KM . 33 หายหน้า หายตา ไปศึกษา และปฏิบัติการล้างพิษ


ทุกคนที่อยู่ในโลกปัจจุบันได้รับพิษกันถ้วนทั่ว แต่จะมีมากน้อยก็แล้วแต่ และขึ้นกับระดับความรู้สึกที่ไวพอ และจุดอ่อนในร่างกายมีมากน้อยแค่ไหน

         เมื่ออะไรๆ เริ่มดีขึ้น จากการศึกษาหาความรู้และการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง การปฏิบัติการกับลูกและสหาย  จึงได้เวลาบอกเล่าสิ่งดีๆ

     img216/6736/wedding101ed3.png   

        ช่วงที่ผ่านมาฉันศึกษาเกี่ยวกับอาการภูมิแพ้ค่อนข้างมากเนื่องจากมีข้อสงสัยหลายอย่างประกอบกับได้องค์ความรู้เรื่องการแพ้อาหารแบบสะสม ซึ่งฉันแพ้ไป 10 กว่าตัว จากการตรวจ 150 ชนิด ร่วมด้วยสารปรุงแต่งและสารสังเคราะห์ อีก 20 ชนิดเป็น 170 ชนิด ส่วนน้องอินแพ้ไป 30 กว่าตัว (ซึ่งเป็นเหตุให้ฉันต้องการที่จะรักษา และให้เขาดูแลตัวเอง ป้องกันความก้าวหน้าของโรคที่จะเป็นภูมิไวเกิน, SLE,  ซีสต์ หรือมะเร็ง ในอนาคต ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี)  สุดท้ายฉันต้องไปศึกษาเรื่องการล้างพิษ และเหตุแห่งพิษ อันสอดคล้องกับปัญหาด้านสุขภาพที่ปัจจุบัน เราเริ่มรู้กันว่า ผู้คนเป็นภูมิแพ้กันมากขึ้น (แต่ไม่คิดว่าเป็นปัญหาเพราะรู้สึกว่าโรคนี้มันเล็กน้อย) เราเริ่มเห็นสถิติโรคมะเร็งมากขึ้นอย่างน่าใจหาย จนกระทรวงสาธารณสุข ต้องวางนโยบายเรื่องการคัดกรองเพื่อให้คนตรวจกันตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ก็จะพบว่า คนใกล้ตัวเรา ในชุมชนของเรา เป็นมะเร็งกันเป็นว่าเล่น ด้วยอายุที่ยังน้อย  เกิดอะไรขึ้นหรือ หลายๆคนคงไม่คิดหรอก ว่าคนที่แพ้ง่าย จะเป็นซีสต์หรือเป็นมะเร็งง่าย มันจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่อย่างไร และบางทีก็เป็นเหตุให้เกิดเป็นเบาหวานต่อไปได้ง่าย ความจำเสื่อมง่าย หรือโรคอื่นๆ อีก 108 เพราะมันเกี่ยวข้องกับระบบใหญ่ของร่างกายเช่นระบบทางเดินอาหาร สู่ระบบไหลเวียนโลหิต อันจะมีผลต่อสมอง และอวัยวะสำคัญๆ แล้วเรื่องพิษและการล้างพิษมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย (เกี่ยวซิ เพราะนี่แหละตัวดี ก่อให้เกิดอาการแพ้ และแพ้มากขึ้นๆ) ซึ่งอันนี้คงต้องศึกษากันอย่างละเอียด และฉันคงบอกอะไรได้ไม่มาก เพียงแค่ บันทึกน้อยๆ ณ ที่แห่งนี้


 
         ผู้ใหญ่หลายคนมักพูดว่า “สมัยก่อนไม่เห็นเป็นกันแบบนี้ ภูมิแพ้ โรคกระดูก มะเร็ง ทั้งๆที่อายุยังน้อยกันอยู่ บางคนเสียชีวิตก่อนพ่อแม่เสียอีก”  ฉันก็สงสัยเหมือนกัน จริงๆแล้วฉันก็ยังไม่แก่ ก่อนหน้านี้บางทีก็ปวดเข่ามากๆ หรือปวดข้อเท้ามาก แล้วก็หายไปเอง โดยที่ไม่รู้สาเหตุ  แต่วันนี้ฉันรู้มากขึ้นแล้ว  ดีใจจัง

img228/4483/klae01vi4.gif

         สิ่งดีๆ หรือ “เมื่ออะไรๆ เริ่มดีขึ้น” ของฉัน หลังจากที่รู้ว่าตัวเองแพ้อะไร รู้ว่าชีวิตปัจจุบันฉันได้รับพิษไปเยอะมากๆ และปฏิบัติการล้างพิษด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดแบบองค์รวมด้วยตัวเองในชีวิตประจำวัน   เป็นสิ่งที่อยากบอกเล่าเพราะแม้แต่เพื่อนๆ ก็เจอปัญหา และขอปรึกษาอยากดูแลตัวเอง  ในขณะที่หลายๆ คนไม่รู้  ลองมาดูสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับฉันในทางที่ดี ในระยะ  2 เดือนมานี้ ดูสิ


 ฉันไม่ต้องกินยาแก้แพ้ก่อนนอนวันละ 2 เม็ดแล้ว


• เดี๋ยวนี้ฉันไม่เมารถที่เคยเป็นอย่างมากมาย ฉันนั่งรถบัสไปอบรมที่สระบุรีกับเจ้าหน้าที่อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องรับประทานยา


• ฉันไม่มีอาการท้องอืด คลื่นไส้ ปวดเสียดท้องอีกแล้ว


• ฉันไม่เป็นสิวก่อนมีประจำเดือน


• ฉันไม่ปวดศีรษะ มีบางวันที่มึนศีรษะเล็กน้อยก่อนเป็นประจำเดือน


 ฉันไม่มีอาการปวดท้อง และไม่หงุดหงิดหรืออารมณ์แปรปรวนจิตตกก่อนมีประจำเดือนแล้ว


• ฉันน้ำหนักลดลง ใส่เสื้อผ้าสมัยยังสาว ( 15 ปีที่แล้ว)ได้เลย โดยที่แข็งแรง ออกกำลังกายเช่นเต้นแอโรบิคก็ไม่มีอาการหน้ามืด (ซึ่งเคยเป็นเวลาจะเป็นประจำเดือน)


• นอนหลับสบายดี


• ขับถ่ายประจำวันดีมากๆ


         ทั้งนี้ในส่วนของอาการปวดมึนศีรษะ ง่วง เพลีย รวมทั้งการมึนและปวดศีรษะเมื่อเมารถ มาจากการที่ฉันมีการแพ้อาหารหลายๆอย่างแบบสะสมซึ่งเท่ากับว่าฉันได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำโดยไม่รู้ตัวนั้น  ส่งผลกับระบบย่อยอาหารและระบบเลือดในร่างกาย จนมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงของฉันซ้อนตัวกันเป็นลูกโซ่และเป็นกลุ่มก้อน (จากการตรวจ Live Blood Analysis) ซึ่งทำให้การเดินทางนำอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆที่จำเป็นเป็นไปได้ยากยิ่งซึ่งรวมทั้งเซลล์สมองและเซลล์ประสาทด้วย) ลองคิดดู ถ้าฉันยังไม่รู้  แก่ตัวไปฉันคงเป็นอัลไซเมอร์ก่อนใครเลย  (ถ้ายังไม่เป็นมะเร็งไปเสียก่อน)

 

ฉันขอสรุปหลักของเรื่องนี้พอสังเขป ที่ฉันสรุปมาได้และคิดว่าทุกๆคนควรรู้


        1. ร่างกายของคนเราจะมีกลไกในการล้างพิษ (detoxification: การขับสารพิษออกจากร่างกาย) ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่มีมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้ซึ่งมีอวัยวะหรือ เซลล์ ทำหน้าที่ของมันอยู่หลายกระบวนการและหลายระดับ เพราะชีวิตตั้งแต่ระดับ เซลล์จนถึงขึ้นเป็นคนขึ้นมา 1 ชีวิต ต้องมีการหายใจ การกินอาหารและการขับถ่ายของเสียออกมา

        2. โลกปัจจุบัน สร้างพิษให้กับร่างกายของเราชนิดที่ร่างกายของเราไม่สามารถกำจัดได้ตามปกติ เพราะ น้ำมือของเราเอง และอยู่ในชีวิตประจำวันของเราซะจนเราไม่รู้อีกว่านั่นเรากำลังรับพิษไปให้ร่างกายของเราเต็มๆ บางครั้งเรายังเห็นผิดเป็นชอบคิดว่านั่นคือการมอบสิ่งดีๆให้กับร่างกายด้วยซ้ำ แต่จริงๆ แล้วกลับตรงกันข้าม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ เมื่อเราเติมพิษให้กับร่างกายทุกวัน จนอวัยวะกำจัดสารพิษตามปกติทำงานไม่ไหว หรือไม่สำเร็จ

        3. อาการที่เกิดจากสารพิษคั่งค้างในร่างกาย หรือร่างกายไม่สามารถขับพิษออกได้ตามปกติเนื่องจากมันมากเกินไปหรือสิ่งที่จะเป็นตัวช่วยขับออกมีปัญหา (มักไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่ารับได้รับสารประเภทไหนมาก หรือมีจุดอ่อนของชีวิตตรงไหน และเรามีความไวกับสารต่างๆ ที่ต่างกัน บางคนเป็นน้อยเพราะความรู้สึกไม่ไวพอ) ส่วนอาการก็มีต่างๆ กันเช่น


• ปวดเมื่อยเนื้อตัวโดยไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาตื่นนอนตอนเช้า (ข้อนี้น้องเภสัชกร กัลยาณมิตรของฉันเป็นประจำก่อนหน้านี้โดยไม่รู้สาเหตุ)


• อ่อนเพลียง่าย กล้ามเนื้อไม่มีแรง ง่วงเหงาหาวนอน ไม่มีความกระตือรือร้น


• ปวดตามข้อต่างๆ ของร่างกาย อาจเป็นเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อก็ได้ (ข้อนี้น้องเภสัชก็เป็นอีกเช่นกัน ตอนเช้าๆ นี่แหละ)


• คันตามร่างกาย บางครั้งมีผื่นขึ้น หรือบางครั้งเป็นลมพิษ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (ข้อนี้ทั้งฉัน น้องเภสัช และน้องอิน ก็เป็นกันง่าย แต่ยังไม่ถึงขั้นลมพิษ)


• มีสิวตามใบหน้า แผ่นหลัง และต้นแขน ทั้งๆที่อายุมากแล้ว หรือเป็นสิวโดยไม่เกี่ยวข้องกับประจำเดือน  (ข้อนี้น้องอินดูจะเป็นมาก ส่วนฉันและน้องเภสัชเป็นเล็กน้อยเฉพาะจะมีประจำเดือน) ช่วงหลังของน้องอินพบว่ามีขึ้นที่เท้า หัวเข่า มือและข้อศอก


• มีกลิ่นตัวแรงกว่าเดิม (ข้อนี้ที่สังเกตคือเมื่อใดที่เครียดจัด หรืออารมณ์เสียมาก เราจะรู้สึกว่าเรามีกลิ่นตัวเล็กน้อย คนอื่นอาจจะไม่รู้สึกจากการสอบถาม แต่เราจะรู้ของเราเอง ส่วนน้องอินดูจะเป็นปัญหาในวัยประถมค่อนข้างมาก)


• มึนศีรษะ ปวดศีรษะ ไม่สดชื่นแจ่มใส  (ฉันและน้องอินเป็นบ่อย ๆ รวมทั้งเวลานั่งรถ ซึ่งก็คืออาการเมารถอย่างหนัก ส่วนน้องเภสัชปวดหัวแบบไมเกรนเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงไฟสีเหลืองในห้องประชุม และบางครั้งไม่รู้สาเหตุ)


• นอนไม่หลับ โดยไม่เคยเป็นมาก่อน (อันนี้ฉันก็เป็นบ่อย บางทีก็ตื่น ตี 2 ตี 3 )


• ลมในท้องมาก ท้องอืดเฟ้อ ถ่ายไม่สะดวก 


• ลมหายใจมีกลิ่นแรง มีกลิ่นปาก โดยที่ไม่ได้เป็นโรคทางเดินหายใจหรือ หรือโรคเหงือก


• เป็นหวัด คัดจมูกง่าย (นี่แหละที่ฉันเป็นแต่เด็ก)


• อ้วนขึ้น พยายามจำกัดอาหารแล้วน้ำหนักไม่ยอมลด


• ตรวจพบไขมันในเลือดสูง ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้กินอะไรมันๆ (ข้อนี้ฉันพึ่งเป็นจากการตรวจสุขภาพในปีที่ผ่านมา เป็นเหตุให้สงสัยอย่างมากเพราะดูแลตัวเองดีมาตลอดรู้ว่าอะไรควรกิน กินแค่ไหน และออกกำลังกายอย่างดี เป็นเหตุให้ต้องศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงๆจัง และกระจ่างมากเมื่อรู้เรื่องการแพ้อาหารของตัวเองคือไข่แดง และย้อนกับไปวิเคราะห์ช่วงก่อนตรวจเลือดสัปดาห์นั้นฉันได้ไข่ต่อกัน 3 วันโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้)

img228/9419/mis33qd1.gif

        ฉันรับรองได้ว่าทุกคนที่อยู่ในโลกปัจจุบันได้รับพิษกันถ้วนทั่ว แต่จะมีมากน้อยก็แล้วแต่ และขึ้นกับระดับความรู้สึกที่ไวพอ และจุดอ่อนในร่างกายมีมากน้อยแค่ไหน แถมร่างกายยังมีกลไกในการห่อหุ้มพิษด้วยเซลล์ไขมันไว้อีก เลยยังไม่รู้กัน จะรู้อีกทีก็เมื่อปัญหาแก่ตัวเต็มที่แล้ว คือเป็นมะเร็ง ให้เห็นไปแล้วนั่นเอง (ซึ่งปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจากพิษที่เรียกว่าสารอนุมูลอิสระ ที่หลายๆคน ก็ยังไม่รู้ในรายละเอียดว่ามันมีที่มาและเป็นไปอย่างไรในร่างกายเรา รวมทั้งฉันในช่วงก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน)

        บันทึกหน้าฉันจะมาเล่าใน 3 หัวข้อต่อไปนี้ให้ละเอียดขึ้นเพื่อจะได้พอเข้าใจและไปหาความรู้เพิ่มเติมต่อถ้าสนใจจริงๆ

4. สารพิษมาจากไหน (เราต้องรู้ และหลีกเลี่ยง หรือกำจัดออกจากชีวิตให้มากที่สุด ในส่วนที่หลีกไม่ได้ก็ต้องช่วยให้ร่างกายขับออก) ที่แน่ๆ ทุกวันนี้มีสารพิษที่เราได้รับและไม่รู้ว่าเป็นพิษต่อร่างกายอยู่เยอะมาก ทั้งในที่ทำงาน ห้องนอน ห้องครัวและแม้กระทั่งห้องอาบน้ำซึ่งเป็นห้องล้างพิษทางกายแท้ๆ  สำหรับบางคนที่ชีวิตที่ผ่านมามีปัญหาขั้นแพ้อาหารแบบสะสมไปบ้างแล้วเช่นฉันก็ต้องหลีกเลี่ยงประมาณ 3 เดือน จากนั้นค่อยๆปรับมารับมารับประทานกันใหม่   ทีละน้อยๆ 


5. ร่างกายล้างพิษทางใดบ้าง อันนี้สำคัญมาก เพราะเมื่อเรารู้ เราจะไปช่วยหรือเร่งอวัยเหล่านี้ในการขับพิษออกให้หมด ไม่ให้คั่งค้าง แล้วเราจะสบายขึ้น เจ็บป่วยจากอาการต่างๆ ที่กล่าวมาน้อยลงจนไม่มีเลย และภูมิคุ้มกันและภูมิชีวิตเราจะดีขึ้น ฉันรวมไว้แล้วก็ 6 หนทางด้วยกัน
5.1 ทางลมหายใจ
5.2 ทางไต
5.3 ทางระบบขับถ่ายอุจจาระ (ลำไส้)
5.4 ทางผิวหนัง (ต่อมเหงื่อ ต่อมน้ำมัน)
5.5 ทางระบบไหลเวียนของน้ำเหลือง
5.6 ทางตับ


6. เราจะช่วยร่างกายขจัดพิษที่คั่งค้างในร่างกายให้ออกไปก็ด้วยการเร่ง  6 กระบวนการนี้และเพิ่มเติมการล้างพิษที่จิตใจและจิตวิญญาณ เพื่อการสร้างภูมิชีวิตที่เข้มแข็ง รวมเป็น 8 หนทางล้างพิษ ที่เราทุกคนที่อยู่ในโลกยุคปัจจุบันควรรู้และควรทำเพื่อการดูแลกายและใจอันเป็นโครงสร้างสำคัญของชีวิตในการดำรงอยู่และเจริญพัฒนาต่อไปได้

 

        การสรุปมาครั้งนี้ และที่จะสรุปต่อในบันทึกหน้า หลายส่วนได้มาจากตำรา ได้แก่ หนังสือหลายเล่ม อาทิ
• คู่มือการล้างพิษ ( Detox Handbook) DR.JENNIFER HARPER ผู้เขียน นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ ผู้แปล
• ล้างพิษ 10 วัน  โดย พญ.ลลิตา ธีระสิริ
• และคู่มือล้างพิษอีกหลายเล่มของนายแพทย์บรรจบ ชุนหสวัสดิกุล
• รวมถึงการตรวจเลือด การได้รับคำปรึกษาจากนายแพทย์บัญชา แดงเนียมจาก Holistic Medical Centre
• และจากความเข้าใจในการศึกษาปัญหาของตนเองและลูกด้วย การทดลองทำด้วยตัวเอง

หมายเลขบันทึก: 162884เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2008 17:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 00:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะคุณแหวว

หายไปนานเลยค่ะ ไปล้างพิษมานี่เอง...สวยเชียวค่ะ ชอบใจจัง ^ ^

น่าสนใจนะคะ เบิร์ดติดตามมาตั้งแต่บันทึกว่าด้วยภูมิแพ้สะสมของคุณแหววแล้ว พอมาบันทึกนี้ยิ่งสนใจมากขึ้น คงต้องหาเวลาไปซื้อหนังสือเล่มที่คุณแหววแนะนำแล้ว..ในการล้างพิษทำอย่างไรบ้างคะ ใช้เวลาเท่าไหร่ ฯลฯ

ขอบคุณสำหรับการกลับมาและข้อมูลที่น่าสนใจนะคะ และยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ^ ^

 

VD311 วาเลนไทน์

สวัสดีค่ะคุณเบิร์ด

  • ชื่นใจจัง...แวะมาเยี่ยมพร้อมดอกไม้สีชมพู
  • ขอบคุณกับคำชื่นชมนะคะ
  • ช่วงนี้แหววพยายามทำ ตามแต่สถานการณ์ที่บ้านและชีวิตประจำวันจะทำได้ค่ะ...ไม่ยึดรูปแบบ (เพราะโอกาสยังไม่อำนวย) เลยหนักไปทางล้างพิษประจำวัน ซึ่งก็ทำทุกช่องทางเลย ตั้งแต่ 
  1. เรื่องการหายใจ (ปอด) ก็ฝึกหายใจเพื่อชีวิต (คล้ายๆ ฝึกลมปราณ) วันละ 2 ครั้งๆละ 5 นาที ช่วงก่อนนอนและตื่นนอนตามด้วยล้างพิษจิตใจ (นั่งสมาธิตามปกติ) ต่อด้วยล้างพิษจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องของจินตนาการหรือจะใช้เรื่องการสั่งจิตใต้สำนึกก็ได้
  2.  ทางไต ก็เพิ่มเรื่องการดื่มน้ำที่ต้องได้วันละ 2,000 ซีซี (ต้องมีเหยือกตั้งให้มองเห็น และเตือนตัวเองทุก 1 ช.ม.)
  3. ทางลำไส้ ล้างพิษประจำวันด้วย กินอาหารกากใยสูง ซึ่งทำอยู่แล้ว เพิ่มด้วยการกินเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชาชงในน้ำ 300 ซีซี ช่วงเย็น เพื่อทำความสะอาดลำไส้ทุกวัน  ส่วนตอนเช้าตื่นมา ก็ดื่มนำอุ่น 1 แก้วผสมน้ำมะนาวครึ่งลูก และเกลือ 1/4 ช้อนชา ทำทุกวันค่ะ และสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ สัปดาห์ละครั้งในวันหยุด (ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวด้วยอาหารเสริม และอื่นๆที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ถ้าคนไหนแพ้กาแฟก็ใช้ไม่ได้) นอกจากนี้แล้วก็ต้องมีอาหารเสริมเพื่อปรับสภาพลำไส้ที่มีปัญหาจากการรับอาหารที่แพ้สะสมมานานจนมีภาวะลำไส้รั่ว เช่น ขมิ้นชันแคปซูล, โอเมก้า 3 ,แบคทีเรียดี
  4. ทางผิวหนัง (ต้องออกกำลังกาย  หรือถ้ามีโอกาส ก็อบไอน้ำ อบสมุนไพร ซึ่งจะต่อด้วยช่องทางที่  5
  5. ทางระบบไหลเวียนน้ำเหลือง ซึ่งต้องใช้การถูตัว เพื่อรีดน้ำเหลืองตามร่างกายให้ไหลกลับมาที่หัวใจ เร่งการขับพิษ (อันนี้เห็นผลดีทีเดียว) ซึ่งมีท่าทางการถูตามแนวการเดินทางและบ่อพักน้ำเหลืองในร่างกาย ทำช่วงก่อนอาบน้ำและช่วงอาบน้ำ
  6. ทางตับ ทางนี้ต้องใช้อาหารเสริม หรืออาหารที่มีประโยชน์สูงหลายอย่าง โดยควบคู่กับคำแนะนำของแพทย์ เช่นวิตะมินซีปริมาณสูงกว่าปกติ, วิตะมิน A, E, ซีลีเนียม, สังกะสี, กลูทาไทโอน ฯลฯ (ขึ้นอยู่กับว่ามีพิษมากน้อยแค่ไหน จากปัญหาและอาการแสดง) เนื่องจากว่าตับทำหน้าที่ขับสารพิษ แต่เมื่อสารพิษมากเกินไปและเรารับประทานอาหารที่จะช่วยตับขับพิษได้น้อย จะกลายเป็นว่า สารพิษไปค้างเติ่งอยู่ในตับแทน  หรือคั่งค้างตามอวัยวะอื่นๆ ที่เป็นจุดอ่อนของแต่ละคน บางส่วนก็มีเซลล์ไขมันมาห่อหุ้มไว้ เมื่อใดที่มีการสลายไขมันของร่างกายสารพิษก็ออกมาท้นที่กระแสเลือด เจ้าตัวก็มีอาการสารพัด รวมถึงมีผื่นขึ้น คล้ายสิวที่ตัว เช่นหน้าอกหรือแผ่นหลัง หรือมีจุดแดง-ตุ่มขึ้นที่มือ เท้า ข้อศอก เข่า  หรือที่อื่นๆเช่น หน้า หนังศีรษะแล้วแต่โอกาส ซึ่งไม่เหมือนกันในแต่ละครั้งด้วยเช่นกัน (ช่วงนี้แหละที่ต้องช่วยขับพิษโดยเฉพาะการสวนล้างลำไส้ เพราะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว) ที่สำคัญคือ การออกกำลังกายเป็นตัวกระตุ้นการขับพิษได้ดีมาก ดังนั้นต้องทำอย่างถูต้อง เหมาะสม ทั้งประเภท แอโรบิค และประเภทโยคะ ซึ่งจะช่วยตับขับพิษได้ดีขึ้นค่ะ
  • นี่เพียงคร่าวๆ นะคะรายละเอียดเยอะมากๆ ขอเวลาเรียบเรียงและจะรีบลงในบันทึกหน้านะคะ เพื่อว่าจะได้ทำกันได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องรอให้มีปัญหามากมายจนแก้ลำบาก
  • แต่ถ้ามีเวลา อยากทำเต็มขั้น ก็มีสูตรล้างพิษ 10 วันของศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี จะทำเองที่บ้านซึ่งต้องมีการเตรียมทำอาหารเพื่อล้างพิษ หรือจะไปเข้าคอร์ส ก็ตามสะดวกของแต่ละคนค่ะ...
  • สรุปมาให้คร่าวๆ ถ้ายังหาหนังสืออ่านไม่ได้...(หนังสือบางเล่มก็หายากค่ะ..โชคดีที่มีกัลยาณมิตรส่งมาให้บ้าง)

สวัสดีค่ะP

ดีใจที่ กลับมาด้วยสุขภาพที่สดชื่นขึ้นนะคะ

อยากให้มาเยี่ยมด้วย คิดถึงค่ะ หายไปตั้งนาน

  • P
    26. รพีรรณ แพร บุญสอาด
    เมื่อ ส. 02 ก.พ. 2551 @ 14:41
    225678 [ลบ]
  • สวัสดีคะป้าแว๋ว

  •  กุหลาบแทนใจคะ สำหรับการกลับมาอีกครั้งของป้าแว๋วคะ
  • คิดถึงป้าแว๋วมาก ๆ เลยคะ
  • อ่านข้อความแล้ว แพรเข้าใจแล้วล่ะคะว่าป้าแว๋วยุ่ง ๆ อยู่
  • ป้าแว๋วก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ
  • รักเคารพและมาพร้อมกับคำว่าห่วงใยอยู่ตลอดเวลาคะ
  • ( สำหรับกุหลาบนี้ แทนความห่วงใยจากเด็กน้อยนะคะ )
  • ถ้าป้าแว๋วว่าง ๆ ก็แวะเวียนไปเที่ยวบล้อกแพรบ้างนะคะ
  • ( เพื่อแพรจะได้สะดวกในการเข้ามาชมบล็อกป้าแว๋วคะ )
  • ขอบพระคุณคะ

 

  • P
    26. รพีรรณ แพร บุญสอาด
    เมื่อ ส. 02 ก.พ. 2551 @ 14:41
    225678 [ลบ
  •   สวัสดีคะป้าแว๋ว
  •  
  •         กุหลาบแทนใจคะ สำหรับการกลับมาอีกครั้งของป้าแว๋วคะ
  •          คิดถึงป้าแว๋วมาก ๆ เลยคะ

  •      อ่านข้อความแล้ว แพรเข้าใจแล้วล่ะคะว่าป้าแว๋วยุ่ง ๆ อยู่
  •        ป้าแว๋วก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ

  •         รักเคารพและมาพร้อมกับคำว่าห่วงใยอยู่ตลอดเวลาคะ

  •      ( สำหรับกุหลาบนี้ แทนความห่วงใยจากเด็กน้อยนะคะ ) 

  •      ถ้าป้าแว๋วว่าง ๆ ก็แวะเวียนไปเที่ยวบล็อกแพรบ้างนะคะ

  •     ( เพื่อแพรจะได้สะดวกในการเข้ามาชมบล็อกป้าแว๋วคะ 

  •         ขอบพระคุณคะ
  • สวัสดีค่ะคุณพี่ P Sasinanda

คิดถึงเหมือนกันค่ะ...แต่ก็ต้องอดใจไว้...ด้วยหน้าที่เฉพาะหน้า ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวดีๆ มาฝากด้วย...

 

ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนที่ blog ตั้งนาน ก้าวหน้าไปมากๆ ต้องชื่นชมจริงๆนะเนี่ย และก็ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้ด้วย...ถูกใจค่ะ...

สวัสดีค่ะน้องแจ๋วแหวว หายไปนานจริงๆนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ใจคิดถึงกันอยู่เสมอๆ ยิ่งทราบว่าหายไปเรื่องดูแลสุขภาพทั้งของตัวเองและลูก แล้วยังได้นำมาเล่าแบ่งปันความรู้อย่างนี้ ต้องขอบคุณมากเลยค่ะ

ตั้งใจล้างพิษอย่างเอาจริงเอาจังถึงได้สวยปิ๊งอย่างในรูป ใช่หรือเปล่าคะ จะได้มีกำลังใจทำตามบ้าง^_^

  • หายไปนาน  กลับมาใหม่แล้วใสปิ๊งแถมมีของดีมาฝากพี่น้องแบบนี้สิถึงจะแน่จริง
  • ดีใจด้วยกับการค้นพบสิ่งที่ดีและขอให้ได้ผลดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
  • เป็นกำลังใจให้พี่แหวว  ว่าง ๆ ก็หาเวลาแวะเวียนเข้ามาบอกเล่าให้หายคิดถึงนะคะ
  • สวยจับใจจริง น้องแหววจ๋า
  • ดีใจด้วยนะคะ  ^___^

สวัสดีค่ะ พี่นุช P  คุณนายดอกเตอร์

 

  • ไม่ได้เข้าไปทักทายพี่นุชเลย แต่คิดถึงอยู่ค่ะ...และต้องไปแน่ๆอยู่แล้ว..เพราะรู้ว่ามีอะไรดีๆ รออยู่เสมอ
  • แหววคิดว่าการล้างพิษ เป็นสิ่งที่ดีกับสุขภาพ เพราะ ทำให้เราสบายกายและใจขึ้นมาก (แต่ต้องทำแบบองค์รวมจริงๆ และมีวินัยในตัวเองนะคะ) แล้วก็จะมีผลทางอ้อมอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงภายใน อารมณ์  บุคลิกภาพ สติและปัญญา ง่ายๆ ก็คือมีความสุขในชีวิตประจำวัน มีความสุขในการทำงานมากขึ้นค่ะ
  • แหววเริ่มเห็นปัญหาของคนทั่วไปในเรื่องสุขภาพเพราะการได้รับสิ่งแปลกปลอมหรือสารที่เป็นโทษต่อร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เจ้าตัวอาจมองไม่เห็น จึงอยากให้ทุกคนได้รู้และหันมาดูแลตัวเองกันให้มากขึ้น เพราะมันเป็นรากฐานของการที่จะดำรงอยู่พร้อมด้วยการดูแลบุคคลอันเป็นที่รักและสิ่งอื่นๆ รอบๆตัวอย่างมีความสุขในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ....เชิญชวนนะคะ...

สวัสดีค่ะ น้องรักษ์ P  RAK-NA

 

  • พี่แหววไปเห็นหน้าน้องรักษ์เต็มจอ อยู่ที่ Blog คุณอ้อยควั่นโน่นแน่ะ
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาให้กำลังใจบ่อยๆ รับรองว่าไม่หายไปหรอก แค่นานๆมาที...ก็ต้องใช้เวลานี่นา...ที่สำคัญ ก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพของทุกคนด้วย....อยากศึกษา อยากลอง จะได้องค์ความรู้มาบอกกัน ถึงแม้ว่าคนเราจะต่างกัน..ทำเหมือนกันไม่ได้..ก็ให้รู้ว่าเราต้องหมั่นสังเกตและดูแลตัวเองในแบบที่เหมาะกับเรา ..อย่าลืมนะคะ..ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยไม่ได้หมายความว่า..ทุกอย่าง OK บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่แสดงออกก็ได้ ที่แน่ๆ เดี๋ยวนี้น้องออกกำลังกายหรือยัง ..รึว่ายังต้องให้คนอื่นไปฉุด..ไปลาก  เหมือนเดิมคะ...อยากเชิญชวนค่ะ...ว่า...ทำหน่อยเถอะ....เพื่อตัวเองและเพื่อคนที่เรารัก..ในอนาคต...เป็นห่วงน่ะ...

สวัสดีค่ะ ป้าเจี๊ยบP  ป้าเจี๊ยบ

 

ขอบคุณค่ะกับการมาเยี่ยมเยือนและทักทาย...ขอบคุณกับคำชมด้วยค่ะ...(จะว่าไปก็เขินนะคะเนี่ย...)

  • พี่สาวเราหายไปนานแบบป้าเจี๊ยบบอกจริงๆด้วย
  • คิดถึงๆๆ
  • ทำไงดี
  • อยากไปเที่ยวอยุธยา
  • ต้องชวนพี่หมู พี่รุ่ง
  • ไปหาที่โรงพยาบาลดีไหม
  • แวะไปทักทายพี่นุชด้วยเสียเลย
  • อยากไปๆๆ

มาอวยพรค่ะ โชคดีๆๆค่ะ

สวัสดีค่ะคุณน้อง-อาจารย์ขจิตP  ขจิต ฝอยทอง

 

  • คิดถึงเหมือนกัน..
  • อยากไป...ทุกที่เลย...ไม่เหนื่อยเลยหรือ...เก่งมากๆ ล้นด้วยกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญาจริงๆ....ขอปรบมือให้
  • ไว้วันที่โอกาสดีๆงามๆ คงได้เจอกันค่ะ....น้องรัก

สวัสดีค่ะคุณพี่ P  Sasinanda

 

  • รับพรค่ะ...ขอบคุณนะคะ..ขอบคุณมากๆ
  • ขอให้พรดีงามนี้สะท้อนกลับไปที่ผู้ให้มากมายๆ ค่ะ..
  • HAPPY   VALENTINE ค่ะป้าแหวว
  • แพรขอให้ป้าแหววมีความสุขมาก ๆ นะคะ
  • ( แพรส่งกุหลาบแทนใจผ่านทางป้าตุ้ยไปให้แล้วนะคะป้าแหวว )
  • ขอโทษนะคะที่ไม่ได้นำไปมอบให้เอง
  • ดอกไม้ช่อนั้นเป็นสัญญาใจ แสดงความรัก ความผูกพันธ์ และความรู้สึกดี ๆ ที่แพรมีให้ป้าแหววเสมอคะ
  • ดอกไม้แทนใจคะป้าแหวว

 

 

 

ขอบคุณค่ะน้องรักษ์ P  RAK-NA และน้องแพร รพีพรรณ ที่นำดอกไม้และความรู้สึกดีๆ มามอบให้ ขอให้มีความสุขมากๆเช่นกันนะคะ และขออภัยที่มิได้ไปเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆด้วยค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท