การปะทะสังสรรค์ของลักษณ์ในที่ทำงาน


เมื่อต่างคนต่างลักษณ์โคจรมาเจอในที่ทำงานเดียวกัน จะหลีกก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่พ้น เรื่องเครียดๆและชวน(ปวด)หัวก็เป็นผลตามมา คุณหมอจันทร์เพ็ญนำเหตุการณ์จริง จากทีมงานอภิมหาโครงการของท่าน มาเมาท์เป็นวิทยาทานแก่ผู้ยังไม่หมดกิเลสกับเพื่อนร่วมงาน เช่นเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย

วันนี้ขอนำเสนอเสนอบทความ "การปะทะสังสรรค์ของลักษณ์ในที่ทำงาน" เขียนโดย พ.ญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ นายกสมาคมนพลักษณ์ไทย

วันนี้เรามาคุยเรื่องเบา ๆ กันดีกว่า  อย่างที่หลาย ๆ ท่านทราบ (ไม่ทราบก็ไม่เป็นไรค่ะ) ว่า พวกเราทีมวิจัยระยะยาวในเด็กไทย ประมาณ ๑๐๐ ชีวิต ได้เข้าอบรมเพื่อค้นหาลักษณ์ของตัวเองกันทุกคน บางคนก็ได้เข้าอบรมขั้นกลางแล้ว  และหลาย ๆ ครั้งที่ได้มีโอกาสพูดคุยกันทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ  พวกเราก็อดแซวกันเองไม่ได้โดยเฉพาะเวลาแต่ละคนแสดงลักษณ์ของตัวเองออกมาปะทะกับคนอื่น ๆ ก็อดจะขบขันกันไม่ได้

เอาล่ะ บางคนก็อาจไม่ขำเท่าไรเพราะรู้สึกเสียหน้า (นิดหน่อย) ที่ถูกแซว  แต่บางคนก็ได้ฉุกคิดมากขึ้น และเล็งเห็นกลไกการทำงานภายในระบบคิด และ แรงจูงใจ กับ ความซับซ้อนของบุคลิกภาพ ซึ่งถ้าเราไม่มีสติล่ะก็ มันก็อดจะเผลอแสดงตัวตนออกมาไม่ได้  จะต้องขออนุญาตพรรคพวกเล่าตัวอย่างให้พวกเราลองมาอ่านกันเล่น อย่าถือสากันเลยนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนฝูงที่สนใจนพลักษณ์ในวงกว้างก็แล้วกันนะคะ

 เหตุการณ์ที่       ในที่ประชุมโครงการฯ มีลักษณ์ อยู่หลายคน ประธานที่ประชุมก็เป็นลักษณ์ ด้วย แม้ท่าทีของประธานจะอ่อนโยนลงบ้างแล้ว แต่บางทีเจ้าก็ประทับทรงเหมือนกัน  เมื่อเห็นท่าทีของลักษณ์ หลายคนชักจะแข็งกร้าวไปหน่อย ไม่ค่อยฟังกันเลย ต่างคนต่างใช้พลัง จนคนลักษณ์อื่นขยาดถอยหลังไปตาม ๆ กัน ก็เลยต้องใช้พลังที่เหนือกว่าหยุดสถานการณ์ จนบางทีก็เลยเถิดไปบ้าง ก็เลยถูกแซวว่า องค์ไหนประทับ???  ประธานชักจะรู้ตัว ก็เลยสงบลง  ทุกคนในที่ประชุมก็เลยหัวเราะขบขันกันบ้างเล็กน้อย  โดยเฉพาะลักษณ์ ด้วยกัน แต่ลักษณ์อื่นเขาไม่ค่อยกล้าหรอกนะ กลัวลักษณ์ กัดเอาน่ะ

เหตุการณ์ที่      

ความซับซ้อนในการประสานงานระหว่างคนต่างลักษณ์ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง 

ขอยกตัวอย่าง หัวหน้าหน่วยหนึ่งของเรามีหน้าที่ต้องดูแลจัดการบริหารทีม  เป็นลักษณ์ ที่เอาการเอางาน แต่ถูกผลักดันด้วย ความสำเร็จและ ภาพลักษณ์มาก จนหลายครั้ง คนอื่นก็ประสานงานด้วยยาก  โดยเฉพาะหากเขารู้สึกว่า การกระทำของคนอื่นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ ความสำเร็จ และ ประสิทธิภาพของเขา  จนหลายครั้งกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งที่สามารถทำความเข้าใจกันได้ไม่ยากนัก  โดยเฉพาะความบกพร่องในการสื่อสารระหว่างกันและกัน คำพูดบางคำที่แต่ละคนตีความไปตามความเข้าใจและโลกทัศน์ของตนเอง ก่อให้เกิดปัญหาที่บางทีก็บานปลายสะสางลำบาก 

ถ้าวิเคราะห์กันให้ลึกก็คือ ทุกคนต่างเพ่งโทษคนอื่น โดยลืมมองไปว่า เราแต่ละคนก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดปัญหา  หากเรากลับมาเพ่งที่ตัวเอง มีสติกับตัวเอง และถอยหลังมาเป็นผู้สังเกต แทนการเป็นผู้แสดง  ก็จะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปราศจากอคติ และคงมองเห็นว่า เหตุการณ์ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างกิเลสของลักษณ์แต่ละคนนั่นเอง

 เหตุการณ์ที่       

วิธีการและรูปแบบการเป็นผู้นำของคนแต่ละลักษณ์ก็น่าศึกษาเช่นกัน

ผู้นำที่เป็นลักษณ์ ในทีมของเรา ลงรายละเอียด และ คำนึงถึงความสมบูรณ์ของงานที่ออกมาแต่ละชิ้น จนทำให้การทำงานที่มีกรอบเวลาจำกัดล่าช้า หรือบางทีเพราะทำงานไม่ทัน จำเป็นต้องเร่งรีบ งานก็ออกมาไม่เนี้ยบ  เลยเกิดความเครียด ทำให้ไม่สบาย มีผลกระทบไปถึงงานอื่น ๆ ที่รับผิดชอบอยู่ 

หัวหน้างานอีกคนก็เป็นลักษณ์ เหมือนกัน เคร่งเครียดกับเรื่องระเบียบ ต้องเนี้ยบ อะลุ้มอะล่วย ยาก ก็เลยติดนิสัยบ่นเพื่อน ๆ อยู่บ่อย ๆ จนเกิดความรำคาญ ท่าทีที่เป็นมิตรต่อกัน ก็หละหลวม บางทีก็ปะทะคารมกันอยู่บ่อย ๆ ก่อให้เกิดความเครียดในการทำงาน ทำงานไม่สนุก

 เหตุการณ์ที่       

เจ้าหน้าที่ลักษณ์ ของเรามีงานมากหลายอย่าง  ขณะเดียวกันงานแต่ละอย่างก็มีกรอบเวลาจำกัด  ด้วยความถือตัวและยากที่จะออกปากขอให้ใครช่วย  ก็มีผลให้งานที่ต้องเสร็จ ตามกำหนดไม่สามารถบรรลุได้ เกิดผลเสียหายต่องานส่วนอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน  ขณะเดียวกันเพื่อนร่วมงานก็สงสัยว่า ทำไมทำงานไม่ทันก็ไม่บอก ชอบรวบงานไว้เองคนเดียวหรืออย่างไร 

แต่ถ้าเพื่อนลักษณ์อื่น จะเข้าใจกิเลสของคนลักษณ์ 2 ก็จะทราบว่า เขาไม่ได้อยากรวบงานไว้หรอก ที่แท้มันก็เป็นการปรากฏตัวของกิเลสประจำลักษณ์ ถ้ารู้เสีย ก็เข้าไปอาสาช่วย หรือ ไปขอแบ่งงานมาทำ  ปัญหาก็คงไม่เกิด หรือ เกิดน้อยลง  ตัวอย่างนี้ ชี้ให้ชัดเจนถึงอิทธิพลของกิเลสประจำลักษณ์ที่มีผลต่อวิธีทำงานของเราแต่ละคนจริง ๆ

 

 เหตุการณ์ที่      

หันมาพูดกันถึงสมาชิกที่เป็นศูนย์หัวของเราบ้าง  หัวหน้างานหลายคนของเราเป็นคนลักษณ์   ซึ่งมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นเจ้าโปรเจ็ค ชอบคิดวางแผนให้คนอื่นทำ ขณะเดียวกัน ก็จะไม่ลงมาดูรายละเอียดในงานส่วนต่างๆ

สมาชิกในที่ทำงานแห่งนั้นเกิดปัญหามาก เพราะรู้สึกว่างานมากเหลือเกิน ทำไม่ทัน และ หัวหน้าทำ ๆ แป๊บเดียว ก็เลิกละ ไปทำอย่างอื่น งานที่เคยขึ้นต้นไว้ก็ยังไม่ไปไหนเลย มาเริ่มงานใหม่แล้ว ลูกน้องอ่วมอรทัยกันไปตาม ๆ กัน และเพราะงานมาก ความเครียดก็มาก คนในที่ทำงานก็เลยเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เนือง ๆ กลายเป็นว่าเธอเป็นคนสนิทของนาย ฉันไม่ใช่  ทำให้งานที่เริ่มต้นไว้ดี ๆ แล้วก็เลยต้องหยุดชะงัก หรือ บางทีก็เกิดปัญหาระหว่างคนทำงานใหญ่โต

   เห็นไหมคะว่า กิเลสของลักษณ์เรามันมีผลรุนแรงขนาดไหน  นอกจากมันจะทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้เราทุกคนอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งเราถูกมันหลอกว่า มันทำให้เรามีความสุข)  มันยังทำความเดือดร้อนให้คนรอบ ๆ ข้างเราแต่ละคนด้วยล่ะ   

 

หมายเลขบันทึก: 161161เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2008 14:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 00:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

หากสนใจอ่านบทความของหมอจันทร์เพ็ญ ติดตามอ่านได้ในเว็บไซด์ของสมาคมนพลักษณ์ไทย ค่ะ www.enneagramthailand.com

หรือในส่วนเมนูบทความของคุณหมอเลยที่ http://newsite.enneagramthailand.com/jan-nopl.html

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท