สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ทุกท่าน
ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ทุกท่านได้กรุณาให้ความสนใจและความเห็นต่างๆ เรื่องแผนที่ความดีของคนดีนั้นผมเริ่มทำเพราะเหตุผลหลายอย่างครับ ด้วยประสบการณ์ของผมเมื่อไปเยี่ยมโรงเรียนและเห็นผลงานนักเรียนทั้งหลาย มักจะพบปรากฏการณ์ ดังนี้ครับ
- คุณครูให้นักเรียนทำงานมาก แต่ได้ผลงานน้อย จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม (หลายท่านไม่ทราบวิธีสั่งงาน สั่งการบ้าน ซึ่งวันหลังผมควรจะบันทึกไว้แลกเปลี่ยนกัน) ผมคิดว่าทำงานครั้งเดียวควรได้ผลลัพธ์มากๆ ทำแผนที่ความคิดแผ่นเดียวสอนได้หลายวัน ฯลฯ
- นักเรียนของเราเก่งและคิดได้มากมาย แต่มีข้อจำกัดตรงคำสั่งของคุณครูที่ อาจจะสั่งงานไม่ตรงเป้า ตั้งใจยิงนกแต่ไปโดนเอาเครื่องบิน ประมาณนั้น
- การสอนคิดผมควรคำนึงถึงเรื่อง คิดดี คิดถูก คิดเป็น ผมก็เลยต้องเริ่มจากความดีที่ใกล้ตัว แม้จะเป็นนามธรรมแต่นักเรียนคิดออกมาจากด้านใน สู่ด้านนอกแล้วให้ตลบเข้าด้านในอีก อาจเรียกว่าองค์รวมหรือบูรณาการที่มาจาก inside-out และ outside-in ซึ่งผมก็เพิ่งจะทดลองใช้เป็นครั้งที่ 2 ตามที่ผมบันทึกไว้ และก็ยิงติดครับ...ได้ผล นักเรียนตัวนิดตัวน้อยเข้าใจ บอกได้ อธิบายได้ ให้เหตุผลได้ เปรียบเทียบได้ ประเมินถูกผิดได้ ฯลฯ
- หน้าต่างโจ แฮรี่ มีสี่ช่องที่สอนวิธีวิเคราะห์ตนเอง สิ่งที่ตนรู้ คนอื่นรู้ ตนไม่รู้ คนอื่นไม่รู้ ตามมิติ อะไรประมาณนั้น แต่แผนที่ความดีหรือแผนที่ความคิด เป็นเครื่องมือช่วยคิดได้ครับ อาจจะใช้ประเด็นในหน้าต่างโจแฮรี่มาช่วยเป็นประเด็นวิเคราะห์ก็ได้ ผมยังไม่ได้ทดลองอาจารย์ลองใช้ดูนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมนึกถึงหน้าต่างโจ แฮรี่ ขึ้นมาเกือบลืมไปแล้วครับ (เคยเรียนกับท่านอาจารย์ทิศนา แขมมณี นานมาแล้วครับ)
- โจทย์ที่ผมให้นักเรียนทำแผนที่ความดีคือ...เริ่มจากผมนำเรื่องว่าผมชอบถ่ายภาพ พร้อมกับยกกล้องมาถ่ายนักเรียนคนละฉับสองฉับ แต่ว่ากล้องมันถ่ายติดแต่คนหรือวัตถุสิ่งของ อวัยวะภายในก็มองไม่เห็น สิ่งที่อยู่ข้างในก็มองไม่เห็น ฯลฯ พูดคุยซักถามนักเรียนจนทุกคนเริ่มอยากมีส่วนร่วม หรือไว้ใจคุณครู (ส่วนใหญ่ผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนักเรียน หากเป็นคุณครูที่สอนประจำจะง่ายกว่านี้ครับ)
- ผมบอกว่าครูมีกล้องพิเศษที่ถ่ายภาพติดทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่มองไม่เห็น ผมก็ให้นักเรียนเลือกนายแบบมาคนหนึ่ง ยืนติดกระดานไวท์บอร์ดแล้ว วาดเส้นปากกาตามขอบของร่างกาย เด็กจะชอบมากครับ แกล้งเขียน ตรงนั้นตรงนี้ (ผมเลือกเด็กผู้ชายจะเล่นมุขนี้ได้) ได้ผลครับ...มุขนี้ก็ยิงติดอีก
- เสร็จแล้วก็วาดอวัยวะเพิ่มเติม ตา หู จมูก ปาก ตับ ไต ไส้ พุง แขน ขา มือ
- ตั้งโจทย์ว่า นี่เป็นภาพของคนดี อวัยวะในร่างกายของเราจะทำความดีหรือ เกี่ยวข้องกับความดี สิ่งดีดี ได้อย่างไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างเขียนให้ดู แบบ Mind Map ลากเส้นมาจากอวัยวะ เช่น ตา...มองเห็นความดีของคนอื่น ฯลฯ ให้นักเรียนช่วยคิดต่อสัก 2 - 3 อย่าง แล้วให้ไปคิดเองต่อในกลุ่ม
- ให้นักเรียนเข้ากลุ่ม หานายแบบ แล้ววาดลงบนกระดาษปรู๊ฟ นักเรียนสนุกมาก ขนาดคนที่คุณครูบอกว่า "คนนี้แสบสุดๆ " ยังมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน (เรื่องนี้ก็น่าจะนำมาบันทึกอีก) อย่าลืมกระบวนการกลุ่ม ต้องนำมาใช้ อันนี้สำคัญครับ
- ครูควรกำหนดเวลาให้ทำด้วยว่าให้เวลาเท่าไร 30 นาที หรือ 45 นาที ซึ่งเรื่องนี้ก็สำคัญครับ จะช่วยให้นักเรียนวางแผนการทำงานได้ บอกภารกิจ ล่วงหน้าด้วยว่าจะทำอะไรต่อ เช่น เสร็จแล้วให้หาตัวแทนนำเสนอ กลุ่มละ กี่นาที เป็นต้น
- ได้แผนที่ความดีของคนดีทุกกลุ่มแล้วก็นำเสนอหน้าชั้น ครูควรแนะนำวิธีการนำเสนอ วิธีการฟังสำหรับผู้ฟัง มารยาททั้งหลาย ฯลฯ ซึ่งผมสังเกตแล้วนักเรียนไม่ค่อยได้ถูกฝึก แม้แต่การพูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำ นี่ก็สำคัญครับ
- การสอนที่เพิ่มพูนหรือบูรณาการ จาก Map ใหญ่ ไปสู่ Map เล็ก หากย้อนไปดูจะเห็นว่าผมแยกประเด็นมาทำต่ออีก... เช่น หัวใจที่รัก พ่อ รักแม่ รักครู รักคนอื่น รักตัวเอง รักสิ่งแวดล้อม ฯลฯ นั้นผมดึงมาทีละประเด็นเพื่อทำ แผนที่ความคิดต่อ เช่น หัวใจที่รักสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- เริ่มจากประเด็น รักสิ่งแวดล้อม ทำ Mind Map ในประเด็นรองที่ว่า สิ่งแวดล้อมใน ร.ร. มีอะไรบ้าง...เราจะช่วยรักษาหรือปฏิบัติอย่างไร...ฯลฯ ทำเป็น Mind Map ดังตัวอย่าง
- ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็นำไปสอนต่อ ทีละประเด็น อีก 3 ปีก็ไม่จบครับ
ผมให้ข้อสังเกตว่า...การที่นักเรียนเขียน Mind Map ด้วยตัวเอง คิดเอง ทำให้รู้สึก เป็นเจ้าของ ซึ่งไม่ใช่ Mind Map ของครู ทำให้เขามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ การออกแบบงาน ออกแบบกลุ่ม ต้องสัมพันธ์กันครับ...เป็นไงครับ น่าสนุกจริงๆ ครับ