อิมซังอ๊ก..ยอดพ่อค้าหัวใจทระนง เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ มีเรื่องราวมากมายในการดำเนินชีวิตสู่การเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จ เมื่อดูอิมซังอ๊กแล้วอดนึกถึงวิธีการที่เขาใช้ คล้ายการนำ KM Process ของการจัดการความรู้มาใช้ เมื่อลองนำมาวิเคราะห์ดู ดังนี้
1. การที่อิมซังอ๊ก มีความมุ่งมั่นในการที่จะเป็นพ่อค้าตั้งแต่ต้นนั้น เป็นการกำหนดเป้าหมายของชีวิต (Vision) ในตอนที่เพื่อนของพ่ออิมซังอ๊กที่เป็นพ่อค้าใหญ่ บอกอิมซังอ๊กว่า “การไม่มีเป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้น คือจุดจบของการเดินทาง” แล้วเจ้าล่ะมีเป้าหมายอะไร?
2. จากเป้าหมายนี้ทำให้อิมซังอ๊ก พยายามในการค้นหาความรู้ เริ่มตั้งแต่ตอนเป็นทาสในโรงถลุงเหล็ก ในใจเขาอยากเป็นพ่อค้า จึงพยายามศึกษาทุกอย่างโดยค้นหาความรู้ว่าจะได้ความรู้จากใครด้วยความพยายามและอดทน การสังเกตจากคนอื่นที่ทำอยู่ ลองผิดลองถูกและศึกษาจากประสบการณ์ผู้อื่น จนได้พบครูที่สอนการถลุงเหล็กที่มีคุณภาพ
3. การสร้างและแสวงหาความรู้ เมื่อเขาพ้นจากการเป็นทาสแล้ว เขาก็มุ่งสู่เส้นทางพ่อค้าโดยการแสวงหาความรู้ โดยไปพบเพื่อนพ่อที่เป็นพ่อค้าใหญ่ เพื่อขอเรียนรู้การค้าเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเอง การได้ไปทำงานเป็นคนงานที่ร้านทำทองเหลืองและได้ประสบการณ์จากากรศึกษางานในร้านทุกอย่าง โดยการสังเกต และบันทึกไว้และมีการรวบรวมข้อมูลจากลูกค้าที่มาติดต่อ และติดตามไปค้าขายต่างเมืองกับนายห้าง เขาศึกษาสินค้าและวิธีการขาย เทคนิคการเลือกของ ความสำคัญของสินค้าในแต่ละเมือง ภูมิประเทศสะสมไว้เป็นข้อมูล
4. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ จากการเดินทางทำให้ได้ประสบการณ์มากมาย จากสินค้าหลากหลาย จนถึงวิธีการที่จะขายสินค้าที่นำไป มีความต้องการด้านใด สินค้าใดที่จะได้รับความนิยม เขาได้จัดหมวดหมู่สินค้าและพ่อค้าแต่ละเมืองไว้
5. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ อิมซังอ๊กได้ประสบการณ์จากการไปค้าขายต่างเมืองกับพ่อค้าคนอื่น จากการสังเกต การฉลาดและมีไหวพริบ การศึกษาข้อมูลของแต่ละเมืองที่ได้ค้าขาย เช่น เขาไปขายเครื่องทองเหลืองชั้นเลิศของเมืองนาซอง แต่พบว่าขายไม่ได้แถมเมืองนั้นยังมีปัญหาเรื่องน้ำไม่สะอาด ทำให้ท้องร่วง ซึ่งข้อมูลที่ได้นี้ทำให้เขาหากลยุทธ์การค้าขายโดย นำทองเหลืองไปแลกกับยาแก้ท้องเสียที่ร้านขายยา แล้วนำยาแก้ท้องเสียมาขายแทน จนได้เงินมากพอกับที่ทองเหลืองที่นำไปขาย แถมได้กำไรมากกว่า
เขาใช้ความรู้ที่มีอยู่จากประสบการณ์นั้นมาใช้ในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ทำให้บรรลุเป้าหมายคือ ขายทองเหลืองได้หมดเหมือนกันแต่ไม่ได้ขายโดยตรง เหมือนการจัดการความรู้ที่มีวิธีการมากมายที่เหมาะสมกับหน่วยงานของแต่ละองค์กร ที่จะบริหารให้เกิดการพัฒนาคุณภาพ ซึ่งอาจไม่เหมือนต้นแบบ แต่การรู้จักปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร ถือว่าเป็นแผนกลยุทธ์ที่ดี
6. การเข้าถึงความรู้ของเขา ได้ทั้งจากประสบการณ์คนอื่นและประสบการณ์ตนเอง การเรียนรู้แบบ SECI ได้เกิดขึ้นและหมุนเวียนแลกเปลี่ยนกันระหว่าง Tacit และ Explicit Knowledge ทำให้เขามีความรอบรู้ในหลายๆด้านในการค้าขาย จนทำให้เขาได้มีโอกาสพัฒนายกระดับความรู้ โดยเขายึดหลัก การค้าไม่ได้มุ่งที่จะทำกำไรให้ได้อย่างเดียว แต่มุ่งในด้านจิตใจที่มีต่อกันและความเชื่อใจกัน เหมือนวินัย 5 ประการของปีเตอร์ เซ็งเจ้ และอิมซังอ๊กยังใช้วิธีการของ Marquaedt ในการทำให้เขาเข้าถึงความรู้
7. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เวลาเขาไปทำการค้าต่างเมืองและประสบความสำเร็จ ในแต่ละครั้ง หัวหน้าใหญ่จะมีการเรียกประชุมและให้เล่าวิธีการสู่กันฟัง ว่าทำได้อย่างไร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งอิมซังอ๊กก็มีโอกาสดีๆทั้งประสบการณ์ของตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเขาได้สอบถามจากผู้คนที่ติดต่อการค้า ซึ่งทำให้เขามีความสามารถเด่นกว่าคนอื่น
8. การเรียนรู้ อิมซังอ๊กเชื่อว่าการเรียนรุ้ไม่มีที่สุดสุด เขามีพรสวรรค์ด้านการค้า โดยเป็นคนอื่นน้อมถ่อมตน ไม่มุ่งแต่จะขายสินค้าเพียงให้ได้เงินอย่างเดียว ซึ่งแม่ของเขาได้บอกกับลูกชายว่า ถ้าค้าขายโดยหวังแต่เงินอย่างเดียว สักวันหนึ่ง ตาก็จะบอด หูก็จะหนวกและใจก็จะดับ ซึ่งเขาได้ยึดมั่น และในคำสอนของแม่ และการค้าขายถ้าเห็นแก่เงินมากเกินไป จะทำให้มองไม่เห็นความสำคัญของคนอื่น เอารัดเอาเปรียบจะเกิดศัตรูรอบด้าน การที่จะหูหนวกเนื่องจาก ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของใคร และจิตใจก็จะคับแคบตามไปด้วย
การเรียนรู้ของเขาเริ่มจากไม่มีความรู้ด้านการค้า แต่มีจุดหมาย และได้เรียนรู้เครื่องเหล็กจนชำนาญเปิดโรงเหล็กและติดตามค้าขายกับนายห้าง ก็พยายามศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานที่ที่ค้าขาย และนำสิ่งที่ผิดพลาด มาปรับปรุงและพัฒนาการขาย จากเด็กฝึกงานในโรงเหล็กจนได้กลายเป็นเลขาพ่อค้าใหญ่ในตอนนี้
รู้สึกชื่นชมภาพยนตร์เกาหลีที่สร้างให้คนเห็นขั้นตอนของการนำไปสู่ความสำเร็จ มีตอนหนึ่งซึ่งแม่ของอิมซังอ๊ก บอกเขาว่า “ถ้าเจ้าเชื่อมั่นไม่ได้ เป้าหมายก็สุดปลายทาง” ซึ่งอิมซังอ๊กบอกว่า เขาจะต้องเป็นพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตให้ได้.
สวัสดีค่ะ คุณหนูเล็ก
จิตใจเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับทุกอาชีพ สำหรับการค้า การเชื่อใจและไว้วางใจซึ่งกันและกันป็นสิ่งสำคัญ อิมซังอ๊กเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม มีเมตตา อาจารย์เขาได้สอนว่า" เจ้าถือดาบฆ่าคนไว้ใ นมือหนึ่งเล่ม แต่เจ้าก็มีดาบที่ช่วยคนอีกพันเล่มไว้ในมือ " อยู่ที่เจ้าจะเลือกใช้ ความโกรธอาฆาต พยาบาทกับคนที่ทำร้ายครอบครัวอิมซังอ๊ก ทำให้เขาคิดแต่จะแก้แค้น เหมือนกับถือดาบฆ่าคนไว้ในมือ
แต่จิตใจที่ดีงามที่เขามีอยู่ก็มีประโยชน์ ช่วยคนได้มากมาย เปรียบเหมือนดาบพันเล่มในมือ อาจารย์คอยเตือนสติและสอนเขาให้ละความแค้นและรู้จักให้อภัย.