โลกและยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง


โลกสมัยใหม่ กับ คำถามแห่งยุคที่ต้องตอบ

 

สวัสดีท่านผู้อ่าน SUNDAYWEEKLY ได้ห่างหายไปนานจากการเขียนบทความ ก็เริ่มมาเขียนตอนก่อนผ่านพ้นปี 2550 ไป แต่เอาไว้ในอีก คอลัมน์หนึ่งคือ “อรรถวุฒิเล่าเรื่อง” ซึ่งผู้เขียนเองตั้งใจจะเอาประสบการณ์สนุก ๆ ของผู้เขียนเองที่ได้ประสบพบเจอมาเล่าสู่กันฟัง ช่วงนี้กระแสของ Blog ร้อนแรงเหลือเกิน และก็เป็นยุคสมัยที่กล่าวถึงมากพอสมควร แต่บทความที่นำมาลงครั้งนี้คงเป็นการกล่าวถึง ยุคสมัยที่สัมพันธ์กับข้อคำถามแห่งยุคสมัยว่าจะเป็นอย่างไร


โลกและยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง

            โลกและยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ก่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ อันมากมาย สิ่งที่ก่อกำเนิดขึ้นนั้นล้วนแล้วแต่สัมพันธ์กับมิติทุกส่วนในโลก ความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมิอาจเป็นเพียงความสัมพันธ์ในระดับมหภาค หากแต่ยังมีความสัมพันธ์ในระดับจุลภาค หากเป็นความสัมพันธ์เชิงจุลภาคแล้วเราหรือท่านทั้งหลายคงมิอาจจะหลุดหรือรอดพ้นกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นได้

               คำถามที่เกิดขึ้นในความคิดของทุกคนคือ อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง และ ทำไมจึงต้องเปลี่ยนแปลง การตอบคำถามดังกล่าวอาจเป็นการตอบคำถามแห่งยุคสมัย แต่ในที่นี้ผู้เขียนอาจตอบได้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของคำตอบ เพราะผู้เขียนเป็นคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งและมีมุมมองเพียงจาการศึกษาที่ได้ร่ำเรียนมา

              ฉะนั้นการตอบคำถามข้างต้นมิอาจตอบแบบลอย ๆ หากเรานึกหรือตอบแบบลอยแล้วเราก็มิอาจที่จะเข้าใจถึงรากลึกแก่นแท้ของคำตอบได้ การตอบคำถามจึงต้องใช้การศึกษา และวิคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ได้เกิดขึ้นบนโลก และได้มีการเปลี่ยนแปลง

                คำถามแรกที่ถูกถามคือ “อะไรที่เปลี่ยนแปลง” การเปลี่ยนแปลงย่อมมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในตัวของเราเองก็มีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ หรือ ร่างกายนั่นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ฉันใดก็ฉันนั้นโลกก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แล้วโลกเปลี่ยนแปลงอะไร ยุคสมัยหนึ่งโลกได้เปลี่ยนแปลงจากการไล่ล่าอาณาจักรเข้าสู่ยุคศาสนา และจากยุคศาสนาก็เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคแห่งแสงสว่าง พลวัตรของการเปลี่ยนแปลงก็มิได้หยุดลงแค่นั้น โลกยังคงมีการเปลี่ยนแปลงจากยุคแสวงสว่างก้าวย่างเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม และในท้ายที่สุด ณ เวลานี้โลกได้ย่างกายเข้าสู่ยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร และ ก็คงยากที่จะคาดเดาได้ว่าโลกจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใดอีก

                  ทำไมจึงกล่าวว่าโลกยุคปัจจุบันคือการเปลี่ยนแปลงทางด้านข้อมูลข่าวสาร เราพบได้ว่าข้อมูลข่าวสาร การเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งรวดเร็วมากกว่าสมัยก่อน กความรวดเร็วของยุคสมัยอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทรวานิช กล่าวไว้ว่าความเล็กของโลกนั้นมิได้เกิดจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น แต่เล็กลงด้วยเงื่อนไขความรวดเร็วของข้อมูลข่าวสาร เราจะพบได้ว่าเมื่อไม่ถึง 100 ปีที่ผ่านมา คนเราบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ใช้ความ      100 ไมล์ต่อชั่วโมง   ในระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา มีความเร็วยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงในอดีต     เพราะนับตั้งแต่มีเครื่องบินเจ๊ต บิน 500 ไมล์ต่อชั่วโมง เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เรามีซูเปอร์โซนิคความเร็ว 1,500ไมล์ต่อชั่วโมง    และ หลังจากนั้นเราก็มียานอวกาศที่บังคับด้วยมนุษย์ ความเร็ว 17,000 ไมล์ต่อชั่วโมง และปัจจุบัน Hellos และการสำรวจอวกาศ ใช้ความเร็ว     150,000 ไมล์ต่อชั่วโมง           โลกในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจริง ๆ

               

                การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันยังคงมีเรื่องราวของเทคโนโลยีทางด้านพันธุกรรมก้าวเข้าเกี่ยวข้องอีก มีนักเขียนชื่อว่า JUAN ENRIOQUEZ ซึ่งแต่งหนังสือเรื่อง As The Future Catches You  กล่าวว่า มันคือยุคหรือจุดเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์ มนุษย์ตลอดระยะเวลา 5 ศตวรรษที่ผ่านมา เราเริ่มที่จะสะสมเครื่องมือ และความรู้ที่จำเป็น ต่อการควบคุมวิวัฒนาการของเผ่าพันธ์มนุษย์และสายพันธ์ อื่น ๆ ทั้งหลาย บนดาวเคราะห์ดวงนี้อย่างโดยตรงและโดยอ้อม

 

 

            การกล่าวในบริบทข้างต้นคงพอที่จะทำให้ท่านผู้อ่านได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยแล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ประเด็นที่สำคัญในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้คือ เรื่องของการสื่อสารหรือการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากแต่เก่าก่อน อะไรที่ทำให้ผู้เขียนกล่าวเช่นนั้น จุดแรกเริ่มในการมองการเปลี่ยนแปลง คือต้องเริ่มมองจากตัวเราเองก่อน วันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านนอน เราจะพบกับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มากมาย ทุกที่ทุกเวลา จนบางครั้งที่เราย่างก้าวออกจากบ้านเพื่อไปทำงานเราเสมือหนึ่งว่ากำลังจะต้องพบเจอ ข้อมูลข่าวสารอย่างหนักหน่วงตลอดเวลา หรืออาจกล่าวได้ว่าในยามนิทราเท่านั้นกระมั้งที่ทำให้เราไม้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร

 

                  Kent Wertime กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง Building Brand & Belivees ว่า ในยุคนี้สัญญาลักษณ์กลายมาเป็นสื่อที่สร้างความเข้าใจให้กับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้นให้ได้ความรู้ความเข้าใจตรงกัน และจากการเข้าใจต่อเครื่องหมายและสัญญลักษณ์ต่าง ๆ นี้เองเครื่องหมายและสัญญลักษณ์จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่มนุษน์สมารถนึกออกได้ ซึ่งบางครั้งแทบไม่ต้องอธิบายอะไรออกไปให้มากความอีก หากเป็นเช่นนี้แล้ว ภาษา การสื่อสาร โดยใช้สัญญลักษณ์ กำลังจะมีผลต่อมนุษย์ในยุคนี้

 

                ดังนั้นโลกของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารในยุคสมัยนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เรามิอาจรับรู้เพียงแค่สัญญลักษณ์ที่มีความสลับซับซ้อนน้อย ๆ ได้แล้ว เรากำลังเผญิชกับอภิมหาสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ที่แทรกซึมมาอยู่ในชีวิตเรา และอภิมหาสัญญลักษณ์นี้เองได้ทำให้การสื่อสารการประชาสัมพันธ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมเราจะสื่อสารด้วยภาษากายหรือภาษาพูดที่ง่าย ๆ หากแต่เดี่ยวนี้ได้เกิดสัญญาลักษณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อมาใช้ในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายแล้ว หากเป็นดังนี้เราก็คงต้องศึกษาและทำความเข้าใจในโลกยุคอภิหมาสัญญลักษณ์อีกต่อไป

 

                การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจการสื่อสารและกลุ่มในการประชาสัมพันธ์มากขึ้น เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ มิได้คงที่ หากแต่มันได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และหากเราไม่เข้าใจว่า “อะไรคื่อสิ่งโลกเปลี่ยนแปลง” เราก็มิอาจเข้าใจบริบทของโลกนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ความเข้าใจในปรากฎการณ์ต่าง ๆ อย่าลึกซึ้งจะทำให้เราตอบคำถามประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดละออ

 

                  ยังคงมิได้ตอบคำถามอีกคำถามหนึ่งคือ “ทำไมโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลง” การเปลี่ยนแปลงของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ส่วนที่ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนของมนุษย์เอง การเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์นี่เองคือการตอบคำถามที่สำคัญที่สุดว่า “ทำไมโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลง”

 

               “ทำไมโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลง” เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นหลักใหญ่ มนุษย์ทำอะไร แล้วการกระทำของมนุษย์ทำไมจึงทำให้เป็นคำตอบของการเปลี่ยนแปลง ตรงนี้เองเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ก่อน มนุษย์เกิดมาเพื่อการดำรงอยู่ การดำรงอยู่คือการแสวงหาอากสแห่งการอยู่รอด การอยู่รอดของนมุษย์นี่เองที่เป็นตัวการสำคัญ

 

                 มนุษย์แสวงหาการอยู่รอดโดยการบริโภค การบริโภคในยุคนี้มนุษย์บริโภคมากขึ้น ฉะนั้นเครื่องมือในการไล่ล่าจึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประการต่อมามนุษย์ต้องการถิ่นที่อยู่อาศัย มนุษย์เริ่มลุกล้ำส่วนในความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ประการสุดท้าย มนุษย์ต้องการผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในจำนวนมากขึ้น มนุษย์เริ่มก่อตั้งโรงงานขึ้นมาเพื่อให้เกิดการผลิตในจำนวนมาก สนองความต้องการมาก

 

                   การแสวงหาความต้องการและอยู่รอดได้ทำให้โลกมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดมลพิษมากขึ้น เกิดการสูญเสียทรัพยากรมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงทำให้โลกมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเราพอจะทราบคำถามที่ว่า “ทำไมโลกจึงมีการเปลี่ยนแปลง” คำตอบก็คือ โลกต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แต่ประเด็นคำตอบนี้ตอบได้เพียงได้เดียวคือ ด้านกายภาพ ส่วนภายในนั้นมนุษย์คือคนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มนุษย์เปลี่ยนทั้งแนวคิด ทั้งการก่อสร้าง นั้นทำให้โลกเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นแล้วทำไมโลกจึงเปลี่ยนแปลง ก็ย่อมได้ว่าเปลี่ยนแปลงเพราะมนุษย์ต้องการความอยู่รอดและโอกาส

 

                   ในบริบททั้งสองพยายามชี้ให้ผู้อ่านได้เห็นว่าโลกกำลังเผญิชอยู่กับสิ่งใดและจะเป็นเช่นไร แนวโน้มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกมิได้สัมพันธ์อยู่กับภุมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งหากแต่สัมพันธ์กับทุกสิ่งทุกอย่าง สื่อก็เป็นหนึ่งในพลวัตรของโลก โลกเปลี่ยนแปลงสื่อก็ถูกเปลี่ยนไปตามที่โลกเปลี่ยน เมื่อสื่อเปลี่ยน การใช้สื่อเป็นตัวกลางก็เปลี่ยน การสื่อสารจากกลุ่มองค์กรหนึ่งโดยใช้สื่อเป็นตัวกลางไปให้กับอีกองค์กรหนึ่งก็เปลี่ยน กลุ่มเป้าหมายในโลกสมัยใหม่ก็เปลี่ยน ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง การต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารก็เปลี่ยน

 

               ฉะนั้นแล้วการตอบคำถามเรื่องสื่อและกลุ่มเป้าหมายในการประชาสัมพันธ์ มิอาจกล่าวหรือพูดถึงแบบลอย ๆ หากแต่ต้องมองทุกอย่างให้สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย และคำตอบของ สื่อและกลุ่มประชาสัมพันธ์ก็มิอาจที่ตอบได้ถูก เพราะวันนี้ถูกแต่พรุ่งนี้หรืออนาคตอาจผิด เพราะโลกใบนี้เป็นพลวัตร

 

วันนี้คงพอเท่านี้ก่อนพบกันใหม่อาทิตย์หน้า

หมายเลขบันทึก: 159219เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2008 19:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท