บันทึกนี้..ยังแวะเวียนอยู่บนภูทับเบิก..
บริเวณจุดชมวิว “ภูทับเบิก”
มีร้านค้าของชาวเขาตั้งเรียงแถว
ป้าเจี๊ยบดำเนินนโยบายกระจายรายได้ที่นี่ด้วยการซื้อแครอทหัวเล็กๆ
น่ารักมา 1 ถุงสำหรับเป็นของกินเล่น
และถั่วหวาน 4 ขีด
(หน้าตาคล้ายถั่วลันเตาแต่อวบอ้วนกว่าและสีเขียวเข้ม)
สำหรับเอาไปให้ร้านอาหารที่อุทยานฯ น้ำหนาวผัดให้กินมื้อเย็น
(ปรากฏว่าคนอื่นๆ ในทีมทัวร์ไม่มีใครเคยกิน
พอกินแล้วบ่นว่าป้าเจี๊ยบซื้อมาน้อยเกินไป...)
นอกจากผักต่างๆ ก็มี สมุนไพร
ของที่ระลึก งานประดิษฐ์ และดอกไม้ที่เรียกกันว่า "ดอกกระดาษ"
ซึ่งได้ชื่อตามลักษณะของดอก
เพราะเมื่อแห้งจะแข็งคล้ายดอกไม้ปลอมที่ทำจากกระดาษ
และอยู่ทนทานนานนับเดือน
ร้านที่นี่มีดอกกระดาษวางขายแยะกว่าที่เคยเห็นจากที่อื่นๆ
ป้าเจี๊ยบไม่ได้ซื้อ แต่ถ่ายรูปเก็บไว้ดู
เพราะสีสันสวยเข้มดีจัง
ป้าเจี๊ยบไม่เคยเห็นดอกกระดาษสดๆ เลยค่ะ
เห็นแต่ดอกที่แห้งแล้ว
นึกไม่ออกจริงๆว่าหน้าตาของต้นดอกกระดาษเป็นอย่างไร?
โชคเข้าข้างซะจริง.. ขากลับลงจากภูทับเบิก
ลุงโจ้พาแวะเข้าไปไหว้พระที่วัดภูทับเบิก
ได้เห็นต้นดอกกระดาษที่วัดและตามบริเวณบ้านของชาวเขา
มีโอกาสลองจับกลีบดูด้วย ซึ่งก็นุ่มเหมือนดอกไม้ทั่วไป
ไม่มีทีท่าว่าจะแข็งได้อย่างที่เห็นเลยค่ะ
ตอนนี้ป้าเจี๊ยบมีรูป "ดอกกระดาษแบบแห้ง"
เปรียบเทียบกับ "ดอกกระดาษแบบสด"
มาให้ชมแล้วนะคะ
ป้าเจี๊ยบถ่ายรูปเกสรดอกกระดาษ
เอาไปให้เพื่อนทายว่าอะไร ไม่มีใครตอบถูกสักคน
ส่วนใหญ่เห็นว่าป้าเจี๊ยบชอบเรื่องอาหารการกินเลยบอกว่า
“ฝอยทอง” (อิ
อิ.. สงสัยต้องส่งไปให้น้องขจิตชมซะแล้ว)
ตอนกลับออกจากวัด ลุงโจ้ออกคนละทางกับขาเข้า
เป็นถนนผ่านบริเวณหมู่บ้านซึ่งมีต้นซากุระออกดอกบานสะพรั่ง
ป้าเจี๊ยบต้องขอให้ลุงโจ้จอดรถเพื่อลงไปถ่ายรูป
คราวนี้ชวนคุณเต่าลูกน้องของลุงโจ้ไปช่วยถือเสื้อสีดำเป็นฉากหลังให้ด้วย เลยได้ภาพดอกซากุระบนฉากหลังสีดำมาฝากเพิ่มขึ้นอีกอย่าง
รับความสดชื่นด้วยกันนะคะ