"ทำไมต้องเป็น 'สาละวิน' ด้วย ?"
มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ที่ใครหลายคนรู้สึกว่าข้าพเจ้าเริ่มหายหน้าหายเสียง ติดต่อก็ไม่ได้ เพราะมือถือไม่มีสัญญาณ แล้วแถมกลับถึงบ้านแล้วก็ยังคงติดต่อไม่ได้ เพราะอีกเกือบครึ่งค่อนวันต่อมา-ข้าพเจ้านอนยาว
ฉันตอบไปประมาณว่า
"ไม่แน่ใจเหมือนกัน (ว่ะ) รู้แต่ว่า-ตั้งแต่ทำงานลงพื้นที่มาหลายปี ..มันเป็นที่-ที่ไปกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่า 'มาอีกกี่ครั้ง-ก็มาอีกได้' ..จำตอนที่เราขับรถไปกันตอนจบใหม่ๆ ได้ไหม แม่สามแล่บตอนนี้ไม่เหมือนตอนโน้นเลย..".
ระหว่างทางรถตู้เชียงใหม่-แม่สะเรียง
มองผ่านกรอบกระจกรถ..
แม้จะได้เห็นท้องฟ้ากว้างๆ บ้าง
(มันถูกบังด้วยด้านข้างของภูเขาและต้นไม้สูงๆ-ซะเป็นส่วนใหญ่)
แต่ก็ยังมีเขียวๆ ของนาข้าวขั้นบันไดที่สลับไปมากับเขียวๆ
ของต้นไม้สูง เมื่อทุกอย่างรวมเข้าด้วยกัน-มันก็เพียงพอแล้ว
สำหรับทบทวนอะไรต่อมิอะไร..
..........................................
ทริปสมัยโน้น-แม้เพียงแค่ได้ยินฟังมา แต่มันก็ทำให้พวกเราหลายคนก็รู้สึกอึ้งๆ กับข่าว-มอเนอร์ปลอว์เมืองหลวงของกอทูเล-ดินแดนอันบริสุทธิ์ปราศจากความชั่วร้ายทั้งมวล ..แตกสลาย ..เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะก่อตัวกลายเป็นความตั้งใจของพวกเราว่าจะต้องไปให้ถึงริมสาละวิน..สักครั้ง ..
ในวันที่คิดหาหัวข้อวิทยานิพนธ์-มันกลายเป็นแรงผลักดันให้ฉวยคว้าโอกาสการทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนสัญชาติพม่าแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ..ร่วมปี-ที่นั่น นอกจากจะได้เรียนรู้จักเรื่องราวของแรงงานข้ามเส้นเขตแดนจากประเทศพม่าแล้ว ยังได้เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจกับเรื่องราว ผู้คน-ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังและการต่อสู้ของกลุ่มกะเหรี่ยงเคเอ็นยู..
6 ปีที่ผ่านมากับการทำงานหลายพื้นที่ในหลายจังหวัด แต่แม่ฮ่องสอนเป็นพื้นที่ที่ทีมงานเราไปเยือนเกือบทุกปี บางปี-มากกว่าหนึ่งครั้ง ..
..........................................
ในวันที่ "เรา" ตัดสินใจว่าอยาก 'ลงลึก' ในเชิงเนื้อหาของงาน ข้าพเจ้าเสนอและขอเป็นคนตัดสินใจเลือกพื้นที่สำหรับการเริ่มต้นงานของพวกเรา มันเริ่มด้วยความลังเลกับพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำสองสายในอุษาคเนย์ ที่พวกเราหลงใหล ..อีสาน-เพราะมันอยู่ริมโขง กับแม่ฮ่องสอน-เพราะมันอยู่ริมสาละวิน
........................................'
ปี 2550 ที่ผ่านมา-นับแต่เดือนมิถุนา-ข้าพเจ้าเดินทางไปบ้านสบเมย บ้านแม่สามแล่บ บ้านแม่ดึ๊ บ้านแม่คะตวน รวม 5 ทริป ..ใช่-มันไม่ใช่จำนวนครั้งที่มากมาย และแต่ละทริปใช้เวลาไม่นานวัน ..แต่ ร ะ ห ว่ า ง-ก่อนไป-ไปถึง-กลับมาแล้ว รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางแต่ละทริป ..ที่สำคัญสิ่งที่เราพบเจอในระหว่างทางการทำงาน สิ่งที่ 'สั่นสะเทือน' จิตใจจน เรา ห วั่ น ไ ห ว
ไม่บ่อยครั้ง-แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีเหมือนกัน ที่อดคิดไม่ได้ว่า "นี่-ฉันคิดถูกหรือเปล่า (วะ)"
........................................
กลับถึงกรุงเทพฯ , unrecieved call บางเบอร์-ช่วยเรียกให้ใจกลับคืนมาได้มากโข..
.......................................
ข้าพเจ้าตอบคำถามของ 'บางคน' ด้วยใจความที่คล้ายๆ กับที่ตอบเพื่อนไป แต่เพิ่มไปอีกประโยคที่ว่า
"..จะว่าไปมันก็ดีเหมือนกันนะ มันเป็นการพิสูจน์ด้วยว่า มัน "ใช่" สิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า"
ก็ไม่ค่อยอยากไปนัก เพราะมันไกลจนสังขารรับสภาพไม่ได้
แต่ดูเหมือนจะต้องไปอีกหลายครั้ง ไม่สบายใจนักที่เจอคนไร้รัฐอีกเพียบ ทั้งที่บางคนเกิดในไทย แต่ไม่มีเอกสารของรัฐไทยที่รองรับความเป็นคนเกิดไทย
ให้มันจริงเถอะนะก๊อตนะ
จะคอยดู.. เล๊ยยยย