25 ม.ค51 มีประชุมเพื่อพัฒนานโยบายและกฎหมายเพื่อควบคุมโรคร่วมกับคณะนิติศาสตร์ม.ธรรมศาสตร์ รามคำแหง และมหิดลระยะที่ 2 ที่โรงแรมนารายณ์ กทม.
สืบเนื่องจากที่กรมควบคุมโรคได้เคยลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันไปแล้วเมื่อ 24 กันยายน 50 ดิฉันกับพี่อ้อมได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานในส่วนของบำราศฯเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานทบทวนองค์ความรู้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ช่วงเช้า อาจารย์ อภิชัย มานิตยกุล จาก ม.รามคำแหงนำเสนอการศึกษาทบทวนกฎหมายเกี่ยวข้องกับการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชนในประเทศไทยเปรียบเทียบกับ 8 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เยอรมัน แคนาดา จีน และญี่ปุ่น
ข้อเสนอแนะ
1.พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของเด็กเท่ากับผู้ใหญ่ ควรกำหนดให้แตกต่าง( น้อยกว่า)
2.พรบ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มีปัญหาในการบังคับใช้เพราะเป็นกฎหมายที่ไม่มีความผิดในตนเอง มีเพียงโทษปรับ และผ่อนผันกันมากไปจนต้องนำมาตรการอื่นมาใช้ เช่น โครงการจัดระเบียบสังคม จึงควรมีการให้ข้อมูลและเข้มงวดในการบังคับใช้
3.พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 กำหนดคุ้มครองอายุไม่เกิน 18 ปีเท่านั้น โทษสำหรับผู้ปกครองเบาไป และหน่วยงานอื่นๆ เช่นกรมสรรพสามิตดำเนินนโยบายตรงกันข้าม ควรพิจารณาออกกฎหมายเฉพาะเยาวชน และกำหนดอายุมากกว่า 18 ปี
กฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่แก่เยาวชนของไทยเปรียบเทียบกับ 6 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา จีน เช็ค เยอรมัน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งข้อเท็จจริงโดยรวมจะครอบคลุมเป็นต้นแบบที่ดีแก่ประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเพียงบางมาตรการ ได้แก่พรบ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ2535 คำว่า “โฆษณา”ควรรวมถึงการวางแสดงไว้ในร้านค้า ไม่ว่าจะมีเจตนาโฆษณาหรือไม่ ก็ให้จัดเป็นการโฆษณาด้วย และควรแก้เพิ่มโทษจำคุกด้วยกรณีฝ่าฝืนการห้ามโฆษณา