หากถามในมุมมองของผู้ใช้บริการ ถ้าอะไรฟรีหมด ไม่มีรายจ่ายที่ต้องแบกภาระ...ยกเว้นค่าปรับหนังสือเกินกำหนดส่ง (ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเอง) ห้องสมุดใดที่จัดให้แบบได้ ถือว่ายอดเยี่ยม
ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และนักศึกษา นักศึกษานั้นต้องชำระค่าบำรุงห้องสมุด เห็นแมะ...ไม่มีอะไรฟรี...แต่ไม่ต้องตกใจเพระห้องสมุดเป็นหน่วยงานของรัฐ การเก็บค่าบริการหรือค่าบำรุงนั้นเพียงเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ไม่ได้ค้ากำไรเกินควรแต่อย่างใดเลย
ห้องสมุดส่วนใหญ่ สำหรับลูกค้าหลัก และบริการพื้นฐาน มักไม่ค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่สำหรับบริการพิเศษ"ที่ขั้นกว่า" นั้นอาจจะต้องมีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการเพิ่มขึ้นหรือที่เรียกว่าบริการเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้เพระต้นทุนต่อกิจกรรมที่ห้องสมุดต้องแบกรับ....ถ้าห้องสมุดใดเลี้ยงตัวยังไม่ได้ แต่อยากบริการฟรีไปทุกอย่าง วันใดวันหนึ่งจะมาโอดครวญเพราะแบกภาระไม่ไหว เห้นจะไม่ใช่เรื่อง ทั้งนี้เพราะเข้าตำราเตี้ยอุ้มค่อม มาตั้งแต่ต้นแล้ว
ทัศนะที่มีอย่างนี้ ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการพัฒนาบริการใหม่ๆ บริการบางอย่างมีต้นทุน แต่ค่าใช้จ่ายอาจเกิดขึ้นทางอ้อมโดยที่ผู้ใช้บริการอาจไม่ทราบ เพราะหน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ชำระให้ แต่บางอย่างเป็นทางตรง ผู้ใช้บริการต้องชำระค่าบริการเอง เช่น
ห้องสมุดบางห้องสมุดอนุญาตให้อาจารย์ในภาควิชาใช้บริการถ่ายเอกสารที่ห้องสมุดได้ฟรี โดยเป็นสวัสดิการของอาจารย์ แต่ต้นสังกัดจะเป็นผู้ชำระเงินค่าใช้จ่ายให้....ห้องสมุดก็ไม่ต้องแบกรับ....แต่เราสามารถร่วมกันพัฒนาบริการได้ เราอยู่ได้ คุณอยู่ได้ ทุกคนอยู่ได้
ห้องสมุดบางห้องสมุดพัฒนาบริการรับ-ส่งเอกสารภายในมหาวิทยาลัย หากกรณีที่ว่าแต่ละวิทยาเขตอยู่ห่างกัน 20-30 กม. การนำหนังสือไปให้ยืมถึงที่ ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี ในส่วนนี้ห้องสมุดอาจต้องแบกรับภาระต้นทุน เนื่องจาก location อยู่ห่างไกล แต่ต้องขอโบนัสจากอธิการให้มากหน่อย...ทำด้วยใจเกินร้อย
แต่บางแห่ง ห้องสมุดแต่ละคณะอยู่ห่างกันไม่เกิน 2 กม. ห้องสมุดยังใจดีจัดบริการรับ-ส่งทรัพยากรให้กับผู้ใช้บริการถึงคณะ... จุดนี้แหละค่ะ ที่ทำให้มีเรื่องพูดคุยกันว่า เรามีส่วนช่วยสร้างพฤติกรรมการใช้ห้องสมุดที่ถูกให้กับผู้ใช้หรือยัง....หรือเราเอาใจเค้ามากเกินไป
บริการรับ-ส่งทรัพยากรที่ว่านี้ ต้องใช้ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเต็มตัว 1 คน, ผู้ช่วยกรณีตอบรับคำร้อง 1 คน, บุคลากรด้านบริการของห้องสมุดคณะ 13 คณะ และค่าน้ำมัน ความใจดีของห้องสมุดตั้งใจว่าจะช่วยรับ-ส่งทรัพยากรให้ถึงมือผู้ใช้โดยเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการเรียนการสอน โดยเฉพาะนักศึกษาภาคพิเศษที่เรียนเฉพาะวัน-เสาร์อาทิตย์ ซึ่งเราเปิดกว้งให้อาจารย์ทุกคณะ นักศึกษาบัณฑิตศึกษาทุกหลักศุตรใช้บริการ และแถมให้สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีที่มีหลักสูตรการเรียนมากกว่า 4 ปี อนุญาตให้ใช้เฉพาะปีที่ 5 ขึ้นไป เพื่อช่วยในการเรียนการสอน กรณีฝึกงาน เป็นต้น วัตถุประสงค์รองที่เพิ่มขึ้นมาจากบรบทที่เปลี่ยนแปลงไป คือ ช่วยให้ผู้ใช้สะดวกเนื่องจากบริเวณห้องสมุดมีที่จอดรถจำกัด
หลักการนั้นดีมากค่ะ บอกแล้ว ถ้าเป็นผู้ใช้บริการ ต้องชอบแน่แน่...นายแน่มาก
แต่พบนะคะว่า แม้ว่าห้องสุดจะเปิดบริการตั้งแต่ 08.30-22.30 น. แต่ผู้ใช้บางคนก็เลือกที่จะใช้บริการรับ-ส่งเอกสาร (แล้วตัวเองไปกินส้มตำ...แบบว่าอร่อยสุดๆ หรือใช้เวลาที่ควรจะมาห้องสมุดไปเดินช้อปปิงตามตลาดเปิดท้าย) บางท่านให้ห้องสมุดนำส่งเอกสารแบบต้องแบกรับต้นทุนเอง แต่ท่านนำบริการของเราไปสอนพิเศษต่างสถาบัน และเป็นวิทยากร ซึ่งได้ค่าตอบแทน แม้แต่บางครั้งในการทำวิจัย ก็มักจะมีการสนับสนุนงบประมาณด้านเอกสาร ซึ่งนักวิจัยน่าจะจ่ายได้ แล้วโบ๊ะต้นทุนทั้งหมดให้กับห้องสมุด.... เช่น ต้นทุนในการเดินทาง ต้นทุนในการหาหนังสือที่ชั้น ต้นทุนในการนำส่ง
แม้ว่าบริการนี้จะฟรี เพระยินดีที่จะตอบโจทย์เรื่องที่จอดรถมีจำกัด...ในความเป็นจริงห้องสมุดจะต้องแบกรับภาระทั้งหมดด้วยตนเองหรือไม่ ในด้านการจอดรถ เมื่อมหาวิทยาลัยอนุมัติให้เปิดหลักสูตรมากขึ้น และเปิดรับนักสึกษามากขึ้น เป็นธรรมดาที่ห้องสมุดก็ต้องมีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น....เพื่อความเป็นหน้าเป็นตา...มหาวิทยาลัยควรจะมีส่วนรับผิดชอบ
หากบริการรับ-ส่งเอกสารภายในมหาวิทยาลัย work จริง ช่วยเหลือด้านการเรียน การสอน และการวิจัย ได้จริงแล้ว มหาวิทยาลัยควรจะสนับสนุนงบประมาณด้านนี้โดยตรง เช่น ปีละ 50,000 เป็นต้น (ปล.ผู้ใช้อยากให้บริการทุกวัน....ในขณะที่อัตรากำลังมีจำกัด แถมยังจะลดน้อยถอยลงอีก...หากมหาวิทยาลัยเห็นชอบ ควรจะสนับสนุนการจ้างบุคลากรช่วนคราว....เพราะปัจจุบันใช้เจ้าหน้าที่ห่องงสมุดที่มีประสบการณ์ในงานด้านห้องสมุด น่าจะมอบหมายให้ทำงานทางวิชาการมากกว่านำส่งหนังสือตามคณะ)
หากทุกคนเห็นชอบ อยากให้มี พึงพอใจ 95% แต่ไม่สนับสนุนอะไรเลย...
เรียกว่า หวานซ้า หวานหยด
จะเป็นไรไหม ที่ห้องสมุfจะทบทวนบริการ โดยใช้หลักการบริการเชิงพาณิชย์
ไม่ต้องให้รวย แต่ไม่ต้องควักเนื้อตัวเอง
สำหรับผู้ใช้บริการ ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาหรอกค่ะ....เมื่อห้องสมุดเปิดกว้าง ก็ย่อมใช้บริการได้เต็มที่
หากแต่ห้องสมุดเมื่อมีปัญหาและอุปสรรค น่าจะพิจารณา Model วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งนะคะ โดยเฉพาะประเภทบริการพิเศษ สำหรับบริการพื้นฐานนั้นคงทำไม่ได้
เช่น
อาจารย์ให้ใช้บริการได้ฟรี 50 รายการ/ภาคการศึกษา เล่มที่ 51 ไปคิดราคาเล่มละ 5 บาท เป็นต้น
ท่านหล่ะคะคิดอย่างไร
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมค่ะ
คิดว่าห้องสมุดแต่ละแห่ง คงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของตนเองค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคุณสมชาย ลุง หิรัญพานิช และพี่Sasinanda
ที่แวะมาทักทายค่ะ
สวัสดีค่ะคุณปอง
หัวอกคนทำงานห้องสมุดเหมือนกัน-ย่อมเข้าใจกันค่ะ
Customer be come first สำหรับบริการพื้นฐาน แน่นอนค่ะ
คนห้องสมุดพร้อมที่จะจัดให้แบบเปี่ยมด้วยคุณภาพอยู่แล้ว
แต่ที่ขัดๆ คือ เราไม่ใช้การบริหารแนวใหม่
สำหรับบริการพิเศษจ่ายมาก ย่อมได้ "บริการที่มากกว่า"
และห้องสมุดต้องประกันได้ว่า เมื่อผู้ใช้จ่ายเพิ่ม...อะไรคือผลลัพท์ที่เขาเหล่านั้นจะได้รับ
สำนวนที่วาส "อะไรที่ได้มาง่ายเกินไป ย่อมไม่รู้คุณค่า" ก็น่าสนใจสำหรับใช้พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องนะคะ