว เสร็จแล้วขอบคุณแกๆ ลากลับ ฉันเก็บข้าวของ

หมายเลขบันทึก: 163622เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2008 00:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ชอบใจตรงหนังสือที่อินเดียราคาถูกมากนะครับ เป็นสวรรค์ของนักอ่านจริงๆ

อ่านเรื่องเล่าแล้วสนุกดี

ขอบคุณมากครับ

 

  • ครูอ้อยมาอ่าน และส่งกำลังใจให้นะคะ
  • รออ่านเรื่องต่อไปอย่างตั้งใจค่ะ

เรียน คุณพลเดช ที่เคารพ

เรียน ครูอ้อย ที่นับถือ

      ขอบพระคุณมากค่ะที่ติดตาม เรื่องเก่าจวนจบแล้วค่ะ ดิฉันคงต้องหาความรู้อื่นเกี่ยวกับอินเดียมาแลกเปลี่ยนกับท่านด้วยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท