ใช้ KM เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาความยากจน
ดังได้เล่าแล้วว่า วันที่ 25 ก.ค.48 ผมไปร่วมในการประชุมปฏิบัติการโครงการนำร่องการ บูรณาการการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
พื้นที่นำร่องมี 12 จังหวัด ที่น่าสนใจในเชิง KM คือ จ.อุทัยธานี นำ KM ไปเป็นเครื่องมือ โดยดำเนินการจัดการความรู้ 4 ประเด็น ได้แก่
· เกษตรปลอดภัย
· ป่าชุมชน
· น้ำ
· ผ้าทอพื้นเมือง
ผมไม่ได้ไปฟังการประชุมกลุ่มของ จ.อุทัยธานี แต่ได้เห็นในเอกสาร PowerPoint ของจังหวัด มีระบุRoad Map การจัดการความรู้ภาคประชาชน จ.อุทัยธานี ว่ามีการประชุมทุกปลายเดือน โดยมีเป้าหมายหรือ “ธง” (หัวปลา) คือ “พัฒนาความรู้ใหม่ นักจัดการความรู้ภาคประชาชนกำหนดยุทธวิธีในการพัฒนาสู่ภาครัฐ” ทราบข่าวว่าคุณทรงพล เจตนาวณิชย์ไปช่วยทุกเดือน
เท่ากับว่ากระบวนการ KM จะช่วยให้ฝ่ายประชาชน/ชุมชน (demand – side) รู้จักตนเองและสภาพแวดล้อมของตัวเองดีขึ้น การทำแผนชุมชนอันนำไปสู่ข้อเสนอภาคประชาชน ไปบรรจบกับแผนองค์กรส่วนท้องถิ่น และแผนยุทธศาสตร์จังหวัด ก็จะมีลักษณะ knowledge – based มากขึ้น
ผมมองว่า KM ในระดับชาวบ้านเช่นนี้ จะก่อผลยิ่งใหญ่ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อทำข้อเสนอของภาคประชาชนต่อรัฐบาล ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ จะช่วยให้ความสัมพันธ์ภายในชุมชนเปลี่ยนไป เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน (trust) มากขึ้น เกิดความเคารพและเห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน ความมั่นใจตัวเองที่จะเรียนรู้ เน้นที่การเรียนรู้ร่วมกันผ่านการปฏิบัติ
วิจารณ์ พานิช
26 ก.ค.48