เพลงอีแซว
สายเลือดสุพรรณฯ
บนเวทีศิลปวัฒนธรรมงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์
คืนวันที่ 20 มกราคม 2551
ผมขอหยิบเอาเหตุการณ์ในคืนวันที่ 20 มกราคม 2551 บนเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม ในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี มาเล่าในบทความนี้ เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่สมควรได้รับการยกย่องชมเชย และมีบางสิ่งบางอย่างสมควรที่จะได้รับการปรับ ปรุงแก้ไขให้เหมาะสมบ้าง ตามความจำเป็น
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้จัดกิจกรรมการแสดงบนเวทีตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2551- วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 มีกิจกรรมการแสดงของนักเรียนและการประกวด โดยเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 19.00-20.00 น.(เวลา 20.00-21.15 น.พักการแสดง) เวลา 21.15-24.00 น. เป็นการแสดงในช่วงที่ 2
สิ่งที่ผมต้องนำเอามายกย่องชมเชยในการจัดกิจกรรมการแสดงบนเวที ในครั้งนี้ คือ
1. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี จัดกิจกรรมได้หลากหลาย เด็กได้แสดงออกอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการแบ่งระดับคุณภาพว่า ชุดใด ทีมใดมีคุณภาพสูงจึงจะได้ขึ้นเวทีแสดง เป็นการส่งเสริมความสามารถของนักเรียนโดยแท้จริง
2. ผู้จัดกิจกรรมไม่หลงลืมจุดเด่นของจังหวัดสุพรรณบุรี คือ เพลงอีแซว และเพลงลูกทุ่ง ได้จัดแบ่งเวลาให้กับเพลงอีแซวเอาไว้ 2 คืน (ปรับใหม่เป็น 3 คืน) มีวงเพลงขึ้นเวทีแสดงคืนละ 3-5 คณะ ส่วนการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งจัดให้มี 4-5 คืน ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา จนถึงระดับประชาชนและบุคคลทั่วไป
3. เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม จัดออกแบบสร้างอย่างสวยงามสมคุณค่าแห่งวัฒนธรรม มองดูโดดเด่น ฉากเวทีได้รวบรวมเอาสิ่งที่เป็นจุดเด่น สำคัญของจังหวัดมานำเสนอ จัดพิมพ์ด้วยระบบอิงค์เจ็ท เป็นผ้าผืนเดียว ขนาดใหญ่มาก (ขนาด 25 X 10 เมตร)
4. ระบบเสียง (เครื่องขยายเสียง) ไฟฟ้าประดับเวที ในปีนี้มีความสมบูรณ์มาก เรียกว่าจัดเครื่องเสียงมาลงชนิดที่ได้มาตรฐาน มีไมโครโฟน พร้อมขาตั้งไมโครโฟน 10 ที่ (เพียงพอ) และไม่ว่าผู้แสดงจะเรียกร้องอุปกรณ์ใดมีหมด น้อง ๆ เขาให้บริการดีมากจริง ๆ เสียงที่ออกมามีความไพเราะ เพราะผ่านการปรับแต่งเสียงด้วยความชำนาญ
5. มีเก้าอี้จำนวนมาก (ประมาณ 350-500 ตัว) สำหรับให้ท่านผู้ชมได้นั่งชมการแสดงตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแสดง หยิบเก้าอี้ไปเลือกมุมนั่งชมได้ตามความพอใจโดยไม่ต้องเสียเงินค่าชมและไม่เสียเงินค่าเก้าอี้
สิ่งที่ผมต้องนำเอามาเสนอแนะเพียงบางส่วนในการจัดกิจกรรมการแสดงบนเวที ในครั้งนี้ คือ
1. กิจกรรมที่จัดให้ขึ้นไปแสดง บางชุดบางรายการ ยังไม่สามารถเรียกคนดูได้ (คุณภาพของผลงานปานกลาง) และรูปแบบของการแสดงยังไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะการแสดงเพลงอีแซว แสดงการร้องที่ไม่ตรงตามแบบฉบับตั้งแต่เกริ่นขึ้นต้นเพลง ทำนองเพลงและลงเพลงให้ลูกคู่ร้องรับ (ผู้ฝึกหัดนักเรียนไม่ได้ศึกษาของจริง หรือบุคคลต้นฉบับ) บางคณะนำเอาเพลงพื้นบ้านหลาย ๆ อย่างมาแสดง ทำให้พบจุดบกพร่องได้มากขึ้นไปอีก
2. ผู้จัดได้นำเอาการแสดงหลายชุด มาบรรจุเอาไว้ในคืนเดียวกัน ทำให้การแสดงชุดสุดท้ายอยู่ในตอนดึกมาก เลย 2 ยาม (เที่ยงคืน) ไม่มีผู้ที่มาเที่ยวงานอยู่รอชมได้ และในบางคณะใช้เวลาเกินกว่าที่เวทีกำหนดไปถึง 30 นาที แถมพิธีการยังคุยคั่นเวลาอีกช่วงละ 10-15 นาที เวลาที่จะใช้ในการนำเสนอผลงานการแสดงจึงคลาดเคลื่อนไปมาก
3. เวทีการแสดงมีขนาดใหญ่โตมาก การแสดงบางชุดมีนักแสดงมาเพียง 11 คน ทำให้ดูบางตา ไม่เหมาะสมกับเวที ที่ควรมีผู้แสดง 20 คน ขึ้นไป
4. ระบบเสียง ทางผู้จัดเขาจัดเอาไว้ให้แสดงอย่างสมบูรณ์ มีไมโครโฟนพร้อมขาตั้ง แต่ผู้แสดงยังนำไมโครโฟนมาถือร้องในการแสดง ทำให้การเคลื่อนไปดูแข็งไป ไม่อ่อนหวานนุ่มนวลเมื่อแสดงลีลาท่าทาง (เหลือเพียงมือเดียว)
5. เก้าอี้ที่ทางคณะกรรมการจัดเอาไว้ให้ผู้ชมนั่งชมการแสดง ในคืนวันที่ 20 มกราคม 2551 เมื่อชุดการแสดงเพลงอีแซววงสุดท้ายขึ้นทำการแสดง เป็นเวลา 23.08 น. ประมาณ 23.15 น. เจ้าหน้าที่เดินเก็บเก้าอี้ที่ไม่มีผู้ชมนั่ง เสียงโยนเก้าอี้ดังมาก ทำให้การฟังเสียงร้องไม่ชัดเจน น่าจะเก็บตอนที่ชุดการแสดงสุดท้ายแสดงจบลงเสียก่อน
นั่นเป็นเพียงข้อคิดเห็นที่ผมเก็บเอามาจากเวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม ในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี ปี พ.ศ. 2551 ผมนำคณะนักแสดงไปร่วมกิจกรรมในงานนี้เมื่อคืนวันที่ 20 มกราคม 2551 ในคืนนั้นมีการแสดงเพลงอีแซวทั้งหมด 5 คณะ โดยในช่วงเวลาแรก (19.00-20.00 น.) เป็นเพลงอีแซวระดับชั้นประถมศึกษา มี 2 คณะ ต่อมาในช่วงเวลาที่ 2 (21.30 น.) เลยเวลาที่กำหนดไปเล็กน้อย และกว่าที่วงแรกคือ โรงเรียนอู่ทองศึกษาลัยจะขึ้นเวทีเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบจะ 21.40 น. คณะที่สอง เป็นของโรงเรียนวัดจันทราวาส จากอำเภออู่ทอง (วงนี้แสดงอยู่ในเวลาที่กำหนด) แล้วก็มาถึงเวลาของวงเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 ได้ขึ้นเวทีแสดงเมื่อเวลาประมาณ 23.08 น.
เมื่อเด็ก ๆ ของผมขึ้นไปเตรียมความพร้อมอยู่บนเวที ผู้ให้จังหวะทำการต่อสายเข้ากับเครื่องขยายเสียงโดยมีเจ้าหน้าที่เครื่องเสียงให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมหันไปมองบริเวณด้านหน้าเวที เมื่อเวลา 23.10 น. มีผู้ชมทั้งที่นั่งเก้าอี้และยืนอยู่ประมาณ 50 คน (อาจจะไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ) เด็ก ๆ ใจเสีย เพราะเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมายังมีผู้ชมอยู่นับร้อยคน
นักแสดงคือ ผู้ร้องนำ 3 คน หทัยกาญจน์ เมืองมูล, รัตนา ผัดแสน, ธีระพงษ์ พูลเกิด ทำหน้าที่ไหว้ร้องครู (ขับเสภา, ร้องเพลงอีแซว และเพลงแหล่) ต่อจากนั้นเป็นการร้องเทิดพระเกียรติและแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระพี่นางเธอ โดยนักร้องนำ 6 คน สลับกันร้อง พร้อมการแสดงประกอบ จนจบบทร้องบทนี้
เวลา 23.21 น. ผมหันไปมองที่ด้านหน้าเวที มีผู้ชมกลับมาชมการแสดงจำนวนมากพอสมควร (ประมาณ 150 - 200 คน ยืนชมมากกว่านั่ง) การแสดงเพลงอีแซวในคืนนี้ เป็นการนำเสนอเพลงหวาน ๆ ทั้งหมด ได้แก่
- เพลงปะทะคารม “ตับประจาน” ต่อว่ากันว่าแต่ละฝ่ายทำให้เสียหาย
- เพลงพาเที่ยวชมงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ (ร้องยาก ปีนี้ไม่มีอำเภอมาออกร้าน)
- เพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- เพลงลาให้พรท่านผู้ชมและเพลง “ลาล้าลา อยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้ เวลาไล่หลังมา”
การแสดงจบลงเมื่อเวลา ประมาณ 24.12 น. มองดูในบริเวณงาน ไม่มีผู้คนเดินกันแล้ว เพราะโรงร้านปิดม่านเก็บกันตั้งแต่เวลา 23.00 น. บางร้านก่อนหน้านั้นเสียอีก คงมีแต่ท่านผู้ชมจำนวนหนึ่งที่นั่ง ยืน เดินชมและฟังการแสดงเพลงอีแซวของเด็ก ๆ จนจบการแสดง สิ้นเสียงเพลงลา
ผมในฐานะของครูผู้ควบคุม และฝึกสอนนักแสดงชุดนี้ ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ชมชาวดอนเจดีย์ ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดใกล้เคียงที่ได้ให้ความสนใจชมการแสดงตั้งแต่ต้นจนจบสิ้น (23.08-24.12 น.) และที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ผมได้ทราบว่า มีท่านผู้ชมกลุ่มหนึ่ง (4-5 คน) ได้มานั่งชมการแสดงของวงเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 และในตอนรุ่งเช้า ผู้ชมกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถประจำทาง สาย 69 ด่านช้าง-กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 09.00 น.เศษ ในระหว่างการเดินทางอยู่บนรถ ท่านได้พูดคุยกันถึงบรรยากาศ เก็บตกจากบนเวทีการแสดงพอจับใจความได้ว่า “เพลงอีแซววงสุดท้ายเล่นสนุก น่าดูมาก นักแสดงเสียงดี เรื่องที่นำเอามาเล่นเหมาะสมมากและได้รับประโยชน์ แต่จัดให้แสดงดึกเกินไป หากมีโอกาสได้ไปอีก จะต้องไปดูให้ได้”
ขอบคุณผู้ที่นำข่าวดีมาบอก ต่างคนต่างจิตใจ รักชอบโกรธหลง เป็นไปตามความคิดการตัดสินใจของแต่ละบุคคล คำตำหนิติชมช่วยต่อลมหายใจให้ผู้ที่อ่อนแอและบั่นทอนจิตใจคนที่เข้มแข็งได้ แต่ถ้าได้คิดตามที่ตาเห็น นำเสนอความคิดโดยผ่านการไตร่ตรอง ตัดสินใจ ย่อมที่จะมีคุณค่าอย่างสูงส่งต่อผู้ที่ได้รับมาก
คอยพบกับมหกรรมประชันการแสดงเพลงอีแซวต้านสิ่งเสพติด และเพลงพื้นบ้านสัญจรซึ่งจะไปพบกับท่านผู้ชม ณ สถานที่ต่าง ๆ ในเร็ว ๆ นี้ ผมจะได้นำข่าวคราว ความเคลื่อนไหวมาเล่าในโอกาสต่อไปนะครับ
ชำเลือง มณีวงษ์
- รางวัลชนะเลิศ ประกวดเพลงอีแซว จังหวัดสุพรรณบุรี ปี พ.ศ. 2525
- ผู้มีผลงานดีเด่นเพลงพื้นบ้าน รางวัลราชมงคลสรรเสริญ ปี พ.ศ. 2547
- โล่รางวัลความดีคู่แผ่นดิน จากรายการโทรทัศน์ ช่อง 5 ปี พ.ศ. 2549
ขอบคุณ อาจารย์พิสูจน์