طلب العلم فريضة على كل مسلم
หมายความว่า..การศึกษานั้นเป็นการจำเป็น(บังคับ)บนมุสลิมทุกคน 6
จากวจนะนี้บอกถึงความจำเป็นและสำคัญยิ่งต่อมุสลิมทุกคนไม่ว่าหญิงชายจะต้องศึกษา ใฝ่หาความรู้ใส่ตัว
นับเป็นสิ่งแปลกในประวัติศาสตร์อิสลามที่เราเห็นสตรีบางคนไม่ได้ศึกษาหาความรู้ขั้นพื้นฐานอย่างเดียว แต่ยังก้าวมาเป็นคณาจารย์ของบรรดานักวิชาการอีกมากมายในสมัยความมืดมน(ยาฮีลียะฮฺ)ยังปกคลุมอยู่ มีบรรดาอูลามาอฺที่มีชื่อเสียงหลายท่านจะมานั่งฟังการบรรยาย การสอนของเธอ และหาความรู้และการได้รับการยอมรับจากเธอ
ประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกไว้ว่า..นางไซนับ บินตี อุสมาน อัล ดีมิสกียะฮฺ เป็นผู้รู้ฮาดิส(วจนะ)มากที่สุดในสมัยเธอ ซึ่งจะมีผู้มาเรียนกับเธอไม่ต่ำกว่า๕๐คน ในจำนวนบรรดาลูกศิษย์เธอนั้นคือ อีมาม อัล ฮาฟิศ อิบนุ ฮายาร อัลอัสกอลานี ผู้ที่แต่งหนังสือมากมายในประวัติศาสตร์ และได้รับการยอมรับจากเธอ นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีอีกมากมายในบรรดาสตรีที่งานของเธอคือมุ่งมั่นค้นหาความรู้เท่านั้น บางท่านใช้ชีวิตของเธอในการศึกษาหาความรู้และเผยแพร่โดยไม่คำนึงการแต่งงานเลย
เราสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับบรรดาสตรี่มีชื่อเสียงได้ในหนังสือเกี่ยวกับประวัตรบุคคลต่างๆซึ่งเราจะเห็นว่าในช่วงสมัยอิสลามกำลังรุ่งโรจนั้นพวกเขาส่วนมากจะเก่งในด้านอักษรศาสตร์และท่องจำอัล-กุรอาน เก่งด้านฮาดิส ฟิกฮฺและด้านการแต่งหนังสือ
ท่านอีมามอิบนุอาซากีร-เป็นนักวิชาการที่เก่งคนหนึ่งในสมัยนั้น- เคยศึกษาเอาความรู้บางประการจากบรรดานักวิชาการสตรีในสมัยนั้น ซึ่งบรรดาคณาจารย์สตรีของท่านไม่ต่ำกว่า๘๐ท่าน ดังที่อีมามซาฆอวีได้บันทึกไว้ในหนังสือ อัลเดาอู อัลลาแมะอฺ ซึ่งท่านได้รวบรวมประวัติบรรดาสตรีที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที๙ เราจะได้เห็นในหนังสือนี้บรรดานักวิชาการสตรีและบรรดามูรอบบีสตรีมากมาย เป็นสิ่งทีไม่แปลกซึ่งอีมามซาฆอวีเองก็มีอาจารย์สตรีไม่ต่ำกว่า๕๐ท่าน ซึ่งให้การยอมรับ(อีจาซะฮฺ)มากกว่า๒๕ท่าน
แท้จริงบทบาทของบรรดาสตรีในสมัยนั้นมีมากชื่อเสียงของพวกเธอเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก บรรดานักวิชาการชายในยุคแรกต่างเห็นว่าการไปหาบรรดาสตรีเป็นที่อนุโลม หากรู้ว่าเธอนั้นเป็นผู้รู้ฮาดิษนาบาวีและเป็นผู้รีวายัต(เผยแพร่)ฮาดิษนั้น แต่ขออภัย ณ ตรงนี้ด้วย เนื่องจากไม่สามารถยกตัวอย่างบรรดาสตรีที่รีวายัตฮาดีสได้ เพราะจำนวนมากเกินที่จะยกมาเป็นตัวอย่าง แต่ละคนนั้นมีบทบาทไม่แพ้กัน ขอให้พวกเราไปดูในหนังสือประวัติผู้เผยแพร่ฮาดิษก็แล้วกัน
ยังมีนักวิชาการสตรีอีกมากมายที่เก่งหลายด้านเช่น ด้านฟิกฮฺ ด้านฮาดิษ ด้านการแพทย์ ด้านบทกลอน ท่องกุรอาน ดังเช่นท่านหญิงอาอีชะฮฺ รอดียัลลอฮูอันฮู
เป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งที่เราได้ยินจากนักวิชาการยุโรปคนหนึ่งได้กล่าวว่า..แท้จริงบรรดาสตรีมุสลิมะฮฺในยุคก่อนนั้นสามารถผลิตสตรีให้โด่งดังและเก่งด้านความรู้ต่างๆไม่แพ้สตรียุโรปในปัจจุบัน 7
บทบาทสตรีที่กล่าวมานั้นพวกเขาได้ปฏิบัติอยู่ในกรอบที่อิสลามได้กำหนดไว้
น้องสาวที่รัก..หากเธอเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยต้องการแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใส่ตัวเพื่อเป็นสมาชิกของการสร้างและพัฒนาสังคม- ไม่ใช่เป็นผู้ทำลาย และทำให้สังคมตกต่ำ- ดังนั้นเธอจงรู้ขอบเขตของความรู้ และเธอจงแสวงหาความรู้ด้วยความตั้งใจพร้อมทั้งมั่นคงและเข็มแข็งในจุดยืน รักตัวสงวนตน สิ่งที่ลืมไม่ได้นั้นคือมหาวิทยานั้นเป็นแหล่งความรู้ ที่เยาวชนหนุ่มสาวเข้ามาศึกษาหาความรู้ และจบออกไปด้วยชื่อเสียงและเกียรติของเธอที่น่าภาคภูมิใจ
น้องสาวที่รัก..เธอเคยเห็นไหม?พ่อแม่บางคนเป็นห่วงลูกสาวมากเกินไป กลัวลูกสาวจะเสียคนและทำลายชื่อเสียง เพื่อรักษาเกียรติยศ จึงห้ามลูกสาวเข้าศึกษาต่อสูงๆ
ดังนั้น น้องสาวที่รัก ในเมื่อเธอเป็นนักศึกษาที่เป็นความหวังของพ่อแม่เธอ มีความใฝ่ฝันที่สูงส่งและต้องการมีเกียรติในสังคม ดังนั้นจงทำให้ความหวังและความใฝ่ฝันของเธอให้สำเร็จ และหางไกล่จากสิ่งชั่วร้าย จงแสดงความริสุทธิและความเข้มแข็งในจุดยืนของเธอ และจงมั่นคงในความสามารถของเธอ และจงนึกเสมอว่าเธอนั้นเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาสังคม เธอมีบทบาทมากมาย ประชาชาติกำลังรอเธออยู่เพื่อยกระดับของพวกเขา
ผมขอดูอาให้เธอสามารถแสวงหาความรู้ และขอให้อัลลอฮฺคุ้มครองเธอจนเธอสามารถเรียนจบการศึกษาจากมหาวิทลัยโดยสวัสดิภาพ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
6รายงานโดย อิบนุมายะฮฺ
7 จากหนังสือ อิสลามและอรยธรรมอาหรับ เขียนโดย มูฮัมมัด กุรดี อาลี
7 จากหนังสือ อิสลามและอรยธรรมอาหรับ เขียนโดย มูฮัมมัด กุรดี อาลี